เมษายน
วันพุธที่ 1 เมษายน
พ่อของผมอยากให้ทุกคนที่ยอมรับและแสดงความเชื่อในลูกของพระองค์มีชีวิตตลอดไป—ยน. 6:40
เพื่อเราจะได้ประโยชน์จากเลือดและเนื้อของพระเยซู เราต้องแสดงความเชื่อในค่าไถ่ (อฟ. 1:7) คนที่พระเยซูบอกว่าอยู่ในกลุ่มของ “แกะอื่น” จะไม่กินขนมปังและเหล้าองุ่นและไม่ควรกินสิ่งเหล่านี้ในการประชุมอนุสรณ์ (ยน. 10:16) แต่พวกเขาก็ได้ประโยชน์จากเนื้อและเลือดของพระเยซูได้โดยแสดงความเชื่อในคุณค่าของเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู (ยน. 6:53) ส่วนคนที่กินขนมปังและดื่มเหล้าองุ่นในวันอนุสรณ์ก็มีส่วนในสัญญาใหม่และมีความหวังจะได้ปกครองกับพระเยซูในสวรรค์ ไม่ว่าเราจะเป็นแกะอื่นหรือเป็นผู้ถูกเจิม เราต้องแสดงความเชื่อซึ่งจะทำให้ได้ชีวิตตลอดไป ห24.12 น. 13 ว. 14, 16
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 12 นิสาน) มัทธิว 26:1-5, 14-16; ลูกา 22:1-6
วันประชุมอนุสรณ์
หลังดวงอาทิตย์ตก
วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน
พวกคุณที่เป็นแกะฝูงเล็ก อย่ากลัวเลย เพราะพระเจ้าผู้เป็นพ่อของพวกคุณตั้งใจแล้วว่าจะให้รัฐบาลของพระองค์กับพวกคุณ—ลก. 12:32
ตอนที่พระเยซูตั้งการฉลองอาหารมื้อเย็นของพระคริสต์ ท่านส่งขนมปังไม่ใส่เชื้อให้กับพวกอัครสาวกและบอกพวกเขาว่านี่หมายถึงร่างกายของท่าน แล้วพระเยซูก็ส่งเหล้าองุ่นให้พวกเขาแล้วบอกว่านี่หมายถึง “เลือดที่ทำให้สัญญามีผลบังคับใช้” (มก. 14:22-25; ลก. 22:20; 1 คร. 11:24) นี่เป็นสัญญาใหม่ที่พระยะโฮวาทำกับ “อิสราเอล [ของพระเจ้า]” ซึ่งจะร่วมปกครองใน “รัฐบาลของพระเจ้า” (ฮบ. 8:6, 10; 9:15) ในการฉลองอาหารมื้อเย็นของพระคริสต์ พระเยซูเน้นไปที่ “แกะฝูงเล็ก” พวกอัครสาวกที่ซื่อสัตย์ซึ่งอยู่กับพระเยซูในการฉลองอาหารมื้อเย็นวันนั้นเป็นคนกลุ่มแรกที่อยู่ในกลุ่ม “แกะฝูงเล็ก” นี้ คนเหล่านี้จะได้ปกครองกับพระเยซูในสวรรค์ ห24.12 น. 11 ว. 9-10
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 13 นิสาน) มัทธิว 26:17-19; มาระโก 14:12-16; ลูกา 22:7-13 (เหตุการณ์หลังดวงอาทิตย์ตก 14 นิสาน) ยอห์น 13:1-5; 14:1-3
วันศุกร์ที่ 3 เมษายน
พระเจ้ารักโลกมาก จนถึงกับยอมสละลูกคนเดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่แสดงความเชื่อในท่านจะไม่ถูกทำลาย แต่จะมีชีวิตตลอดไป—ยน. 3:16
พระเยซูถูกทรยศ ถูกจับ ถูกด่าว่า ถูกใส่ร้าย ถูกตัดสินว่ามีความผิดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำ และถึงกับถูกทรมานด้วย พวกทหารพาพระเยซูไปที่ลานประหารและตรึงท่านบนเสาทรมาน ในขณะที่พระเยซูต้องอดทนกับเรื่องเลวร้ายเหล่านี้อย่างซื่อสัตย์ มีผู้หนึ่งที่เจ็บปวดมากกว่าพระเยซูหลายเท่า ผู้นั้นคือพระยะโฮวาพระเจ้า แม้พระยะโฮวามีพลังอำนาจมหาศาลและสามารถช่วยพระเยซูไม่ให้โดนทรมานขนาดนั้นได้ แต่พระองค์ก็อดกลั้นไว้และไม่เข้าไปแทรกแซง เพราะอะไร? เพราะพระยะโฮวารักเรามากจริง ๆ การเสียสละของพระเยซูเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุดแสดงให้เห็นเลยว่าพระยะโฮวารักคุณมาก พระองค์ยอมสละลูกที่พระองค์รักที่สุดและยอมเจ็บปวดอย่างที่ไม่มีอะไรเทียบได้เพื่อช่วยคุณให้พ้นจากบาปและความตาย (1 ยน. 4:9, 10) ใช่แล้ว พระองค์อยากช่วยเราทุกคนให้ต่อสู้กับบาปและเอาชนะมัน! ห24.08 น. 6 ว. 13-14
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 14 นิสาน) ยอห์น 19:1-42
วันเสาร์ที่ 4 เมษายน
พระคริสต์เองก็ยังทนทุกข์เพื่อพวกคุณ—1 ปต. 2:21
เราสามารถเข้าใจชัดเจนขึ้นว่าพระยะโฮวารักเราแค่ไหนถ้าเราคิดใคร่ครวญว่าพระองค์ต้องเสียสละขนาดไหนที่ส่งพระเยซูมาเป็นค่าไถ่ ซาตานอ้างว่าไม่มีผู้รับใช้ของพระยะโฮวาคนไหนจะซื่อสัตย์ภักดีต่อพระองค์ถ้าเจอความยากลำบาก เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานี้ไม่เป็นความจริง พระยะโฮวาเลยยอมให้พระเยซูเจอความทุกข์ยากลำบากหลายอย่างก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต (โยบ 2:1-5) พระยะโฮวาต้องทนดูพระเยซูถูกหัวหน้าศาสนาเยาะเย้ย ถูกทหารเฆี่ยนด้วยแส้ ถูกตรึงบนเสาทรมาน และสุดท้ายพระองค์ต้องทนดูลูกชายสุดที่รักของพระองค์ตายอย่างเจ็บปวดทรมาน (มธ. 27:28-31, 39) พระยะโฮวามีอำนาจที่จะหยุดไม่ให้เกิดสิ่งเหล่านี้เมื่อไหร่ก็ได้ (มธ. 27:42, 43) แต่ถ้าพระยะโฮวาทำแบบนั้นก็จะไม่มีการจ่ายค่าไถ่และเราก็จะไม่มีหวังอะไรเลย พระองค์เลยยอมให้พระเยซูทนทุกข์จนถึงลมหายใจเฮือกสุดท้าย ห25.01 น. 22 ว. 7
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 15 นิสาน) มัทธิว 27:62-66 (เหตุการณ์หลังดวงอาทิตย์ตก 16 นิสาน) ยอห์น 20:1
วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน
ท่านปรากฏตัวให้พวกเขาเห็นหลายครั้งตลอดช่วง 40 วัน—กจ. 1:3
วันที่ 16 เดือนนิสาน ค.ศ. 33 พวกสาวกของพระเยซูต่างเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจและหวาดกลัว มีสาวก 2 คนเดินทางออกจากกรุงเยรูซาเล็มและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเอมมาอูส พวกเขาได้พบกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่เดินเข้ามาคุยด้วยแล้วก็เดินไปพร้อม ๆ กับพวกเขา ระหว่างทางสาวก 2 คนนี้ก็เลยเล่าให้ชายคนนี้ฟังว่าพวกเขาเสียใจแค่ไหนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระเยซู หลังจากที่ชายแปลกหน้าคนนี้ได้ฟัง เขาก็เริ่มอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่จะทำให้สาวก 2 คนนี้จดจำไปตลอดทั้งชีวิต เขาบอกว่าทำไมเมสสิยาห์ถึงต้องมาทนทุกข์และต้องตายโดยหาเหตุผล “เริ่มตั้งแต่หนังสือของโมเสสและของพวกผู้พยากรณ์” พอทั้ง 3 คนเดินทางมาถึงหมู่บ้านเอมมาอูส ชายแปลกหน้าคนนี้ก็เปิดเผยตัวว่า ที่แท้เขาคือพระเยซูที่ฟื้นขึ้นจากตายแล้ว (ลก. 24:13-35) พระเยซูอยู่บนโลก 40 วันก่อนที่ท่านจะกลับไปสวรรค์ ในช่วงนั้น ท่านได้ปรากฏตัวให้สาวกของท่านเห็นหลายครั้งและได้ให้กำลังใจพวกเขาด้วย จากที่กำลังเศร้าและหวาดกลัว พวกสาวกของพระเยซูก็กลับมามีความมั่นใจ มีความสุข และมีความกล้าหาญที่ประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า ห24.10 น. 12 ว. 1-3
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 16 นิสาน) ยอห์น 20:2-18
วันจันทร์ที่ 6 เมษายน
ขอให้เสริมกำลังตัวเองด้วยความเชื่อที่บริสุทธิ์—ยด. 20
เมื่อเวลาผ่านไป เราทุกคนก็จะโตเป็นผู้ใหญ่ตามธรรมชาติ แต่การเป็นคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น พี่น้องในเมืองโครินธ์ตอบรับข่าวดี รับบัพติศมา ได้รับพลังบริสุทธิ์ และได้รับประโยชน์จากคำแนะนำดี ๆ หลายอย่างจากอัครสาวกเปาโล (กจ. 18:8-11) แต่พวกเขาหลายคนก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ด้านความเชื่อถึงแม้พวกเขาจะรับบัพติศมามาระยะหนึ่งแล้ว (1 คร. 3:2) เพื่อจะเป็นผู้ใหญ่ด้านความเชื่อได้ เราต้องมีความต้องการที่จะทำอย่างนั้นก่อน คน “ขาดประสบการณ์” ที่พอใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่จะไม่มีทางเป็นคริสเตียนที่เป็นผู้ใหญ่ได้เลย (สภษ. 1:22) เราไม่อยากเป็นคนที่โตแต่ตัวที่คอยให้พ่อแม่ตัดสินใจแทนตลอด แต่เราอยากจะสร้างความเชื่อของเราให้เข้มแข็งด้วยตัวเอง ถ้าคุณกำลังพยายามเป็นคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ให้อธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยคุณให้ “มีทั้งความต้องการและกำลังเพื่อจะทำสิ่งที่พระองค์พอใจ”—ฟป. 2:13 ห24.04 น. 4 ว. 9-10
วันอังคารที่ 7 เมษายน
พระยะโฮวา . . . ไม่อยากให้ใครต้องถูกทำลาย—2 ปต. 3:9
พระยะโฮวาบอกให้เรารู้ว่าพระองค์รู้สึกยังไงเกี่ยวกับการพิพากษาตัดสินมนุษย์ (อสค. 33:11) พระยะโฮวาไม่อยากทำลายใครตลอดไปเว้นแต่ว่าพระองค์เห็นเหตุผลสมควรที่จะทำแบบนั้นจริง ๆ พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่เมตตามาก และพระองค์หาทางที่จะแสดงความเมตตาเสมอ เรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับคนที่จะไม่ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย? คัมภีร์ไบเบิลบอกให้เรารู้ไม่กี่คน เช่น พระเยซูบอกว่ายูดาสอิสคาริโอทจะไม่ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย (มก. 14:21; ดูยอห์น 17:12 รวมทั้งข้อมูลสำหรับศึกษาด้วย) ยูดาสจงใจต่อต้านพระยะโฮวากับพระเยซู (ดูมาระโก 3:29 รวมทั้งข้อมูลสำหรับศึกษา) นอกจากนั้น พระเยซูยังพูดถึงหัวหน้าศาสนาชาวยิวในสมัยของท่านบางคนที่ต่อต้านท่านด้วยว่าพวกเขาจะไม่ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย (มธ. 23:33; ดูยอห์น 19:11 รวมทั้งข้อมูลสำหรับศึกษาของคำว่า “คนที่”) และเปาโลยังพูดถึงคนทรยศพระเจ้าที่ชั่วร้ายบางคนซึ่งไม่กลับใจ พวกเขาจะไม่ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายด้วย—ฮบ. 6:4-8; 10:29 ห24.05 น. 4 ว. 10-11
วันพุธที่ 8 เมษายน
พระยะโฮวาปกป้องคนที่ซื่อสัตย์—สด. 31:23
เมื่อเราสนิทกับพระยะโฮวา ซาตานก็ไม่สามารถทำอะไรที่ทำให้เราได้รับผลเสียหายตลอดไป ในโลกใหม่พระยะโฮวาจะปกป้องเพื่อนของพระองค์ต่อ ๆ ไป โดยไม่ใช่แค่ช่วยให้พวกเขามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาไม่ต้องตายอีกเลย (วว. 21:4) เรารู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ ที่ได้อยู่ในเต็นท์ของพระยะโฮวาซึ่งทำให้เราได้สนิทกับพระองค์ตลอดไป (อสค. 37:27) แล้วเราควรประพฤติตัวยังไงถ้าเราอยากเป็นแขกในเต็นท์ของพระองค์ต่อ ๆ ไป? สมมุติว่าคุณเป็นแขกในบ้านหลังหนึ่ง คุณคงอยากรู้ว่าเจ้าของบ้านอยากให้คุณทำอะไร เหมือนกันเมื่อเราเป็นแขกในเต็นท์ของพระยะโฮวา เราก็อยากรู้ว่าพระองค์ต้องการให้เราทำอะไรเพื่อเราจะได้อยู่ในเต็นท์นั้นต่อ ๆ ไป และเมื่อเรารู้แล้ว ความรักจะกระตุ้นเราให้ทำทุกอย่างที่พระองค์ต้องการเพื่อจะ “ทำให้พระองค์พอใจเสมอ” (คส. 1:10) เราจะเกรงกลัวพระองค์และไม่ลืมว่าพระองค์เป็นใคร การทำแบบนี้จะช่วยให้เราไม่ทำสิ่งที่พระองค์ไม่ชอบ เราอยาก “ใช้ชีวิตตามแนวทางของพระเจ้าด้วยความเจียมตัว”—มคา. 6:8 ห24.06 น. 4 ว. 8-9
วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน
เขา . . . อ้อนวอนเพื่อคนชั่ว—อสย. 53:12
พระยะโฮวาขออับราฮัมให้ถวายอิสอัคลูกชายคนเดียวของเขาเป็นเครื่องบูชา สำหรับอับราฮัมแล้วนี่คงเป็นเรื่องที่ทำให้เจ็บปวดใจมากแน่ ๆ แต่เขาก็พร้อมที่จะทำตามที่พระเจ้าสั่ง แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะลงมือ พระยะโฮวาก็ห้ามเขาไว้ จากตัวอย่างนี้เราได้เรียนความจริงที่สำคัญเกี่ยวกับสิ่งที่พระยะโฮวาจะทำในอนาคต พระองค์เต็มใจที่จะเสียสละลูกชายสุดที่รักคนเดียวของพระองค์เป็นเครื่องบูชาเพราะพระองค์รักมนุษย์มากจริง ๆ (ปฐก. 22:1-18) หลายร้อยปีต่อมาพระยะโฮวาได้ให้กฎหมายกับชาติอิสราเอล กฎหมายนั้นบอกให้พวกเขาถวายสัตว์เป็นเครื่องบูชาเพื่อจะได้รับการอภัยบาป (ลนต. 4:27-29; 17:11) เครื่องบูชาแบบนี้ชี้ให้เห็นถึงเครื่องบูชาหนึ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าซึ่งจะช่วยมนุษย์ให้หลุดพ้นจากบาปได้อย่างถาวร ผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาได้รับการดลใจให้อธิบายว่าลูกหลานตามคำสัญญาซึ่งเป็นลูกของพระเจ้าจะต้องทนทุกข์และตายเพื่อจะช่วยมนุษย์ทุกคน รวมทั้งคุณด้วยให้พ้นจากบาปและความตาย—อสย. 53:1-12 ห24.08 น. 4 ว. 7-8
วันศุกร์ที่ 10 เมษายน
ผมรักกฎหมายของพระองค์จริง ๆ ผมใคร่ครวญกฎหมายนั้นตลอดวัน—สด. 119:97
ตอนที่คุณอ่านคัมภีร์ไบเบิล อย่าลืมหาวิธีเอาสิ่งที่เรียนไปใช้ด้วย ตอนที่คุณอ่านส่วนหนึ่งของคัมภีร์ไบเบิล ให้ถามตัวเองว่า ‘ฉันจะเอาสิ่งที่เรียนมาใช้ในวันนี้หรือเร็ว ๆ นี้ได้ยังไง?’ สมมุติว่าคุณอ่าน 1 เธสะโลนิกา 5:17, 18 หลังจากนั้น คุณอาจหยุดคิดว่าคุณอธิษฐานบ่อยแค่ไหนและอธิษฐานอย่างมีความหมายหรือเปล่า นอกจากนั้น คุณสามารถคิดถึงสิ่งที่คุณจะขอบคุณพระยะโฮวาได้ด้วย เช่น คิดถึง 3 อย่างที่คุณจะขอบคุณพระยะโฮวาในแต่ละวัน แค่คุณใช้เวลาสั้น ๆ คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้คุณก็ได้ประโยชน์แล้ว ลองคิดดูสิว่าคุณจะยิ่งได้ประโยชน์มากขนาดไหนเมื่อคุณหาวิธีที่จะเอาสิ่งที่เรียนไปใช้กับทุกเรื่องที่คุณอ่าน คุณจะเป็นผู้ฟังและผู้ทำตามคำสอนของพระเจ้าที่ดีขึ้นแน่ ๆ ห24.09 น. 4-5 ว. 9-10
วันเสาร์ที่ 11 เมษายน
ระวังตัวให้ดี อย่าให้สิ่งที่เราลงแรงไปนั้นต้องสูญเปล่า แล้วพวกคุณจะได้รับรางวัลทั้งหมดที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้—2 ยน. 8
พระยะโฮวาสร้างมนุษย์ให้มีความสุขกับการให้มากกว่าการรับ เรามีความสุขที่ได้ช่วยเหลือพี่น้อง และเรายิ่งมีความสุขมากเมื่อพี่น้องแสดงความขอบคุณสำหรับสิ่งที่เราทำ และถึงแม้พี่น้องไม่ได้แสดงความขอบคุณ เราก็ยังมีความสุขที่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง ขออย่าลืมว่าไม่ว่าคุณจะให้คนอื่นมากเท่าไหร่ “พระยะโฮวาสามารถคืนให้ [คุณ] มากกว่านั้นอีก” (2 พศ. 25:9) พระยะโฮวาจะให้รางวัลคุณแน่นอน และมันจะมากกว่าที่คุณให้คนอื่นอีกด้วย และเมื่อพระยะโฮวาให้เรา นั่นก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดและทำให้เรามีความสุขมาก ดังนั้น ขอให้เราตั้งใจที่จะเลียนแบบความใจกว้างของพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ของเราต่อ ๆ ไป ห24.09 น. 31 ว. 20-21
วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน
พระยะโฮวาพระเจ้าของผม ผมสรรเสริญพระองค์สุดหัวใจ ผมจะยกย่องชื่อของพระองค์ตลอดไป—สด. 86:12
พระยะโฮวาเมตตาและสงสาร (สด. 103:13; อสย. 49:15) พระองค์เห็นอกเห็นใจเรา ตอนที่เราเจ็บ พระองค์ก็เจ็บไปด้วย (ศคย. 2:8) พระองค์ยังทำให้ง่ายสำหรับเราที่จะสนิทและเป็นเพื่อนกับพระองค์ (สด. 25:14; กจ. 17:27) และพระยะโฮวายังถ่อมด้วย “พระองค์ก้มลงมาดูท้องฟ้าและโลก และยกคนต่ำต้อยขึ้นจากดิน” (สด. 113:6, 7) พอเราได้มารู้จักพระยะโฮวาแบบนี้ เราก็คงอดไม่ได้ที่อยากจะยกย่องสรรเสริญพระองค์เรายกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาเพราะเราอยากให้คนอื่นได้รู้จักพระองค์ ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับพระยะโฮวา เพราะอะไร? เพราะซาตานแพร่คำโกหกเกี่ยวกับพระองค์และทำให้หลายคนหลงเชื่อคำโกหกนั้น (2 คร. 4:4) ซาตานทำให้หลายคนคิดว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่อาฆาตแค้น ไม่สนใจใยดีมนุษย์ และเป็นต้นเหตุของความทุกข์มากมายในโลก แต่เรารู้ความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าของเรา เรามีโอกาสที่จะบอกคนอื่นให้รู้ว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าแบบไหนจริง ๆ และช่วยพวกเขาให้ยกย่องสรรเสริญพระองค์ด้วย—อสย. 43:10 ห25.01 น. 3 ว. 6-7
วันจันทร์ที่ 13 เมษายน
ซาตาน . . . กำลังหลอกลวงทั้งโลกให้หลงผิด—วว. 12:9
พระเยซูลูกของพระเจ้าเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบและทำการอัศจรรย์ที่น่าทึ่งหลายอย่าง ถึงอย่างนั้น ซาตานก็ใช้คนของมันแพร่คำโกหกเกี่ยวกับท่าน เช่น พวกหัวหน้าศาสนาบอกประชาชนว่า ที่พระเยซูขับไล่ปีศาจได้เป็นเพราะท่านใช้อำนาจของ “หัวหน้าปีศาจ” (มก. 3:22) และตอนที่พระเยซูถูกพิจารณาคดี พวกหัวหน้าศาสนาก็ยังกล่าวหาอีกว่า ท่านหมิ่นประมาทพระเจ้า แถมยังยุประชาชนเรียกร้องให้มีการประหารพระเยซู (มธ. 27:20) ต่อมาพวกสาวกของพระเยซูประกาศข่าวดีในที่ต่าง ๆ แต่พวกผู้ต่อต้านก็ “ยุคนต่างชาติ” ให้ข่มเหงคริสเตียน (กจ. 14:2, 19) หอสังเกตการณ์ 1 ธันวาคม 1998 พูดถึงกิจการ 14:2 ว่า “พวกผู้ต่อต้านชาวยิวไม่พอใจเพียงแค่การปฏิเสธข่าวสารด้วยตัวเองเท่านั้น จึงดำเนินแผนการใส่ร้ายป้ายสี โดยพยายามทำให้ประชากรชาวต่างชาติมีอคติต่อคริสเตียน” ซาตานยังโกหกมาเรื่อย ๆ จนถึงทุกวันนี้ ห24.04 น. 11 ว. 15-16
วันอังคารที่ 14 เมษายน
พระองค์ผู้พิพากษาโลกทั้งสิ้นจะทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างแน่นอน—ปฐก. 18:25
คนที่จะมีชีวิตตลอดไปไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเขาตายเมื่อไหร่ พระยะโฮวาเป็นผู้พิพากษาที่สมบูรณ์แบบ พระองค์จะตัดสินอย่างยุติธรรมและถูกต้อง (สด. 33:4, 5) เรามั่นใจได้ว่า “พระองค์ผู้พิพากษาโลกทั้งสิ้นจะทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างแน่นอน” นอกจากนั้น มีเหตุผลที่เราจะบอกด้วยว่า ความหวังสำหรับคนคนหนึ่งที่จะมีชีวิตตลอดไปไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน พระยะโฮวาไม่มีทางตัดสินคนเป็นล้าน ๆ ว่าเป็น “แพะ” เพียงเพราะเขาอยู่ในประเทศที่ไม่เคยมีโอกาสได้ฟังข่าวดี (มธ. 25:46) ผู้พิพากษาโลกทั้งสิ้นที่ยุติธรรมห่วงใยคนเหล่านี้มากกว่าเราซะอีก เราไม่รู้ว่าพระยะโฮวาจะทำให้เกิดเหตุการณ์อะไรบ้างในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ บางทีคนเหล่านี้อาจจะได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวา แสดงความเชื่อในพระองค์ และเลือกมาอยู่ฝ่ายพระยะโฮวาตอนที่พระองค์ทำให้ทุกคนบนโลกได้รู้จักชื่อของพระองค์—อสค. 38:16 ห24.05 น. 12 ว. 14-15
วันพุธที่ 15 เมษายน
ให้พวกคุณรักกัน—ยน. 15:12
คนของพระยะโฮวาชอบช่วยเหลือกันและกัน (2 คร. 8:4) ถึงอย่างนั้น บางครั้งการทำแบบนี้ก็ต้องมีความกล้าหาญด้วย ตัวอย่างเช่น ตอนที่เกิดสงคราม ผู้ดูแลรู้ว่าพี่น้องต้องการกำลังใจ ต้องการความช่วยเหลือในเรื่องสิ่งจำเป็นต่าง ๆ และรู้ว่าพี่น้องต้องมีคัมภีร์ไบเบิลและหนังสือขององค์การเพื่อเสริมความเชื่อ ความรักที่ผู้ดูแลมีต่อพี่น้องทำให้พวกเขาจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ ที่พี่น้องจำเป็นต้องมี แม้บางครั้งพวกเขาอาจต้องเสี่ยงอันตรายก็ตาม ในสถานการณ์แบบนั้น เราต้องจำไว้ว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราต้องเป็นหนึ่งเดียวกันเสมอ ให้เชื่อฟังและทำตามคำแนะนำที่มาจากสำนักงานสาขา (ฮบ. 13:17) ผู้ดูแลควรทบทวนเป็นระยะ ๆ เกี่ยวกับคำแนะนำว่าจะเตรียมพร้อมยังไงเพื่อรับมือกับภัยพิบัติและควรทำยังไงเมื่อเกิดภัยพิบัติจริง ๆ (1 คร. 14:33, 40) ให้กล้าหาญแต่ก็ระมัดระวังตัว (สภษ. 22:3) คิดก่อนทำและใช้วิจารณญาณที่ดี อย่าเสี่ยงโดยไม่จำเป็น พึ่งพระยะโฮวา ให้จำไว้ว่าพระยะโฮวาอยากให้คุณและพี่น้องปลอดภัย พระองค์จะช่วยคุณตอนที่คุณช่วยพี่น้อง ห24.07 น. 4 ว. 8; น. 5 ว. 11
วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน
เมื่อมีทุกข์ ผมเรียกหาพระยะโฮวา . . . และพระองค์ฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือของผม—สด. 18:6
กษัตริย์ดาวิดรู้จักพระยะโฮวาเป็นอย่างดีและพึ่งพระองค์เสมอ ตอนที่กษัตริย์ซาอูลและศัตรูคนอื่น ๆ ตามล่าดาวิดเพื่อจะฆ่าเขา ดาวิดอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา หลังจากที่พระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของเขาและช่วยเหลือเขาแล้ว ดาวิดบอกว่า “พระยะโฮวามีชีวิตอยู่” (สด. 18:46) ดาวิดหมายความว่ายังไง? จากคำพูดนี้ทำให้เห็นว่า ดาวิดไม่ได้แค่หมายความว่าพระเจ้ามีชีวิตอยู่จริง ๆ เท่านั้น หนังสืออ้างอิงเล่มหนึ่งอธิบายว่า “ดาวิดมั่นใจว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ที่คอยช่วยเหลือคนของพระองค์เสมอ” ดาวิดรู้ว่าพระยะโฮวาเห็นสิ่งที่เขากำลังเจอและพระองค์พร้อมที่จะช่วยเขาเสมอ นี่ทำให้ดาวิดได้รับกำลังใจที่จะรับใช้และสรรเสริญพระองค์ต่อ ๆ ไป (สด. 18:28, 29, 49) การที่เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ช่วยให้เรารับใช้พระองค์อย่างกระตือรือร้น เราจะมีกำลังอดทนกับปัญหาต่าง ๆ ได้ มีแรงกระตุ้นที่จะรับใช้พระองค์อย่างขยันขันแข็ง และเรายังตั้งใจมากขึ้นที่จะใกล้ชิดกับพระองค์ต่อ ๆ ไป ห24.06 น. 20-21 ว. 3-4
วันศุกร์ที่ 17 เมษายน
อย่าให้ใครมาหลอกได้—2 ธส. 2:3
เราได้เรียนอะไรจากจดหมายที่อัครสาวกเปาโลเขียนถึงพี่น้องในเมืองเธสะโลนิกา? เมื่อเราได้ยินอะไรบางอย่างที่ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เราเรียนจากคัมภีร์ไบเบิล หรือเมื่อเราได้ยินข่าวลือที่น่าตกใจบางอย่าง เราต้องใช้วิจารณญาณเพื่อจะมองให้ออกว่าอะไรคือความจริง ในสมัยสหภาพโซเวียต พวกผู้ต่อต้านได้ส่งจดหมายที่ดูเหมือนว่ามาจากสำนักงานใหญ่มาถึงพี่น้องที่นั่น จดหมายนั้นสนับสนุนให้พี่น้องบางคนแยกออกมาตั้งองค์การของตัวเอง จดหมายนั้นดูเหมือนมาจากสำนักงานใหญ่จริง ๆ แต่พี่น้องที่ซื่อสัตย์ก็ไม่หลงกลเพราะพวกเขารู้ว่าคำแนะนำในนั้นไม่สอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขาได้รับการสอนมา ทุกวันนี้ ศัตรูของเราที่พยายามบิดเบือนความจริงก็อาจใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อทำให้เราสับสนและแตกแยกกัน แทนที่เราจะ “หวั่นไหวง่ายจนขาดเหตุผล” ให้เราปกป้องตัวเองโดยการคิดอย่างรอบคอบว่าสิ่งที่เราได้อ่านหรือได้ยินสอดคล้องกันไหมกับความจริงที่เราได้เรียนรู้มา—2 ธส. 2:2; 1 ยน. 4:1 ห24.07 น. 12 ว. 14-15
วันเสาร์ที่ 18 เมษายน
ถ้าใครทำบาป เราก็มีผู้ช่วย—1 ยน. 2:1
การตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคนเราก็คือ การตัดสินใจที่จะอุทิศตัวให้พระยะโฮวาและเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพระองค์ พระยะโฮวาอยากให้มนุษย์ทุกคนทำแบบนี้ เพราะอะไร? เพราะพระองค์อยากให้มนุษย์มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์และมีชีวิตตลอดไป (ฉธบ. 30:19, 20; กท. 6:7, 8) พระยะโฮวาไม่บังคับใครให้รับใช้พระองค์ แต่ยอมให้แต่ละคนเลือกเองว่าจะตัดสินใจยังไง แล้วถ้ามีคริสเตียนคนหนึ่งที่บัพติศมาแล้วทำผิดกฎหมายของพระเจ้าและทำบาปร้ายแรงล่ะ? ถ้าเขาไม่กลับใจ เขาต้องถูกตัดออกจากประชาคม (1 คร. 5:13) แต่ถึงอย่างนั้น พระยะโฮวาก็ยังอยากให้เขากลับใจและหวังว่าเขาจะกลับมาหาพระองค์ ที่จริงนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่พระยะโฮวาจัดเตรียมให้มีค่าไถ่ เพราะพระองค์อยากให้คนบาปที่กลับใจได้รับการอภัย พระยะโฮวารักมนุษย์มาก พระองค์ถึงกับขอร้องให้คนที่ทำผิดกลับใจและกลับมาหาพระองค์—ศคย. 1:3; รม. 2:4; ยก. 4:8 ห24.08 น. 14 ว. 1-2
วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน
ถ้าคุณฉลาดขึ้น เราจะดีใจมาก—สภษ. 23:15
ตอนที่ยอห์นเขียนจดหมายฉบับที่ 3 มีบางคนเริ่มแพร่คำสอนเท็จและทำให้เกิดความแตกแยกในประชาคม แต่ก็มีคริสเตียนอีกหลายคนที่ยังคง “ใช้ชีวิตตามความจริง” พวกเขาเชื่อฟังพระยะโฮวาและ “ใช้ชีวิตตามกฎหมายของพระองค์” (2 ยน. 4, 6) คริสเตียนที่ซื่อสัตย์เหล่านี้ไม่เพียงทำให้ยอห์นมีความสุขเท่านั้น แต่ยังทำให้พระยะโฮวามีความสุขด้วย (สภษ. 27:11) เราได้เรียนอะไร? การรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาทำให้มีความสุข (1 ยน. 5:3) ตัวอย่างเช่น เรามีความสุขที่รู้ว่าเราทำให้พระยะโฮวาดีใจ พระยะโฮวามีความสุขมากที่เห็นเราสามารถต้านทานการล่อใจจากโลกของซาตานได้และเชื่อฟังพระองค์เสมอ และทูตสวรรค์ก็มีความสุขด้วยที่เห็นเราทำแบบนั้น (ลก. 15:10) นอกจากนั้น เราดีใจที่เห็นพี่น้องของเรารักษาความซื่อสัตย์ (2 ธส. 1:4) เมื่อเราอยู่ในโลกใหม่ เราจะภูมิใจที่เห็นว่าที่ผ่านมาเราได้ซื่อสัตย์ภักดีต่อพระยะโฮวาเสมอแม้จะอยู่ในโลกชั่วของซาตาน ห24.11 น. 12 ว. 17-18
วันจันทร์ที่ 20 เมษายน
อย่าคิดถึงแต่ประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น แต่ให้คิดถึงประโยชน์ของคนอื่นด้วย—1 คร. 10:24
คุณควรใช้เวลาสังเกตนานแค่ไหนก่อนที่คุณจะไปบอกว่าชอบเขา? ถ้าคุณไปบอกเร็วเกินไป ก็อาจทำให้เขารู้สึกได้ว่าคุณเป็นคนปากไวใจเร็ว ไม่ค่อยสุขุม และใจร้อน (สภษ. 29:20) แต่ตรงกันข้ามถ้าคุณใช้เวลานานเกินไปโดยเฉพาะถ้าคนนั้นรู้ว่าคุณสนใจเขาอยู่ เขาอาจจะมองว่าคุณเป็นคนโลเลและไม่ชัดเจน (ปญจ. 11:4) จำไว้ว่าก่อนที่คุณจะเข้าไปบอกว่าสนใจเขา คุณไม่จำเป็นต้องรอจนแน่ใจว่าคุณจะแต่งงานกับเขา แต่คุณควรมั่นใจว่าคุณพร้อมที่จะแต่งงานและคนนั้นอาจเป็นคนที่เหมาะกับคุณ คุณจะทำยังไงเมื่อรู้สึกว่ามีบางคนกำลังสนใจคุณอยู่? ถ้าคุณไม่ได้สนใจเขา คุณควรทำให้เขาเห็นชัดเจนไปเลย ถ้าคุณไม่ได้ชอบเขาแต่ยังทำให้เขามีความหวังลม ๆ แล้ง ๆ คุณก็ทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมเลย—อฟ. 4:25 ห24.05 น. 22-23 ว. 9-10
วันอังคารที่ 21 เมษายน
ผมจะกลับมารับพวกคุณไปอยู่กับผม—ยน. 14:3
มีแค่คนที่ถูกเจิมจริง ๆ และรักษาความซื่อสัตย์เท่านั้นที่พระเยซูจะ “พาไป” ในรัฐบาลสวรรค์ ถ้าคริสเตียนผู้ถูกเจิมคนไหนไม่เฝ้าระวังอยู่เสมอ เขาก็จะไม่ถูกรวมอยู่กับกลุ่ม “คนที่พระเจ้าเลือก” (มธ. 24:31) นอกจากนั้น เราทุกคนที่เป็นประชาชนของพระเจ้าไม่ว่าจะมีความหวังแบบไหน เราก็ต้องเฝ้าระวังอยู่เสมอและรักษาความซื่อสัตย์ เรารู้จักพระยะโฮวาเป็นอย่างดี เราเลยไว้ใจการตัดสินของพระองค์ เราไม่สงสัยถ้าพระยะโฮวาเลือกจะเจิมบางคนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ลองคิดถึงตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูเกี่ยวกับคนที่ทำงานในสวนองุ่นในชั่วโมงสุดท้าย (มธ. 20:1-16) คนที่เข้ามาทำงานในสวนองุ่นทีหลังได้รับค่าจ้างเท่ากันกับคนที่ทำงานก่อนหน้านี้ เหมือนกันไม่ว่าคนที่ถูกเจิมจะถูกเจิมตอนไหน พวกเขาจะได้รับรางวัลในสวรรค์เหมือนกัน ถ้าพวกเขารักษาความซื่อสัตย์ ห24.09 น. 24 ว. 15-17
วันพุธที่ 22 เมษายน
พระคริสต์เองก็ยังทนทุกข์เพื่อพวกคุณ ท่านเป็นตัวอย่างเพื่อให้พวกคุณเดินตามรอยเท้าของท่านอย่างใกล้ชิด—1 ปต. 2:21
พระเยซูเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบในเรื่องการรับมือกับความไม่ยุติธรรม ลองคิดดูว่าพระเยซูต้องเจอกับความไม่ยุติธรรมอะไรบ้าง ทั้งจากครอบครัวของท่านเองและจากคนอื่น ๆ คนในครอบครัวของพระเยซูบอกว่าท่านเสียสติ พวกผู้นำศาสนาก็กล่าวหาว่าท่านเป็นพวกเดียวกับพวกปีศาจ และทหารโรมันก็เยาะเย้ยท่าน ทำร้ายร่างกายท่าน และถึงกับฆ่าท่าน (มก. 3:21, 22; 14:55; 15:16-20, 35-37) แต่พระเยซูก็อดทนกับความไม่ยุติธรรมทั้งหมดนี้โดยไม่ได้ตอบโต้อะไรเลย เราจะเลียนแบบพระเยซูได้ยังไงในเรื่องนี้? (1 ปต. 2:21-23) พระเยซูเป็นตัวอย่างที่ดีมากให้เราในเรื่องการรับมือกับความไม่ยุติธรรม ท่านรู้ว่าตอนไหนที่ควรเงียบและตอนไหนที่ควรพูด (มธ. 26:62-64) ตอนที่มีคนพูดใส่ร้ายท่านในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง บางครั้งพระเยซูก็ไม่ได้ตอบอะไร (มธ. 11:19) และเมื่อถึงตอนที่พระเยซูต้องพูด ท่านก็ไม่ได้พูดดูถูกคนที่ข่มเหงท่านหรือพูดจาข่มขู่พวกเขา ห24.11 น. 4-5 ว. 9-10
วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน
พระคริสต์เยซูเข้ามาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอด—1 ทธ. 1:15
สมมุติว่าคุณให้ของขวัญพิเศษชิ้นหนึ่งกับคนที่คุณรัก มันทั้งสวยและใช้ได้จริง แต่ปรากฏว่าเขาเอาของขวัญนั้นไปเก็บและลืมมันไปเลย ถ้าเป็นแบบนั้นคุณจะรู้สึกยังไง? คุณต้องเสียใจแน่ ๆ แต่ถ้าเขาเอาไปใช้จริง ๆ และเห็นค่ามาก คุณจะรู้สึกดีใจใช่ไหม? จุดสำคัญคืออะไร? พระยะโฮวาส่งพระเยซูมาเป็นค่าไถ่เพื่อเรา พระองค์ต้องมีความสุขมากแน่ ๆ เมื่อเราแสดงว่าเห็นค่าของขวัญนี้และเห็นค่าความรักของพระองค์ (ยน. 3:16; รม. 5:7, 8) แต่พอเวลาผ่านไป เราอาจเริ่มไม่ค่อยเห็นค่าค่าไถ่เหมือนที่เรารู้สึกในตอนแรก มันอาจเหมือนกับตอนแรกเราดีใจที่พระยะโฮวาให้ของขวัญเรา แต่เราเอาไปเก็บไว้ไหนก็ไม่รู้และก็ไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย เพื่อจะไม่เป็นแบบนั้น เราต้องคอยเตือนตัวเองอยู่เรื่อย ๆ ให้เห็นค่าสิ่งที่พระยะโฮวากับพระเยซูทำเพื่อเรา ห25.01 น. 26 ว. 1-2
วันศุกร์ที่ 24 เมษายน
ให้คุณคิดใคร่ครวญและทุ่มเทกับเรื่องเหล่านี้ เพื่อคนอื่นจะเห็นความก้าวหน้าของคุณได้ชัดเจน—1 ทธ. 4:15
พี่น้องชายที่จะเป็นผู้ดูแลไม่ใช่คนที่เพิ่งเข้ามาเชื่อถือ นี่หมายความว่าเขาต้องเป็นคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ซึ่งก็ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องรับบัพติศมานานหลาย ๆ ปีถึงจะเป็นผู้ดูแลได้ ก่อนที่คุณจะได้รับการแต่งตั้ง คุณต้องแสดงให้เห็นว่าคุณเลียนแบบพระเยซูโดยแสดงความถ่อมตัวและพร้อมที่จะรอพระยะโฮวาให้งานมอบหมายกับคุณ (มธ. 20:23; ฟป. 2:5-8) คุณสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นคนภักดีโดยสนิทกับพระยะโฮวา ใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระองค์ และทำตามคำแนะนำที่พระองค์ให้ผ่านทางองค์การ คัมภีร์ไบเบิลบอกชัดเจนว่าผู้ดูแลต้องมีความสามารถที่จะสอน แต่นี่หมายความว่าคุณต้องเป็นผู้บรรยายที่เก่งมาก ๆ ไหม? ไม่ มีผู้ดูแลดี ๆ หลายคนที่ถึงแม้เขาจะไม่ได้เป็นผู้บรรยายที่เก่งมาก แต่เขาก็สอนได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในเขตประกาศและในการเยี่ยมบำรุงเลี้ยง ห24.11 น. 23-24 ว. 14-15
วันเสาร์ที่ 25 เมษายน
ผมรักคำสั่งของพระองค์ มากกว่าทองคำ และยิ่งกว่าทองคำบริสุทธิ์—สด. 119:127
ถ้าคุณอ่านข้อคัมภีร์สักข้อหนึ่งแล้วคุณไม่เข้าใจเต็มที่ ก็ให้ค้นคว้าเกี่ยวกับข้อคัมภีร์นั้น แล้วขอให้ใช้เวลาตลอดทั้งวันเพื่อคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับสิ่งที่คุณได้เรียน และคิดว่าเรื่องนั้นสอนอะไรคุณเกี่ยวกับพระยะโฮวา ลูกชายของพระองค์ และความรักที่พระองค์ทั้งสองมีต่อคุณ (สด. 119:97, เชิงอรรถ) อย่าท้อใจถ้าคุณรู้สึกว่าไม่เจออะไรใหม่ ๆ หรืออะไรที่น่าตื่นเต้นตอนที่คุณอ่านคัมภีร์ไบเบิลหรือตอนที่ค้นคว้า จริง ๆ แล้วการที่คุณทำอย่างนี้ก็เหมือนกับการร่อนทอง คนที่ร่อนทองใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ กว่าจะได้เจอทองชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นเดียว ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังพยายามทำอย่างนั้นต่อไปเพราะเขารู้ว่าทองทุกชิ้นมีค่ามากแม้มันจะเล็กนิดเดียว แต่ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลมีค่ามากกว่านั้นอีกหลายเท่า (สภษ. 8:10) ดังนั้น ขอให้คุณอดทนและอ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำต่อ ๆ ไป—สด. 1:2 ห25.01 น. 25 ว. 14-15
วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน
พวกคุณต้องเต็มใจให้อภัยกันเหมือนที่พระยะโฮวาเต็มใจให้อภัยคุณ—คส. 3:13
พระยะโฮวาคาดหมายให้เราพร้อมจะให้อภัยคนที่ทำให้เราเจ็บ (สด. 86:5; ลก. 17:4; อฟ. 4:32) เราอาจรู้สึกเจ็บมากเพราะคำพูดหรือสิ่งที่คนอื่นทำกับเรา โดยเฉพาะถ้าคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัว (สด. 55:12-14) เราอาจรู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนมีดแทง (สภษ. 12:18) เราอาจจะพยายามเก็บกดความรู้สึกเจ็บไว้หรือทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่การทำแบบนี้เป็นเหมือนกับคนที่โดนมีดแทง ไม่ยอมดึงมีดออก แล้วก็ปล่อยให้มันปักคาอยู่อย่างนั้น เหมือนกันเราคงไม่สามารถคาดหวังให้เราหายเจ็บเองได้โดยแค่เก็บกดความรู้สึกไว้และไม่พยายามจัดการกับมัน เมื่อมีคนมาทำให้เราเจ็บ ปฏิกิริยาแรกของเราก็คือ เราอาจจะรู้สึกโกรธ คัมภีร์ไบเบิลยอมรับว่าเราโกรธได้ แต่ก็บอกด้วยว่าอย่าให้ความโกรธควบคุมเรา (สด. 4:4; อฟ. 4:26) เพราะอะไร? เพราะความโกรธไม่ได้ช่วยให้เราทำสิ่งที่ถูกต้อง (ยก. 1:20) ดังนั้น ให้จำไว้ว่าโกรธได้ แต่จะโกรธต่อไปหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา ห25.02 น. 15 ว. 4-6
วันจันทร์ที่ 27 เมษายน
สติปัญญาเป็นเครื่องป้องกัน—ปญจ. 7:12
พระเยซูเล่าตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า เป็นเรื่องไม่ฉลาดที่จะตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินแต่ไม่สนใจที่จะ “ร่ำรวยในสายตาพระเจ้า” (ลก. 12:16-21) เหตุผลหนึ่งก็คือ ไม่มีใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง (สภษ. 23:4, 5; ยก. 4:13-15) และพระเยซูยังบอกด้วยว่าเราทุกคนต้องพร้อมจะสละหรือ “ทิ้ง” ทรัพย์สมบัติของตัวเองเพื่อเป็นสาวกของท่าน (ลก. 14:33) เราเห็นเรื่องนี้ได้จากคริสเตียนในศตวรรษแรกที่อยู่ในยูเดียที่เต็มใจสูญเสียทรัพย์สมบัติของตัวเอง (ฮบ. 10:34) ในปัจจุบัน พี่น้องหลายคนยอมสละทรัพย์สินที่มีอยู่หรือแม้แต่ยอมตกงานเพราะไม่ยอมยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง (วว. 13:16, 17) อะไรช่วยให้พวกเขาทำแบบนั้นได้? สิ่งที่ช่วยพวกเขาได้ก็คือ พวกเขามั่นใจในคำสัญญาของพระยะโฮวาที่บอกว่า “เราจะไม่มีวันทิ้งเจ้า เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้าเลย” (ฮบ. 13:5) ดังนั้น แม้ว่าเราพยายามเต็มที่ที่จะวางแผนเรื่องเงินในอนาคต แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นกับเรา เราก็มั่นใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยเราแน่นอน ห25.03 น. 29 ว. 13-14
วันอังคารที่ 28 เมษายน
ให้เราพยายามก้าวหน้าไปเพื่อจะได้เป็นผู้ใหญ่ เพราะเราผ่านหลักคำสอนเบื้องต้นเกี่ยวกับพระคริสต์มาแล้ว อย่าให้ต้องวางรากฐานซ้ำอีกเลย—ฮบ. 6:1
พระยะโฮวาไม่ได้คาดหมายให้เราพยายามเป็นคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ด้วยตัวเราเอง แต่พระองค์ให้มีผู้ดูแลที่เป็นเหมือนผู้บำรุงเลี้ยงและครูสอนในประชาคมเพื่อช่วยเราทุกคนให้ “เติบโตอย่างเต็มที่จนเป็นผู้ใหญ่เหมือนพระคริสต์” (อฟ. 4:11-13) พระยะโฮวายังให้พลังบริสุทธิ์เพื่อช่วยเราให้มี “จิตใจอย่างพระคริสต์” (1 คร. 2:14-16) นอกจากนั้น พระองค์ยังดลใจให้มีการเขียนหนังสือข่าวดี 4 เล่มเพื่อช่วยเราให้รู้ว่าพระเยซูคิด พูด และทำอะไรตอนที่ท่านทำงานรับใช้อยู่บนโลก ถ้าคุณเลียนแบบสิ่งที่พระเยซูคิดและทำ คุณก็จะเป็นคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ได้ แต่เพื่อจะก้าวหน้าจนเป็นคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ เราต้อง “ผ่านหลักคำสอนเบื้องต้นเกี่ยวกับพระคริสต์มาแล้ว” ซึ่งก็คือคำสอนพื้นฐานของคริสเตียน ห24.04 น. 4-5 ว. 11-12
วันพุธที่ 29 เมษายน
การรู้จักคิดอย่างรอบคอบจะปกป้องลูก และความเข้าใจจะคุ้มครองลูก—สภษ. 2:11
ทุกวันมีเรื่องที่เราต้องตัดสินใจ บางเรื่องก็ตัดสินใจได้ง่าย เช่น จะกินอะไรเป็นอาหารเช้าหรือจะเข้านอนกี่โมง แต่ก็มีบางเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากกว่า เช่น เรื่องที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ ความสุข คนที่เรารัก และการนมัสการของเรา เราทุกคนอยากตัดสินใจในแบบที่ทำให้ตัวเราและครอบครัวได้ประโยชน์ และที่สำคัญที่สุด เราอยากตัดสินใจในแบบที่ทำให้พระยะโฮวาพอใจ (รม. 12:1, 2) ขั้นสำคัญที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีก็คือ คุณต้องหาข้อมูลก่อน ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ? ลองนึกภาพคนไข้คนหนึ่งไปหาหมอเพราะไม่สบายมาก หมอจะบอกวิธีรักษาเลยไหมโดยที่ไม่ได้ตรวจคนไข้หรือซักถามอาการก่อน? หมอต้องไม่ทำแบบนั้นแน่ ๆ เหมือนกันคุณจะตัดสินใจได้ดีกว่าถ้าคุณมีข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับเรื่องที่คุณต้องตัดสินใจ ห25.01 น. 14 ว. 1-3
วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน
พระยะโฮวายกโทษให้ท่าน ท่านจะไม่ตาย—2 ซม. 12:13
มีอะไรบ้างที่เรารู้เกี่ยวกับความเมตตาของพระยะโฮวา? พระองค์แสดงให้เห็นยังไงว่า “ไม่อยากให้ใครต้องถูกทำลาย”? (2 ปต. 3:9) ลองคิดดูว่าพระยะโฮวาเมตตาคนที่ทำบาปร้ายแรงยังไง ตัวอย่างหนึ่งคือกษัตริย์ดาวิด เขาทำผิดร้ายแรงมากเพราะเขาเล่นชู้และฆ่าคน แต่พอดาวิดกลับใจ พระยะโฮวาก็เมตตาและให้อภัยเขา (2 ซม. 12:1-12) อีกตัวอย่างหนึ่งคือกษัตริย์มนัสเสห์ เขาทำชั่วหลายอย่างเกือบตลอดทั้งชีวิต แต่พอมนัสเสห์กลับใจจริง ๆ พระยะโฮวาก็พร้อมที่จะเมตตาและให้อภัยเขา (2 พศ. 33:9-16) ตัวอย่างเหล่านี้ทำให้เราเห็นเลยว่าพระยะโฮวาหาทางที่จะแสดงความเมตตาเสมอ พระองค์จะปลุกพวกเขาให้ฟื้นขึ้นจากตายเพราะคนเหล่านี้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นความผิดร้ายแรงและพวกเขากลับใจจริง ๆ ห.24.05 น. 4-5 ว. 12