พฤษภาคม
วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม
พระเจ้าไม่เลือกปฏิบัติ—รม. 2:11
หลังจากที่พระยะโฮวาช่วยชาวอิสราเอลให้พ้นจากการเป็นทาสในอียิปต์แล้ว พระองค์ได้แต่งตั้งพวกปุโรหิตให้รับใช้ในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และพระยะโฮวาก็ได้มอบหมายให้ชาวเลวีทำงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ด้วย คนที่รับใช้ในเต็นท์นั้นหรือคนที่ตั้งค่ายพักใกล้เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ได้รับการดูแลจากพระยะโฮวาพิเศษกว่าคนอื่นไหม? ไม่เลย พระยะโฮวาไม่ลำเอียง ชาวอิสราเอลทุกคนสามารถสนิทกับพระยะโฮวาได้ ตัวอย่างเช่น พระยะโฮวาทำให้แน่ใจว่าชาวอิสราเอลทั้งชาติสามารถมองเห็นเสาเมฆตอนกลางวันและเสาไฟตอนกลางคืนที่ลอยอยู่บนเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ได้ (อพย. 40:38) เมื่อไหร่ที่เสาเมฆเริ่มเคลื่อนที่ แม้แต่คนที่อยู่ไกลที่สุดจากเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถมองเห็นได้ และพวกเขาก็จะเก็บข้าวของ เก็บเต็นท์ที่พักของตัวเอง และเริ่มออกเดินทางไปพร้อม ๆ กับเพื่อนร่วมชาติ (กดว. 9:15-23) คล้ายกันในทุกวันนี้ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนบนโลกเราก็ได้รับความรัก การดูแล และการปกป้องจากพระยะโฮวา ห24.06 น. 4 ว. 10-12
วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม
พวกเราต้องหนีกันแล้ว ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครรอดพ้นเงื้อมมืออับซาโลมเลย!—2 ซม. 15:14
ชีวิตของดาวิดตกอยู่ในอันตราย อับซาโลมลูกชายของเขาต้องการที่จะยึดบัลลังก์ (2 ซม. 15:12, 13) ดาวิดเลยต้องหนีออกจากเยรูซาเล็มทันที ตอนที่คนของดาวิดกำลังหนี ดาวิดรู้ว่าเขาต้องให้มีคนของเขาอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มเพื่อคอยรายงานแผนการของอับซาโลมให้เขารู้ ดังนั้น ดาวิดเลยส่งศาโดกและปุโรหิตกลับไปที่เยรูซาเล็มเพื่อเป็นสายสืบ (2 ซม. 15:27-29) ศาโดกและปุโรหิตคนอื่น ๆ ต้องระวังมาก ๆ ดาวิดวางแผนรับมือกับอับซาโลมโดยขอความช่วยเหลือจากศาโดกและหุชัยเพื่อนที่ภักดีของดาวิด (2 ซม. 15:32-37) หุชัยทำตามแผนของดาวิด เขาแกล้งทำเป็นสนับสนุนอับซาโลมเพื่อจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ จากนั้นหุชัยก็แนะนำอับซาโลมว่าควรโจมตีดาวิดยังไง การทำแบบนี้ช่วยให้ดาวิดมีเวลาพอที่จะเตรียมตัวรับมือกับการโจมตี จากนั้นหุชัยก็ไปเล่าทุกอย่างให้ศาโดกและอาบียาธาร์ฟัง (2 ซม. 17:8-16) แล้ว 2 คนนี้ก็ส่งข่าวต่อให้กับดาวิด การที่พวกเขาทำแบบนี้จึงทำให้ดาวิดพ้นจากอันตรายได้—2 ซม. 17:21, 22 ห24.07 น. 4-5 ว. 9-10
วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม
พระยะโฮวาพูดว่า “ให้เรามาคุยกัน เราจะได้ช่วยพวกเจ้าให้กลับมาคืนดีกับเรา”—อสย. 1:18
ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาบางคนเสียใจไม่หายกับความผิดที่เคยทำในอดีตไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังรับบัพติศมา แต่เราควรจำไว้ว่าพระยะโฮวาให้ค่าไถ่กับเราเพราะพระองค์รักเรามาก และพระองค์ก็อยากให้เรารับของขวัญนี้จากพระองค์ พระยะโฮวารับรองกับเราว่า หลังจากที่เรา “คุยกัน” และกลับมาคืนดีกับพระองค์แล้ว พระองค์จะไม่คิดถึงความผิดที่เราเคยทำอีก เรารู้สึกขอบคุณมากจริง ๆ ที่พระยะโฮวารักและให้อภัยเรา และไม่จดจำความผิดที่เราเคยทำ นอกจากนั้น พระองค์ก็ยังไม่ลืมสิ่งดี ๆ ที่เราทำเพื่อพระองค์ด้วย (สด. 103:9, 12; ฮบ. 6:10) ถ้าคุณทุกข์ใจเพราะความผิดที่เคยทำในอดีต ก็ขอให้พยายามเต็มที่ที่จะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่คุณกำลังทำตอนนี้และสิ่งที่คุณทำได้ในอนาคตแทนที่จะยึดติดอยู่กับอดีต แม้คุณจะเปลี่ยนอดีตไม่ได้ แต่ตอนนี้คุณสามารถยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาและทำให้พระองค์มีความสุขได้ และคุณยังสามารถคิดถึงสิ่งดี ๆ ในอนาคตที่พระยะโฮวาสัญญาว่าจะให้กับคุณ ห24.10 น. 8 ว. 8-9
วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม
ปลูกฝังลักษณะนิสัยใหม่—คส. 3:10
ตอนที่อ่านคัมภีร์ไบเบิล บางครั้งคุณอาจรู้สึกท้อเพราะเห็นว่ามีหลายอย่างที่คุณต้องปรับปรุงตัวเอง เช่น สมมุติว่าคุณอ่านเจอคำแนะนำที่บอกว่าอย่าลำเอียง (ยก. 2:1-8) แล้วคุณก็เห็นว่าคุณจะปรับปรุงวิธีที่คุณปฏิบัติต่อคนอื่นให้ดีขึ้นได้ คุณเลยตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองบางอย่าง วันต่อมาคุณได้อ่านข้อคัมภีร์ที่เน้นความสำคัญของการควบคุมคำพูด (ยก. 3:1-12) และคุณก็รู้ว่าบางครั้งคุณเองก็พูดในแง่ลบ คุณเลยคิดว่าจะพูดในแง่บวกและให้กำลังใจพี่น้องมากขึ้น วันถัดมาคุณได้อ่านเจอคำแนะนำที่เตือนว่าไม่ให้เป็นมิตรกับโลก (ยก. 4:4-12) แล้วคุณก็เห็นว่าตัวคุณเองต้องเลือกความบันเทิงอย่างรอบคอบมากขึ้น แล้วพอถึงวันที่ 4 คุณก็อาจจะรู้สึกว่ามีหลายอย่างจริง ๆ ที่คุณต้องปรับปรุงตัวเอง อย่าเพิ่งท้อ ขอจำไว้ว่าการปลูกฝัง “ลักษณะนิสัยใหม่” เป็นสิ่งที่เราต้องทำอย่างต่อเนื่อง ห24.09 น. 5-6 ว. 11-12
วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม
ในใจพวกคุณ ให้เคารพนับถือพระคริสต์เป็นนาย พร้อมเสมอที่จะอธิบายเรื่องความหวังของคุณกับคนที่สงสัยว่าทำไมพวกคุณหวังอย่างนั้น แต่ให้ทำอย่างสุภาพและด้วยความนับถือจากใจ—1 ปต. 3:15
พระเยซูรู้ดีว่าพระยะโฮวาเห็นตอนที่ท่านถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ท่านไว้วางใจว่าพระยะโฮวาจะจัดการเรื่องนั้นในเวลาที่เหมาะสม เราสามารถเลียนแบบพระเยซูได้โดยควบคุมคำพูดของเราตอนที่เราเจอความไม่ยุติธรรม บางเรื่องที่เราเจออาจเป็นเรื่องเล็กซึ่งเรามองข้ามได้ไม่ยาก หรือเราอาจแค่เงียบไว้เพื่อจะไม่พูดอะไรบางอย่างที่อาจทำให้สถานการณ์แย่ลง (ปญจ. 3:7; ยก. 1:19, 20) แต่บางครั้งเราอาจจำเป็นต้องพูดเมื่อเห็นว่ามีบางคนถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม หรือเราอาจต้องพูดเพื่อปกป้องความเชื่อของเรา (กจ. 6:1, 2) ตอนที่เราต้องพูด เราควรพยายามเต็มที่ที่จะพูดอย่างสุภาพและแสดงความนับถือ นอกจากนั้น เราสามารถเลียนแบบพระเยซูได้โดยฝากตัวเราเองไว้กับ “พระเจ้าที่ตัดสินอย่างยุติธรรม”—1 ปต. 2:23 ห24.11 น. 5-6 ว. 10-12
วันพุธที่ 6 พฤษภาคม
ทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะดีใจเมื่อเห็นคนบาปคนหนึ่งกลับใจ—ลก. 15:10
ถ้าคนทำผิดกลับใจก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก (ลก. 15:7) นี่เป็นผลงานของใคร? ของผู้ดูแลไหม? ขอสังเกตสิ่งที่อัครสาวกเปาโลเขียนเกี่ยวกับคนที่ทำบาปว่า “เพราะพระเจ้าอาจให้โอกาสเขากลับใจ” (2 ทธ. 2:25) ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงความคิดและทัศนะแบบนี้ไม่ใช่ผลงานของมนุษย์คนใดคนหนึ่ง แต่เป็นผลงานของพระยะโฮวาผู้ช่วยให้คริสเตียนที่ดื้อรั้นทำการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญนี้ เปาโลพูดต่อไปถึงผลที่ยอดเยี่ยมบางอย่างของการกลับใจคือ การช่วยให้คนบาปรับความรู้ที่ถูกต้องมากขึ้นในเรื่องความจริง ช่วยให้เขาได้สติอีกครั้ง และช่วยให้เขาหลุดพ้นจากกับดักของซาตาน (2 ทธ. 2:26) เมื่อคนที่ทำผิดกลับใจ คณะกรรมการจะจัดเตรียมให้มีการเยี่ยมบำรุงเลี้ยงโดยผู้ดูแลเพื่อช่วยพี่น้องคนนี้ให้ได้รับความช่วยเหลือต่อ ๆ ไปเพื่อจะต่อสู้กับกับดักของซาตานและทำสิ่งที่ถูกต้อง—ฮบ. 12:12, 13 ห24.08 น. 23 ว. 14-15
วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม
พวกคุณตามหาผมก็เพราะได้กินอิ่ม ไม่ใช่เพราะเห็นการอัศจรรย์ที่ให้หลักฐานเรื่องผม—ยน. 6:26
วันรุ่งขึ้น ฝูงชนพากันกลับมาตรงที่ที่พระเยซูเคยเลี้ยงขนมปังพวกเขาอย่างอัศจรรย์ แต่พระเยซูกับอัครสาวกไม่อยู่แล้ว คนเหล่านั้นเลยขึ้นเรือที่มาจากเมืองทิเบเรียสเพื่อจะไปตามหาพระเยซูที่เมืองคาเปอร์นาอุม (ยน. 6:22-24) ที่พวกเขาทำอย่างนั้นเพราะอยากรู้มากขึ้นเกี่ยวกับรัฐบาลของพระเจ้าไหม? ไม่ พวกเขาแค่อยากมากินขนมปังอีกเท่านั้น เรารู้ได้ยังไง? ตอนที่ฝูงชนไปเจอกับพระเยซูใกล้เมืองคาเปอร์นาอุม พระเยซูพูดตรง ๆ ว่าพวกเขาสนใจแค่เรื่องอาหาร ท่านพูดกับพวกเขาว่า “พวกคุณตามหาผมก็เพราะได้กินอิ่ม” พวกเขาสนใจแต่ “อาหารที่เน่าเสียได้” ดังนั้น พระเยซูเลยแนะนำกับพวกเขาว่า “ให้ทำงานเพื่อจะได้อาหารที่ไม่เน่าเสียซึ่งจะให้ชีวิตตลอดไป”—ยน. 6:26, 27 ห24.12 น. 5 ว. 8-9
วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม
ใจของคนฉลาดทำให้เขาพูดด้วยความเข้าใจลึกซึ้ง และพูดโน้มน้าวใจคนได้ดีขึ้น—สภษ. 16:23
พี่น้องชายทั้งหลาย เพื่อที่พวกคุณจะเป็นผู้สอนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณควรสอนและให้คำแนะนำที่มาจากคัมภีร์ไบเบิล คุณต้องเป็นคนที่ขยันศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและหนังสือขององค์การ (สภษ. 15:28) เมื่อคุณศึกษาขอให้สังเกตว่าจะนำหลักการในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ได้ยังไง และเมื่อสอนก็ขอให้คุณพยายามเข้าถึงหัวใจของผู้ฟัง คุณจะเป็นผู้สอนที่ดีขึ้นได้ถ้าขอคำแนะนำจากผู้ดูแลที่มีประสบการณ์และทำตามคำแนะนำเหล่านั้น (1 ทธ. 5:17) ผู้ดูแลต้องสามารถให้กำลังใจพี่น้องได้ แต่บางครั้งเขาก็ต้องให้คำแนะนำหรือว่ากล่าวตักเตือนพี่น้องด้วย ในกรณีแบบนั้นผู้ดูแลต้องอ่อนโยนเสมอ ถ้าคุณเป็นคนอ่อนโยน แสดงความรัก และสอนจากคัมภีร์ไบเบิลเสมอ คุณก็จะเป็นผู้สอนที่มีประสิทธิภาพเพราะคุณกำลังเลียนแบบพระเยซูครูผู้ยิ่งใหญ่—มธ. 11:28-30; 2 ทธ. 2:24 ห24.11 น. 24 ว. 16
วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม
บอกให้ชาติทั้งหลายรู้ว่าพระองค์สง่างาม—สด. 96:3
เราสามารถยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาได้โดยคำพูดของเรา ข้อคัมภีร์ที่เราเพิ่งได้อ่านไปบอกให้เรา “ร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวา” “สรรเสริญชื่อของพระองค์” “ประกาศข่าวดี . . . ว่าพระองค์ช่วยให้รอด” และ “บอกให้ชาติทั้งหลายรู้ว่าพระองค์สง่างาม” (สด. 96:1-3) ทั้งหมดนี้เป็นวิธีที่เราสามารถยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ของเราได้ (กจ. 4:29) เรายังสามารถยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาได้โดยใช้สิ่งมีค่าของเรา ผู้นมัสการแท้ในอดีตยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาโดยใช้วิธีนี้เสมอ (สภษ. 3:9) ตัวอย่างเช่น ชาวอิสราเอลบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการสร้างและดูแลรักษาวิหาร (2 พก. 12:4, 5; 1 พศ. 29:3-9) พอมาถึงในศตวรรษแรก พวกสาวกของพระเยซูก็ “ใช้ทรัพย์สินของตัวเอง” เพื่อสนับสนุนพระเยซูและพวกอัครสาวก (ลก. 8:1-3) นอกจากนั้น พวกเขายังบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเมื่อเจอภัยพิบัติด้วย (กจ. 11:27-29) ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน เราสามารถยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาได้โดยการบริจาคด้วยความสมัครใจ ห25.01 น. 4 ว. 8; น. 5 ว. 11
วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม
ใครจะห้ามพวกเขาไม่ให้รับบัพติศมาในน้ำได้ล่ะ—กจ. 10:47
อะไรช่วยให้โคร์เนลิอัสรับบัพติศมา? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เขากับทุกคนในบ้าน . . . เกรงกลัวพระเจ้า” และโคร์เนลิอัสก็อธิษฐานอ้อนวอนพระเจ้าเสมอ (กจ. 10:2) ตอนที่เปโตรมาประกาศข่าวดีกับโคร์เนลิอัสและครอบครัว พวกเขาก็แสดงความเชื่อในพระเยซูและรับบัพติศมาทันที (กจ. 10:47, 48) โคร์เนลิอัสยอมทำทุกอย่างและปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อที่เขากับครอบครัวจะได้นมัสการพระยะโฮวาด้วยกัน (ยชว. 24:15; กจ. 10:24, 33) โคร์เนลิอัสก็มีตำแหน่งที่มีหน้ามีตา เขาอาจเป็นห่วงตำแหน่งของตัวเองจนลังเลไม่กล้ารับบัพติศมาก็ได้ แต่เขาไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย แล้วคุณล่ะ? คุณต้องปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างในชีวิตที่เป็นเรื่องสำคัญมากเพื่อที่คุณจะรับบัพติศมาไหม? ถ้าใช่ พระยะโฮวาจะเป็นผู้ช่วยของคุณ พระองค์จะอวยพรความตั้งใจแน่วแน่ของคุณที่จะเอาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ในชีวิตเพื่อจะเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ได้ ห25.03 น. 5 ว. 12-13
วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม
อย่าไปสนใจเรื่องโกหกที่ขัดกับความคิดของพระเจ้า—1 ทธ. 4:7
ถ้าคุณได้ยินเรื่องในแง่ลบเกี่ยวกับองค์การหรือพี่น้องที่นำหน้า ขอให้จำไว้ว่าศัตรูของพระเจ้าเคยทำอะไรบ้างกับพระเยซูและสาวกของท่านในสมัยศตวรรษแรก ทุกวันนี้คนของพระยะโฮวากำลังถูกข่มเหงและถูกใส่ร้ายอย่างที่คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ล่วงหน้า (มธ. 5:11, 12) เราจะไม่หลงเชื่อเรื่องโกหกถ้าเราจำไว้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง และทำสิ่งที่ปกป้องตัวเราทันที สิ่งนั้นคืออะไร? ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องโกหก อัครสาวกเปาโลให้คำแนะนำที่ชัดเจนว่าเราต้องทำยังไงถ้าได้ยินเรื่องโกหก เขาบอกทิโมธีให้ “สั่งบางคนไม่ให้ . . . สนใจกับเรื่องโกหก” และ “อย่าไปสนใจเรื่องโกหกที่ขัดกับความคิดของพระเจ้า” (1 ทธ. 1:3, 4) เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องโกหกเพราะเรารู้ว่าเรื่องแบบนั้นมาจากไหน เราจะยึดมั่นกับ “คำสอนที่เป็นประโยชน์” เสมอ—2 ทธ. 1:13 ห24.04 น. 11 ว. 16; น. 13 ว. 17
วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม
พวกเขาพูดหวาน ๆ และป้อยอเพื่อชักจูงคนซื่อ—รม. 16:18
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันเสมอกับคนที่ภักดีต่อพระยะโฮวา พระยะโฮวาอยากให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันในการนมัสการแท้ เราจะเป็นหนึ่งเดียวกันได้เสมอถ้าเรายึดมั่นกับความจริง ใครก็ตามที่แพร่เรื่องที่ขัดกับความจริงก็ทำให้เกิดความแตกแยกในประชาคม ดังนั้น พระยะโฮวาเลยเตือนเราว่า “อย่าคบกับพวกเขา” ไม่อย่างนั้นตัวเราเองอาจทิ้งความจริงไปด้วย (รม. 16:17) เมื่อเรามองออกว่าอะไรคือความจริงและยึดมั่นกับความจริงไว้เสมอ เราจะสนิทกับพระยะโฮวาและมีความเชื่อเข้มแข็ง (อฟ. 4:15, 16) เราจะไม่ถูกหลอกด้วยคำสอนเท็จและโฆษณาชวนเชื่อของซาตาน และเราจะได้รับการปกป้องจากพระยะโฮวาในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ ดังนั้น ให้พวกคุณยึดมั่นกับความจริงไว้เสมอ “แล้วพระเจ้าที่มีสันติสุขจะอยู่กับพวกคุณ”—ฟป. 4:8, 9 ห24.07 น. 13 ว. 16-17
วันพุธที่ 13 พฤษภาคม
พระคริสต์ถวายเครื่องบูชาแค่ครั้งเดียวที่ขจัดบาปได้ตลอดไป—ฮบ. 10:12
พระเยซูแสดงความสนใจเป็นพิเศษกับคนที่สำนึกผิดเพราะตัวเองเป็นคนบาปและเชิญคนเหล่านี้ให้มาเป็นสาวก ท่านรู้ว่าบาปเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้มนุษย์ต้องทนทุกข์และเจ็บปวด ก็เลยพยายามช่วยคนที่สำนึกว่าตัวเองเป็นคนบาป ท่านอธิบายโดยใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบว่า “คนที่สบายดีไม่ต้องไปหาหมอ แต่คนป่วยต้องให้หมอรักษา” และยังบอกอีกว่า “ที่ผมมา ไม่ได้มาเพื่อช่วยคนดี แต่มาช่วยคนบาป” (มธ. 9:12, 13) พระเยซูทำอย่างที่พูดจริง ๆ ท่านให้อภัยบาปของผู้หญิงที่ล้างเท้าท่านด้วยน้ำตา (ลก. 7:37-50) และท่านยังสอนความจริงที่สำคัญมากให้กับผู้หญิงชาวสะมาเรียที่บ่อน้ำทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอใช้ชีวิตแบบผิดศีลธรรม (ยน. 4:7, 17-19, 25, 26) พระยะโฮวายังถึงกับให้อำนาจพระเยซูเพื่อที่จะกำจัดผลที่เลวร้ายที่สุดของบาปซึ่งก็คือความตาย พระเยซูปลุกคนให้ฟื้นขึ้นจากตาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก หรือผู้ใหญ่—มธ. 11:5 ห24.08 น. 4 ว. 9-10
วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม
พระองค์จะพิพากษาโลกด้วยความยุติธรรม และจะพิพากษาชนชาติต่าง ๆ ด้วยความซื่อสัตย์—สด. 96:13
อีกไม่นานพระยะโฮวาจะทำให้ชื่อของพระองค์ได้รับการยกย่องสรรเสริญยังไง? ก็โดยการพิพากษาอย่างยุติธรรมนั่นเอง อีกไม่นานพระยะโฮวาจะตัดสินลงโทษบาบิโลนใหญ่ที่ทำให้ชื่อเสียงของพระองค์เสื่อมเสีย (วว. 17:5, 16; 19:1, 2) ตอนนั้นบางคนที่ได้เห็นบาบิโลนใหญ่ถูกทำลายอาจเข้ามานมัสการพระยะโฮวากับเราด้วยก็ได้ และสุดท้ายในวันอาร์มาเกดโดน พระยะโฮวาจะทำลายโลกของซาตาน รวมทั้งทุกคนที่ต่อต้านและดูหมิ่นชื่อของพระองค์ แต่พระยะโฮวาจะปกป้องดูแลคนที่รักและเชื่อฟังพระองค์ รวมทั้งคนที่ภูมิใจที่ได้ยกย่องสรรเสริญพระองค์ (มก. 8:38; 2 ธส. 1:6-10) ตอนสิ้นสุดการปกครอง 1,000 ปีของพระเยซูจะมีการทดสอบครั้งสุดท้าย หลังจากการทดสอบนั้น พระยะโฮวาจะทำให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถืออย่างสมบูรณ์แบบ (วว. 20:7-10) เมื่อถึงตอนนั้น “โลกจะเต็มไปด้วยคนที่รู้จักความยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวา เหมือนทะเลเต็มไปด้วยน้ำ” (ฮบก. 2:14) เรารู้สึกตื่นเต้นจริง ๆ ที่ในอนาคตทุกคนที่มีชีวิตอยู่จะยกย่องสรรเสริญชื่อของพระยะโฮวา ห25.01 น. 7 ว. 15-16
วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม
ให้พวกคุณอดทนเมื่อถูกอบรมสั่งสอน—ฮบ. 12:7
อะไรจะช่วยคริสเตียนชาวฮีบรูให้อดทนการข่มเหงที่เจอได้? อัครสาวกเปาโลรู้ว่าพวกเขาต้องมีมุมมองที่ถูกต้องต่อการข่มเหง เขาเลยอธิบายว่าบางครั้งพระเจ้าอาจยอมให้เราเจอการทดสอบเพื่อฝึกอบรมเรา การทดสอบแบบนี้สามารถช่วยให้คนเราพัฒนาคุณลักษณะแบบคริสเตียนได้ ดังนั้น ถ้าพวกเขาสนใจที่ผลดีของการถูกทดสอบ พวกเขาก็จะสามารถอดทนได้ดีขึ้น (ฮบ. 12:11) เปาโลกระตุ้นคริสเตียนชาวฮีบรูให้อดทนกับความยากลำบากอย่างกล้าหาญและไม่ยอมแพ้ เขาเป็นคนที่สามารถให้คำแนะนำในเรื่องนี้ได้ เพราะก่อนหน้านี้เปาโลเคยเป็นคนที่ข่มเหงคริสเตียน เขาเลยรู้ว่าคนที่เป็นคริสเตียนต้องเจอกับอะไรบ้าง นอกจากนั้น เขาก็รู้วิธีรับมือกับการข่มเหงด้วย เพราะหลังจากที่เขาเข้ามาเป็นคริสเตียนตัวเขาเองก็ถูกข่มเหงเหมือนกัน—2 คร. 11:23-25 ห24.09 น. 12-13 ว. 16-17
วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม
ให้เฝ้าระวังอยู่เสมอ—มธ. 25:13
ยิ่งเวลาผ่านไป งานรับใช้ของเราก็ยิ่งเร่งด่วนมากขึ้น ทำไม? เพราะเวลากำลังจะหมดลงแล้ว ให้ลองคิดถึงสิ่งที่พระเยซูบอกไว้ล่วงหน้าที่มาระโก 13:10 เกี่ยวกับงานประกาศในสมัยสุดท้าย พระเยซูบอกไว้ในหนังสือมัทธิวว่าจะมีการประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าไปทั่วโลกก่อน “จุดจบ” จะมาถึง (มธ. 24:14) จุดจบที่ว่านี้คือจุดจบของโลกซาตาน และพระยะโฮวาได้กำหนด “วันเวลานั้น” ไว้แล้ว (มธ. 24:36; กจ. 1:7) ยิ่งแต่ละวันผ่านไป เราก็ยิ่งเข้าใกล้จุดจบมากขึ้นทุกที (รม. 13:11) ดังนั้น เราต้องประกาศต่อ ๆ ไปจนกว่าจุดจบจะมาถึง มีคำถามสำคัญอย่างหนึ่งที่เราต้องคิดเกี่ยวกับงานรับใช้ นั่นก็คือ ทำไมเราประกาศข่าวดี? เราประกาศข่าวดีก็เพราะความรักกระตุ้นให้เราทำอย่างนั้น เมื่อเราประกาศ เรากำลังแสดงว่าเรารักข่าวดี รักผู้คน และที่สำคัญที่สุดเรารักพระยะโฮวาและชื่อของพระองค์ ห24.05 น. 14-15 ว. 2-3
วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม
พระเจ้าก็มองดูทุกสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้นและเห็นว่าดียอดเยี่ยม—ปฐก. 1:31
พวกคุณที่เป็นพ่อแม่ ขอให้สนับสนุนลูกให้สังเกตธรรมชาติ ตอนที่คุณไปเที่ยวชนบทหรือกำลังทำสวนอยู่ ลองชวนลูกให้สังเกตรูปแบบต่าง ๆ ที่เห็นได้ในธรรมชาติ ทำไมการทำแบบนี้ถึงเป็นประโยชน์? การสังเกตรูปแบบต่าง ๆ ทำให้เห็นหลักฐานว่าสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติต้องมีผู้ออกแบบที่มีสติปัญญาและฉลาดมาก ตัวอย่างเช่น รูปแบบวงก้นหอย นักวิทยาศาสตร์พยายามศึกษารูปแบบนี้มานานหลายปีแล้ว นักชีวฟิสิกส์คนหนึ่งที่ชื่อนิโคลา ฟาเมลีบอกว่า เมื่อคุณนับจำนวนเส้นโค้งรูปก้นหอยที่อยู่ในธรรมชาติ คุณจะสังเกตเห็นชุดตัวเลขหนึ่งโดยเฉพาะ ชุดตัวเลขนี้ถูกเรียกว่าลำดับฟีโบนักชี รูปแบบวงก้นหอยเห็นได้ในธรรมชาติหลายอย่าง เช่น กาแล็กซี เปลือกหอยงวงช้าง ใบไม้บางชนิด และดอกทานตะวัน ห24.12 น. 16 ว. 7
วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม
พระองค์เป็นผู้ให้ชีวิตพวกคุณ—ฉธบ. 30:20
แม้โมเสส ดาวิด และยอห์นอยู่ในช่วงเวลาที่แตกต่างจากเราและสภาพการณ์ในชีวิตของพวกเขาก็ไม่เหมือนกับเรา แต่พวกเขาก็มีหลายอย่างที่คล้ายกับเรา เช่น พวกเขารับใช้พระยะโฮวาพระเจ้าเที่ยงแท้ พวกเขาอธิษฐาน ไว้วางใจพระองค์ และขอการชี้นำจากพระองค์เหมือนที่เราทำ นอกจากนั้น เราก็ยังเหมือนกับพวกเขาตรงที่เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะอวยพรเรามากมายถ้าเราเชื่อฟังพระองค์ ดังนั้น ให้เราสนใจและทำตามคำพูดสุดท้ายของผู้ชายทั้ง 3 คนนี้โดยเชื่อฟังพระยะโฮวา แล้วทุกอย่างที่เราทำจะประสบความสำเร็จ เราจะ “มีชีวิตยืนยาว” ซึ่งก็คือตลอดไป และเราจะมีความสุขที่ทำให้พระยะโฮวาพระเจ้าพอใจ พระองค์จะให้รางวัลเรามากมายเกินกว่าที่เราจะนึกภาพออกได้—อฟ. 3:20 ห24.11 น. 13 ว. 20-21
วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม
พระเจ้าตั้งคนให้ทำหน้าที่ต่าง ๆ ในประชาคม—1 คร. 12:28
ในสมัยศตวรรษแรกพี่น้องชายบางคนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยงานรับใช้ (1 ทธ. 3:8) ดูเหมือนว่าพวกเขา “ให้บริการในรูปแบบต่าง ๆ” ที่อัครสาวกเปาโลพูดถึง ดังนั้น ผู้ช่วยงานรับใช้ในสมัยศตวรรษแรกอาจจะทำงานที่จำเป็นหลายอย่างเพื่อที่ผู้ดูแลจะเอาใจใส่กับงานสอนและการบำรุงเลี้ยง เช่น ผู้ช่วยงานรับใช้อาจช่วยคัดลอกสำเนาพระคัมภีร์ หรืออาจไปซื้อของสำหรับการคัดลอกพระคัมภีร์ก็ได้ ในทุกวันนี้ผู้ช่วยงานรับใช้ก็ทำงานหลายอย่างในประชาคมของคุณ (1 ปต. 4:10) เช่น พวกเขาอาจได้รับมอบหมายให้ดูแลบัญชีหรือเขตประกาศของประชาคม สั่งหนังสือให้พี่น้อง คุมเครื่องเสียงหรือวีดีโอ ต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมหรือช่วยดูแลรักษาหอประชุม งานเหล่านี้จำเป็นมากเพื่อที่ประชาคมจะดำเนินงานได้อย่างราบรื่น—1 คร. 14:40 ห24.10 น. 19 ว. 4-5
วันพุธที่ 20 พฤษภาคม
ผมมีกำลังทนได้ทุกสิ่งเพราะพระองค์ให้กำลังกับผม—ฟป. 4:13
เราสามารถอดทนกับปัญหาทุกอย่างได้ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ถ้าเราจำไว้ว่าพระยะโฮวามีชีวิตอยู่และพร้อมที่จะช่วยเรา พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด และพระองค์สามารถให้กำลังกับเราที่จะอดทนได้ นี่ช่วยให้เราไม่กลัวเมื่อเราเจอปัญหา และเมื่อเราเห็นด้วยตัวเองว่าพระยะโฮวาช่วยเราให้อดทนกับปัญหาเล็ก ๆ ได้ เราก็มั่นใจได้เลยว่าพระองค์จะช่วยให้เราอดทนกับปัญหาหนัก ๆ ได้ด้วย ให้เรามาดู 2 เหตุการณ์ที่ช่วยให้กษัตริย์ดาวิดมั่นใจในพระยะโฮวามากขึ้น เหตุการณ์แรก ตอนที่ดาวิดเป็นวัยรุ่นและเลี้ยงแกะของพ่อ เมื่อมีสิงโตหรือหมีมาคาบแกะในฝูงไป เขาก็ไล่ตามไปอย่างกล้าหาญและช่วยแกะไว้ได้ ดาวิดไม่ได้คิดว่าที่เขาทำแบบนั้นได้เป็นเพราะตัวเขาเอง แต่เขารู้ว่าพระยะโฮวาให้กำลังกับเขา (1 ซม. 17:34-37) การคิดใคร่ครวญเรื่องนี้ทำให้ดาวิดมั่นใจว่าพระยะโฮวาพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่จะให้กำลังกับเขาในอนาคตด้วย ห24.06 น. 21 ว. 5-6
วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม
คนที่ตอบก่อนได้ยินข้อเท็จจริง ก็ทำเรื่องโง่และน่าอับอาย—สภษ. 18:13
คุณสามารถหาข้อมูลได้โดยการถามคำถาม สมมุติว่ามีคนชวนคุณไปปาร์ตี้ คำถามก็คือ คุณควรจะไปปาร์ตี้นั้นไหม? ถ้าคุณไม่รู้จักเจ้าของงานและไม่รู้ว่างานนั้นเป็นแบบไหน คุณต้องถามคำถามอย่างเช่น “เขาจัดงานนั้นกันที่ไหนและเมื่อไหร่ มากันกี่คน? มีใครไปบ้าง? ใครดูแลงานนั้น? เขาจะทำอะไรกันบ้างในงานนั้น? และมีการเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยไหม?” คำตอบของคำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างฉลาด หลังจากที่คุณได้ข้อมูลมาแล้ว ให้คิดดี ๆ เกี่ยวกับภาพรวมของเรื่องที่คุณจะตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น คุณจะทำยังไงถ้าได้ยินว่าในงานเลี้ยงนั้นจะมีคนที่ไม่นับถือหลักการในคัมภีร์ไบเบิลมาด้วย หรือมีการเสิร์ฟแอลกอฮอล์ในงานปาร์ตี้นั้นแต่ไม่มีใครดูแล? คุณเห็นไหมว่าปาร์ตี้นี้มีโอกาสจะกลายเป็นการเลี้ยงเฮฮาจนสุดเหวี่ยง? (1 ปต. 4:3) ถ้าคุณเห็นภาพรวม มันจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น ห25.01 น. 15 ว. 4-5
วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม
ถึงบาปของพวกเจ้าจะแดงก่ำ เราจะทำให้ขาวเหมือนหิมะ—อสย. 1:18
พระยะโฮวาใช้ภาพเปรียบเทียบอื่นเพื่อช่วยให้เรารู้ว่าพระองค์ใช้เครื่องบูชาไถ่เพื่อลบล้างบาปของคนที่กลับใจยังไง ปกติแล้วเป็นเรื่องยากมากที่จะลบรอยสีแดงเข้มออกจากผ้า พระยะโฮวาใช้ภาพเปรียบเทียบนี้เพื่อช่วยให้เรามั่นใจว่า พระองค์จะชำระล้างบาปของเราให้หมดไปจนไม่เห็นมันอีกเลย บาปเป็นเหมือนกับหนี้ (มธ. 6:12; ลก. 11:4) ดังนั้น ทุกครั้งที่เราทำบาปต่อพระยะโฮวา หนี้ของเราก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เราติดหนี้พระยะโฮวามหาศาล แต่เมื่อพระองค์ให้อภัยเราก็เหมือนกับว่าพระองค์ยกหนี้ให้เรา พระยะโฮวาไม่ได้เรียกร้องให้เราชดใช้บาปที่เราได้รับการอภัยแล้ว ภาพเปรียบเทียบนี้ทำให้เรารู้สึกดีใจและเห็นค่ามากที่พระยะโฮวาให้อภัยเรา ห25.02 น. 9-10 ว. 9-10
วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม
พ่อแม่ไม่หวังอะไรจากลูก มีแต่จะสะสมไว้ให้ลูก—2 คร. 12:14
พ่อแม่อาจจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือบางอย่างจากลูกตอนที่พวกเขาแก่ตัวลง และลูกก็ยินดีที่จะดูแลพ่อแม่ (1 ทธ. 5:4) แต่พ่อแม่คริสเตียนรู้ดีว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุขมากที่สุดไม่ใช่การเลี้ยงลูกเพื่อให้ลูกมาเลี้ยงตัวเองตอนแก่ แต่ความสุขของพวกเขามาจากการช่วยลูกให้ได้เป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวา (3 ยน. 4) ให้คุณสอนลูกโดยเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเขาในเรื่องการไว้วางใจพระยะโฮวาและช่วยลูกให้เตรียมตัวที่จะหาเลี้ยงตัวเองได้เมื่อโตขึ้น สอนเขาตั้งแต่ยังเล็กให้เป็นคนขยันทำงาน (สภษ. 29:21; อฟ. 4:28) แล้วเมื่อลูกเริ่มโตขึ้น ก็สอนเขาให้ตั้งใจเรียน พ่อแม่สามารถค้นคว้าหลักการในคัมภีร์ไบเบิลและเอามาช่วยลูกให้ตัดสินใจว่าเขาควรเรียนอะไร นี่จะช่วยให้ลูกพร้อมจะหาเลี้ยงตัวเองได้และสามารถทำงานรับใช้ได้มากขึ้น ห25.03 น. 30-31 ว. 15-16
วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม
ปลูกฝังลักษณะนิสัยใหม่—อฟ. 4:24
ที่อิสยาห์บท 65 พระยะโฮวาดลใจให้ผู้พยากรณ์อิสยาห์พรรณนาว่าชีวิตของคนที่อยู่ในอุทยานโดยนัยจะเป็นยังไง คำพยากรณ์ของอิสยาห์เป็นจริงครั้งแรกในปี 537 ก่อนคริสต์ศักราช ตอนนั้นชาวยิวได้ออกจากการเป็นเชลยที่บาบิโลน และกลับมาที่กรุงเยรูซาเล็ม พระยะโฮวาอวยพรชาวยิวเหล่านี้และช่วยพวกเขาให้ฟื้นฟูกรุงเยรูซาเล็มให้กลับมาสวยงามอีกครั้ง และฟื้นฟูวิหารซึ่งเป็นศูนย์กลางการนมัสการแท้ของชาวอิสราเอล (อสย. 51:11; ศคย. 8:3) คำพยากรณ์ของอิสยาห์เกิดขึ้นจริงครั้งที่ 2 ตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 1919 ตอนที่คนของพระยะโฮวาได้เป็นอิสระจากบาบิโลนใหญ่ ตั้งแต่นั้นมาอุทยานโดยนัยก็เริ่มแผ่ขยายไปทั่วโลก ผู้ประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าที่กระตือรือร้นได้ตั้งประชาคมขึ้นในที่ต่าง ๆ พวกเขาบางคนเมื่อก่อนเคยชอบใช้ความรุนแรงและเป็นคนไม่มีศีลธรรม แต่พวกเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองโดย “ปลูกฝังลักษณะนิสัยใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นตามที่พระเจ้าต้องการ” ห24.04 น. 20-21 ว. 3-4
วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม
แต่ละคนจะต้องแบกความรับผิดชอบของตัวเอง—กท. 6:5
ในบางประเทศอาจมีการคาดหมายให้พ่อแม่หรือคนที่เป็นผู้ใหญ่เลือกคู่ให้คนในครอบครัวที่เป็นโสด และในบางประเทศก็อาจมีการขอให้คนในครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ช่วยหาคู่ให้กับคนโสดแล้วก็นัดดูตัวกัน ถ้าคุณถูกขอให้ช่วยหาคู่ให้กับคนโสด ขอให้คิดถึงความชอบและความต้องการของทั้งสองฝ่าย แล้วพอคุณเจอคนที่คิดว่าเหมาะสมแล้ว ก็ให้พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับคนนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น ลองค้นหาว่าคนนั้นเป็นคนยังไง มีนิสัยแบบไหน และที่สำคัญที่สุดความเชื่อของเขาเป็นยังไง ความสัมพันธ์ที่เขามีกับพระยะโฮวาสำคัญมากยิ่งกว่าเงิน การศึกษา หรือฐานะทางสังคม แต่ขอจำไว้ด้วยว่าคนที่มีสิทธิ์ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะแต่งงานหรือไม่ก็คือพี่น้องคนนั้นที่เป็นโสด ห24.05 น. 23 ว. 11
วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม
เพื่อนแท้รักกันอยู่เสมอ—สภษ. 17:17
เราสามารถช่วยคนที่เป็นแฟนกันได้โดยคิดถึงสิ่งที่เราควรพูดหรือไม่ควรพูด บางครั้งเราอาจต้องควบคุมตัวเองและไม่พูดอะไร (สภษ. 12:18) ตัวอย่างเช่น เราอาจรู้สึกตื่นเต้นที่อยากจะบอกคนอื่นว่าพวกเขากำลังคบกันอยู่ แต่พวกเขาอาจอยากบอกเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และเราไม่ควรนินทาพวกเขาหรือไม่ควรตำหนิวิจารณ์เรื่องส่วนตัวของพวกเขา (สภษ. 20:19; รม. 14:10; 1 ธส. 4:11) นอกจากนั้น เราไม่ควรพูดหรือถามเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานซึ่งอาจทำให้พวกเขารู้สึกกดดันก็ได้ ถ้าคนที่เป็นแฟนกันตัดสินใจเลิกกัน เราไม่ควรไปถามเรื่องนั้นหรือโทษว่าใครเป็นคนผิด (1 ปต. 4:15) การเลิกกันไม่ได้แปลว่าพวกเขาล้มเหลว แต่จริง ๆ แล้วเป็นการบรรลุจุดประสงค์ของการคบกัน นั่นก็คือช่วยทั้งสองคนให้ตัดสินใจได้อย่างฉลาด ถึงอย่างนั้น การเลิกกันก็อาจทำให้รู้สึกเสียใจ ดังนั้น เราควรหาวิธีที่จะช่วยพวกเขา ห24.05 น. 31 ว. 15-16
วันพุธที่ 27 พฤษภาคม
ถ้าคุณท้อแท้ในวันที่ทุกข์ลำบาก กำลังเรี่ยวแรงของคุณก็จะน้อย—สภษ. 24:10
หนึ่งในปัญหาที่ทำให้เรารับมือได้ยากที่สุดก็คือตอนที่คนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิททิ้งพระยะโฮวาไป (สด. 78:40) ยิ่งเราสนิทกับเขามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งรับมือได้ยากเท่านั้น ถ้าคุณเองก็เจอเรื่องแบบนี้ ตัวอย่างของศาโดกช่วยคุณได้ ศาโดกเลือกที่จะซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาเสมอถึงแม้ว่าอาบียาธาร์เพื่อนสนิทของเขาเลือกที่จะไม่ซื่อสัตย์ ตอนที่ดาวิดใกล้จะตาย อาโดนียาห์ลูกชายของเขาพยายามจะแย่งชิงบัลลังก์ที่พระยะโฮวาสัญญาว่าจะให้กับโซโลมอน (1 พศ. 22:9, 10) มหาปุโรหิตอาบียาธาร์เลือกที่จะสนับสนุนอาโดนียาห์ (1 พก. 1:5-8) การทำอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าอาบียาธาร์ไม่ใช่แค่ไม่ซื่อสัตย์ต่อดาวิดและศาโดกเท่านั้น แต่ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาด้วย ศาโดกกับอาบียาธาร์รับใช้เป็นปุโรหิตด้วยกันมานานหลายสิบปี—2 ซม. 8:17; 15:29; 19:11-14 ห24.07 น. 6 ว. 14-15
วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม
คนที่เฝ้าระวังเสมอจะมีความสุข—สภษ. 28:14
การระวังอยู่เสมอเพื่อจะไม่พลาดเมื่อเจอการล่อใจจะดีสำหรับเราแน่นอน บาปอาจทำให้เรา “สนุกสนานชั่วคราว” แต่ถ้าเราใช้ชีวิตในแบบที่พระยะโฮวาพอใจเราจะมีความสุขมากกว่านั้นหลายเท่า เพราะมนุษย์เราถูกสร้างมาให้ใช้ชีวิตตามที่พระยะโฮวาต้องการ (ฮบ. 11:25; สด. 19:8; ปฐก. 1:27) เมื่อเราใช้ชีวิตแบบนั้น เราจะไม่มีความรู้สึกผิดมารบกวนใจและในอนาคตเราจะมีโอกาสมีชีวิตตลอดไป (1 ทธ. 6:12; 2 ทธ. 1:3; ยด. 20, 21) ก็จริงที่ “ร่างกายยังอ่อนแอ” (มธ. 26:41) แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราเอาชนะจุดอ่อนของตัวเองไม่ได้ พระยะโฮวาอยู่พร้อมที่จะให้กำลังกับเราเสมอ (2 คร. 4:7) และอย่าลืมว่าถึงแม้พระองค์จะให้กำลังที่มากกว่าปกติกับเรา แต่เราก็ควรทำทุกอย่างที่ทำได้ก่อนเพื่อจะต้านทานการล่อใจ เรามั่นใจได้ว่าพระองค์จะตอบคำอธิษฐานโดยให้กำลังที่จำเป็นกับเราเพิ่มเติม (1 คร. 10:13) ถ้าพระยะโฮวาช่วย เราจะต้านทานการล่อใจได้แน่นอน ห24.07 น. 19 ว. 19-21
วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม
ถ้าคนไหนทำบาปเป็นนิสัย ก็ให้ว่ากล่าวตักเตือนเขาต่อหน้าทุกคน—1 ทธ. 5:20
ข้อคัมภีร์ประจำวันนี้อยู่ในจดหมายที่อัครสาวกเปาโลเขียนถึงทิโมธีเพื่อนผู้ดูแลของเขา ซึ่งเปาโลได้แนะนำว่าควรทำยังไงกับคนที่ “ทำบาปเป็นนิสัย” เปาโลบอกว่าต้อง “ว่ากล่าวตักเตือนเขาต่อหน้าทุกคน” แต่คำว่า “ทุกคน” ในที่นี้หมายถึงทั้งประชาคมไหม? ไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป เปาโลกำลังพูดถึงพี่น้องบางคนที่อาจรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว เช่น อาจเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ หรือคนที่ได้รับผลกระทบจากการทำผิด ถ้าเป็นแบบนั้นผู้ดูแลก็จะบอกเฉพาะพี่น้องที่รู้เรื่องนั้นว่ามีการจัดการเรื่องนี้แล้วและคนที่ทำผิดได้รับการว่ากล่าวตักเตือนแล้ว ในบางกรณีอาจมีพี่น้องส่วนใหญ่ในประชาคมรู้เรื่องการทำผิดร้ายแรงหรือในวันข้างหน้าคงจะเป็นที่รู้กัน ถ้าเป็นแบบนี้ “ทุกคน” ในที่นี้จะหมายถึงพี่น้องทั้งประชาคม ดังนั้น ผู้ดูแลจะมีคำประกาศต่อประชาคมว่าพี่น้องคนนั้นได้ถูกว่ากล่าวตักเตือนแล้ว ทำไมถึงทำแบบนี้? เปาโลบอกว่า “เพื่อเป็นการเตือนคนอื่น ๆ” ไม่ให้ทำบาป ห24.08 น. 23-24 ว. 16-17
วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม
ทั้งหมดนี้เป็นคำพูดที่เชื่อถือได้ของพระเจ้า—วว. 19:9
เราต้องขยันทำงานรับใช้พระยะโฮวาจนถึงที่สุด ผู้ถูกเจิมต้องเฝ้าระวังอยู่เสมอเพื่อพวกเขาจะถูกพระเยซู “พาไป” และรวบรวม “ให้ไปอยู่กับ” ท่านในสวรรค์ (มธ. 24:40) หลังจากสงครามอาร์มาเกดโดนพวกเขาจะเป็นเจ้าสาวของพระเยซูในงานแต่งงานของลูกแกะของพระเจ้า (2 ธส. 2:1) ถึงแม้ว่าช่วงเวลาของการพิพากษาจะใกล้เข้ามาทุกทีแต่เราก็ไม่ต้องกลัว ถ้าเรารักษาความซื่อสัตย์อยู่เสมอพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ที่รักเราจะให้ “กำลังที่มากกว่าปกติ” เพื่อเรา “จะรอด . . . และยืนอยู่ต่อหน้า ‘ลูกมนุษย์’ ได้” (2 คร. 4:7; ลก. 21:36) ไม่ว่าเราจะมีความหวังที่จะอยู่บนสวรรค์หรืออยู่บนโลก เราสามารถทำให้พระยะโฮวาพอใจถ้าเราเอาใจใส่ฟังคำเตือนของพระองค์ที่อยู่ในตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซู และด้วยความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวา ชื่อของเราจะถูก “เขียนไว้ในหนังสือ” รายชื่อคนที่จะได้ชีวิต—ดนล. 12:1; วว. 3:5 ห24.09 น. 24-25 ว. 19-20
วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม
ส่วนตัวผม เป็นเรื่องดีที่ผมเข้ามาใกล้พระเจ้า—สด. 73:28
คัมภีร์ไบเบิลสามารถช่วยคุณให้ไขข้อสงสัยและสงบใจได้ เป็นแบบนั้นได้ยังไง? ขอให้คิดถึงสิ่งดี ๆ ที่คุณได้รับในตอนนี้เพราะคุณได้พรมากมายจากพระยะโฮวา แล้วลองเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่ไม่ได้รับใช้พระยะโฮวา ชีวิตของพวกเขาเป็นยังไง? พวกเขาส่วนใหญ่คิดว่าการมีงานดี ๆ และมีชีวิตที่สะดวกสบายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเพราะพวกเขาไม่มีความหวังเกี่ยวกับอนาคตเลย แต่สำหรับคุณแล้วไม่ใช่แบบนั้น สิ่งดี ๆ ที่คุณได้รับไม่ได้มีแค่ในตอนนี้ แต่พระยะโฮวายังสัญญาว่าจะให้สิ่งดี ๆ มากมายกว่านี้ในอนาคตด้วย (สด. 145:16) นอกจากนั้น ขอให้ลองคิดแบบนี้ด้วย คุณมั่นใจไหมว่าถ้าตัดสินใจอีกแบบ ชีวิตจะออกมาดีกว่านี้? แต่ถ้าคุณตัดสินใจเพราะรักพระยะโฮวาและรักคนอื่น อย่างหนึ่งที่คุณมั่นใจได้แน่ ๆ ก็คือคุณจะมีชีวิตที่มีความสุขที่สุดแน่นอน ห24.10 น. 27 ว. 12-13