กรกฎาคม
วันพุธที่ 1 กรกฎาคม
ผมยังไม่เคยเห็นคนดีถูกทอดทิ้ง—สด. 37:25
ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาบางคนอายุมากขึ้น สุขภาพไม่ค่อยดี หรือพิการ และนี่อาจทำให้พวกเขาไม่มั่นใจว่าตัวเองยังมีค่าในสายตาของพระยะโฮวาอยู่ไหม พวกเขาอาจสงสัยว่า ‘ฉันยังมีประโยชน์สำหรับพระยะโฮวาอยู่ไหม?’ ผู้เขียนหนังสือสดุดีบท 71 ก็เคยรู้สึกคล้าย ๆ กัน เขาอธิษฐานว่า “อย่าทิ้งผมตอนที่ผมหมดแรง” (สด. 71:9, 18) ถึงอย่างนั้น เขาก็มั่นใจว่าถ้าเขารับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ พระองค์ก็จะคอยชี้นำและช่วยเหลือเขา ผู้เขียนหนังสือสดุดีได้เรียนว่าพระยะโฮวาพอใจคนที่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะรับใช้พระองค์แม้จะมีขีดจำกัดก็ตาม (สด. 37:23-25) ถ้าตอนนี้คุณอายุมากแล้ว ลองคิดดูว่าพระยะโฮวามองคุณยังไง พระองค์สามารถช่วยคุณให้รับใช้อย่างซื่อสัตย์ต่อไปได้ถึงแม้คุณจะมีขีดจำกัดบางอย่าง (สด. 92:12-15) แทนที่จะคิดถึงสิ่งที่คุณทำไม่ได้ ขอให้คิดถึงสิ่งที่คุณยังทำได้ในตอนนี้ ห24.10 น. 28 ว. 14-16
วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม
ในเรื่องการกินอาหารที่ถวายรูปเคารพนั้น เรารู้อยู่ว่ารูปเคารพไม่มีความหมายอะไรเลย—1 คร. 8:4
เมื่อคริสเตียนที่ไม่เป็นผู้ใหญ่ด้านความเชื่อเจอสถานการณ์ที่ไม่มีกฎบอกชัดในคัมภีร์ไบเบิล พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจยังไง พวกเขาอาจเลือกทำตามใจตัวเองหรืออาจต้องการให้มีใครมาตั้งกฎ ตัวอย่างเช่น คริสเตียนในเมืองโครินธ์อาจเป็นแบบนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาขอให้อัครสาวกเปาโลตั้งกฎเรื่องการกินอาหารที่ถวายรูปเคารพ แต่แทนที่เปาโลจะทำอย่างนั้น เขาหาเหตุผลจากหลักการในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อกระตุ้นให้พวกเขาใช้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและใช้ “สิทธิ์” เลือกเองว่าจะกินหรือไม่กิน ซึ่งนี่จะช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้โดยไม่รู้สึกผิดและไม่ทำให้คนอื่นไม่สบายใจ (1 คร. 8:7-9) สิ่งที่เปาโลทำเป็นการสอนคริสเตียนในเมืองโครินธ์ให้ฝึกใช้ความคิดโดยค้นคว้าในคัมภีร์ไบเบิล เพื่อจะตัดสินใจได้เองโดยไม่ต้องคอยถามคนอื่นหรือให้ใครมาตั้งกฎ ห24.04 น. 6 ว. 14
วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม
เรายะโฮวาตรวจดูหัวใจ . . . เพื่อจะตอบแทนแต่ละคนตามการกระทำของเขา—ยรม. 17:10
ในสมัยของโยนาห์ ชาวนีนะเวห์ยังได้รับโอกาสที่จะกลับใจ ไม่ใช่แค่นั้น อย่าลืมว่าตอนที่พระเยซูพูดถึงคนที่ “ฟื้นขึ้นมาแล้วถูกพิพากษา” ท่านหมายถึง “คนที่ทำชั่ว” ด้วย (ยน. 5:29) ดังนั้น ดูเหมือนว่าอาจยังมีความหวังสำหรับบางคนในเมืองโสโดมและโกโมราห์ว่าพวกเขาจะถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายด้วย และเราอาจจะมีโอกาสได้สอนพวกเขาเกี่ยวกับพระยะโฮวาและพระเยซู พระยะโฮวาเป็นผู้ที่ “ตรวจดูหัวใจ และตรวจสอบส่วนลึกที่สุดของความคิดจิตใจ” ของแต่ละคน ดังนั้น เมื่อพูดถึงการฟื้นขึ้นจากตายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะ “ตอบแทนแต่ละคนตามการกระทำของเขา” พระยะโฮวาจะหนักแน่นเมื่อจำเป็น แต่พระองค์จะหาทางแสดงความเมตตาเสมอ ดังนั้น เราไม่ควรสรุปเอาเองว่าคนคนหนึ่งจะไม่ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายถ้าคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกให้เรารู้แบบนั้น ห24.05 น. 5-6 ว. 15-16
วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม
ไม่ต้องกลัว เราจะช่วยเจ้า—อสย. 41:13
ในสมัยอดีต คำพูดของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ให้กำลังใจผู้รับใช้ของพระองค์เพื่อพวกเขาจะทำงานมอบหมายยาก ๆ ให้สำเร็จ เช่น ตอนที่พระยะโฮวามอบหมายงานให้กับผู้พยากรณ์เยเรมีย์ ตอนแรกเขาไม่มั่นใจเลย เขาบอกว่า “ผมพูดไม่เป็น เพราะผมยังเด็กอยู่” (ยรม. 1:6) แล้วอะไรช่วยให้เยเรมีย์มีความมั่นใจมากขึ้น? สิ่งที่ช่วยเขาก็คือ คำพูดของพระยะโฮวา เขาบอกว่า “คำของพระองค์อยู่ในใจผมเหมือนไฟอยู่ในกระดูก ผมจึงอดกลั้นไว้ไม่ไหว และทนนิ่งเงียบต่อไปไม่ได้” (ยรม. 20:8, 9) แม้เยเรมีย์จะต้องประกาศในเขตที่ผู้คนไม่สนใจฟัง แต่เรื่องที่เขาประกาศก็ทำให้เขามีกำลังใจที่จะทำงานนี้ต่อ ๆ ไป พวกเราก็สามารถได้กำลังใจจากคำพูดของพระยะโฮวาที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิล ตอนที่อัครสาวกเปาโลเขียนจดหมายถึงพี่น้องในเมืองโคโลสี เขาบอกว่า ความรู้ที่ถูกต้องจะกระตุ้นพี่น้องในโคโลสีให้ “เกิดผลดีในทุกสิ่งที่ [พวกเขา] ทำ” และนี่จะทำให้พวกเขาสามารถ “ใช้ชีวิตให้สมกับการเป็นผู้รับใช้พระยะโฮวา”—คส. 1:9, 10 ห24.04 น. 14-15 ว. 2-4
วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม
ปุโรหิตศาโดก . . . เจิมโซโลมอน—1 พก. 1:39
ศาโดกรักษาความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระยะโฮวาถึงแม้ว่ามหาปุโรหิตอาบียาธาร์เลือกจะสนับสนุนอาโดนียาห์ลูกชายของดาวิดที่วางแผนจะยึดบัลลังก์พ่อของตัวเอง ดาวิดรู้ว่าเขาไว้ใจศาโดกได้เสมอ ตอนที่แผนการของอาโดนียาห์ถูกเปิดโปง ดาวิดก็เลือกศาโดก นาธัน และเบไนยาห์ให้มีส่วนช่วยในการแต่งตั้งโซโลมอนให้เป็นกษัตริย์ (1 พก. 1:32-34) ศาโดกคงต้องได้รับกำลังใจจากตัวอย่างของผู้รับใช้คนอื่น ๆ เช่น นาธันที่ซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาและสนับสนุนดาวิด ในที่สุดเมื่อโซโลมอนขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาก็ “แต่งตั้งปุโรหิตศาโดกให้ทำหน้าที่แทนอาบียาธาร์” (1 พก. 2:35) คุณจะเลียนแบบศาโดกได้ยังไง? ถ้าคนที่คุณรักเลือกที่จะทิ้งพระยะโฮวา คุณต้องทำให้เห็นชัดเจนว่าคุณอยากจะภักดีต่อพระองค์ (ยชว. 24:15) พระยะโฮวาจะให้กำลังและความกล้าหาญเพื่อคุณจะทำสิ่งที่ถูกต้อง ขอให้คุณพึ่งพระองค์โดยอธิษฐานและสนิทกับเพื่อนที่ภักดีต่อพระองค์เสมอ พระยะโฮวาเห็นค่าที่คุณซื่อสัตย์ภักดีและพระองค์จะให้รางวัลกับคุณแน่นอน—2 ซม. 22:26 ห24.07 น. 6-7 ว. 16-17
วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม
ขอให้เราอย่าเลิกทำดี—กท. 6:9
ที่สดุดี 15:2 บอกให้เรารู้ว่าเพื่อนของพระยะโฮวาต้องเป็น “คนที่ไม่มีตำหนิ ทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง” นี่เป็นสิ่งที่เราต้องทำอย่างต่อเนื่อง แต่เราจะเป็น “คนที่ไม่มีตำหนิ” ได้ยังไง? แน่นอนว่าเราทุกคนเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบ ถึงอย่างนั้นพระยะโฮวาก็มองว่าเราเป็น “คนที่ไม่มีตำหนิ” ได้ ถ้าเราพยายามเต็มที่ที่จะเชื่อฟังพระองค์ เมื่อเราอุทิศตัวให้กับพระยะโฮวาและรับบัพติศมา นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะใช้ชีวิตอย่างที่พระองค์พอใจ จากตัวอย่างของชาติอิสราเอลในสมัยคัมภีร์ไบเบิล การที่พวกเขาเป็นชาวอิสราเอลไม่ได้หมายความว่าพวกเขามีคุณสมบัติที่จะได้เป็นแขกในเต็นท์ของพระยะโฮวาโดยอัตโนมัติ ชาวอิสราเอลบางคนสรรเสริญพระยะโฮวา แต่ไม่ได้ทำ “ด้วยความจริงใจและด้วยความถูกต้องชอบธรรม” (อสย. 48:1) ดังนั้น เพื่อที่พวกเขาจะแสดงให้เห็นว่าอยากเป็นแขกของพระองค์จริง ๆ พวกเขาต้องเรียนรู้ว่าพระองค์เรียกร้องอะไรและทำตามนั้น คล้ายกันเพื่อที่พระยะโฮวาจะพอใจเรา เราต้องไม่ใช่แค่รับบัพติศมาและเป็นพยานพระยะโฮวาเท่านั้น เราต้อง “ทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง” ต่อ ๆ ไปด้วย ห24.06 น. 9 ว. 4; น. 10 ว. 6
วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม
ให้พวกคุณเลียนแบบพระเจ้า—อฟ. 5:1
มีวิธีไหนบ้างที่พระยะโฮวาแสดงความใจกว้างกับเรา? ให้เรามาดูบางตัวอย่างด้วยกัน อย่างแรกพระยะโฮวาให้สิ่งจำเป็นกับเรา เราอาจไม่ได้มีของหรูหราแต่พระยะโฮวาก็ช่วยให้เรามีสิ่งจำเป็นหลายอย่าง เช่น พระองค์ช่วยให้เรามีอาหาร เสื้อผ้า และที่อยู่อาศัย (สด. 4:8; มธ. 6:31-33; 1 ทธ. 6:6-8) การที่พระยะโฮวาทำอย่างนี้เป็นเพราะพระองค์คิดว่าต้องทำเท่านั้นไหม? ไม่ใช่เลย ขอสังเกตคำพูดของพระเยซูที่มัทธิว 6:25, 26 พระเยซูพูดถึงนกว่า “พวกมันไม่ได้หว่านหรือเก็บเกี่ยวหรือสะสมเมล็ดพืชไว้ในยุ้งฉาง” และขอสังเกตว่าท่านพูดยังไงต่อ ท่านบอกว่า “แต่พระเจ้าผู้เป็นพ่อของคุณในสวรรค์เลี้ยงดูพวกมันอยู่” แล้วพระเยซูก็ตั้งคำถามว่า “คุณมีค่ามากกว่านกไม่ใช่หรือ?” จุดสำคัญคืออะไร? ถ้าพระยะโฮวาคอยดูแลสัตว์เหล่านี้ เราก็มั่นใจได้ว่าพระองค์ก็จะดูแลเราเหมือนกัน พระยะโฮวาเป็นเหมือนพ่อที่คอยเลี้ยงดูคนในครอบครัวด้วยความรัก—สด. 145:16; มธ. 6:32 ห24.09 น. 26-27 ว. 4-6
วันพุธที่ 8 กรกฎาคม
ผู้ชายที่รับใช้อย่างดีก็สร้างชื่อเสียงที่ดีและพูดได้อย่างเต็มปากเกี่ยวกับความเชื่อ—1 ทธ. 3:13
ผู้ช่วยงานรับใช้คือพี่น้องชายที่รับบัพติศมาแล้วซึ่งได้รับการแต่งตั้งด้วยพลังบริสุทธิ์ พวกเขามีหน้าที่ช่วยผู้ดูแลทำงานหลายอย่างในประชาคม ผู้ช่วยงานรับใช้ต้องรักพระยะโฮวา ใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระองค์ และต้องรักพี่น้องมาก (มธ. 22:37-39) แล้วพี่น้องชายที่รับบัพติศมาแล้วต้องทำยังไงเพื่อจะได้ทำหน้าที่ผู้ช่วยงานรับใช้? คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงคุณสมบัติของคนที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยงานรับใช้ (1 ทธ. 3:8-10, 12) ถ้าคุณอยากเป็นผู้ช่วยงานรับใช้ ให้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับคุณสมบัติเหล่านี้และพยายามทำตามนั้นให้ได้ แต่ก่อนอื่นคุณต้องรู้ก่อนว่าทำไมคุณถึงอยากเป็นผู้ช่วยงานรับใช้ ห24.11 น. 15 ว. 4-5
วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม
พวกคุณยอมรับคำสอนนั้นไว้เหมือนเป็นคำสอนของพระเจ้าจริง ๆ ไม่ใช่ของมนุษย์—1 ธส. 2:13
บางคนบอกว่าเขาอ่านคัมภีร์ไบเบิลจบหลายรอบแล้ว แต่พวกเขาเชื่อสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอนจริง ๆ ไหม? พวกเขาเอาสิ่งที่อ่านไปใช้ในชีวิตหรือปรับปรุงตัวเองตามคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลไหม? น่าเศร้าที่พวกเขาไม่ได้ทำแบบนั้น แต่พวกเราซึ่งเป็นคนของพระยะโฮวาไม่เหมือนกัน เราพยายามเต็มที่ที่จะให้คำสอนของพระเจ้าเกิดผลในชีวิตเราซึ่งหมายถึงการทำตามสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอน ถึงอย่างนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปที่เราจะอ่านและทำตามคำสอนในคัมภีร์ไบเบิล เราอาจรู้สึกว่ายากที่จะหาเวลาอ่านคัมภีร์ไบเบิล หรือเราอาจจะอ่านคัมภีร์ไบเบิลเร็วเกินไปและไม่ได้คิดใคร่ครวญ หรือเราอาจรู้สึกท้อเมื่อเห็นว่ามีหลายอย่างเหลือเกินที่ต้องปรับปรุง ไม่ว่าคุณจะเจอข้อท้าทายแบบไหน คุณจะเอาชนะได้แน่นอนเพราะพระยะโฮวาจะช่วยคุณ ดังนั้น ขอให้คุณตั้งใจที่จะทำตามคำสอนของพระองค์ ยิ่งเราอ่านคัมภีร์ไบเบิลและเอาไปใช้ เราก็จะยิ่งมีความสุขในชีวิตมากขึ้น—ยก. 1:25 ห24.09 น. 7 ว. 15-16
วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม
ให้ขอต่อไปเรื่อย ๆ แล้วจะได้รับ—ลก. 11:9
พระยะโฮวาให้พลังบริสุทธิ์เพื่อปลอบโยนเราตอนที่เราทุกข์ใจหรือเจอกับการสูญเสีย ถ้าคุณกำลังรับมือกับเหตุการณ์ที่ทำให้หัวใจสลาย ให้อธิษฐานระบายความรู้สึกกับพระยะโฮวา และคุณสามารถทำแบบนั้นบ่อยหรือนานแค่ไหนก็ได้ตามที่คุณต้องการ (สด. 86:3; 88:1) ให้คุณขอพระยะโฮวาให้พลังบริสุทธิ์กับคุณเรื่อย ๆ และพระองค์จะให้ตามที่คุณขอแน่นอน คุณเคยเจอกับปัญหาที่หนักมากจนทำให้หมดเรี่ยวแรงไหม? พลังบริสุทธิ์สามารถให้กำลังกับคุณเพื่อจะรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไปได้ (อฟ. 3:16) หลังจากที่คุณอธิษฐานขอพลังบริสุทธิ์แล้ว คุณควรทำอะไร? ขอให้ทำสิ่งต่าง ๆ ที่จะช่วยให้พลังบริสุทธิ์ทำงานในตัวคุณ เช่น เข้าร่วมประชุม ประกาศ และอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวันเพื่อช่วยให้คุณมีความคิดแบบเดียวกับพระยะโฮวา (ฟป. 4:8, 9) เมื่อคุณอ่านคัมภีร์ไบเบิล ขอให้สังเกตว่าคนในสมัยคัมภีร์ไบเบิลเจอปัญหาอะไรบ้างและพระยะโฮวาช่วยเขาให้รับมือกับปัญหาเหล่านั้นได้ยังไง ห24.10 น. 9 ว. 12-14
วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม
พระเจ้ารักโลกมาก—ยน. 3:16
เรารักผู้คนเหมือนกับที่พระยะโฮวาและพระเยซูรักพวกเขา (สภษ. 8:31) เราสงสารคนที่ “ไม่มีความหวังและไม่รู้จักพระเจ้า” (อฟ. 2:12) คนเหล่านี้จมอยู่กับปัญหามากมายในชีวิตเหมือนกับกำลังจมน้ำ แต่เรามีข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าซึ่งเป็นเหมือนกับเสื้อชูชีพที่ช่วยให้พวกเขามีความหวัง ความรักและความสงสารกระตุ้นเราให้พยายามทำทุกทางที่จะประกาศข่าวดีกับพวกเขา ข่าวดีในคัมภีร์ไบเบิลสามารถช่วยให้พวกเขามีความหวัง เช่น ช่วยให้พวกเขามีความสุขได้ตั้งแต่ตอนนี้ และให้พวกเขามีความหวังที่จะมี “ชีวิตแท้” ซึ่งก็คือชีวิตตลอดไปในโลกใหม่ของพระเจ้า (1 ทธ. 6:19) นอกจากนั้น ความรักที่มีต่อผู้คนยังกระตุ้นให้เราเตือนพวกเขาว่าอีกไม่นานโลกชั่วจะถึงจุดจบ (อสค. 33:7, 8) เราอยากให้พวกเขารู้ว่าในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ ศาสนาเท็จจะถูกทำลาย และจากนั้นโลกชั่วของซาตานจะถึงจุดจบในสงครามอาร์มาเกดโดน—วว. 16:14, 16; 17:16, 17; 19:11, 19, 20 ห24.05 น. 16-17 ว. 8-9
วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม
พี่น้องที่รัก อย่าแก้แค้นด้วยตัวเอง ปล่อยให้พระเจ้าแสดงความโกรธกับเขาดีกว่า เพราะพระคัมภีร์บอกไว้ว่า “พระยะโฮวาบอกว่า ‘การแก้แค้นเป็นหน้าที่ของเรา เราจะตอบแทนเอง’”—รม. 12:19
อัครสาวกเปาโลกระตุ้นให้คริสเตียน “ปล่อยให้พระเจ้าแสดงความโกรธ” แทนพวกเขา เราปล่อยให้พระยะโฮวาแสดงความโกรธแทนเราโดยให้พระองค์จัดการกับเรื่องนั้นในวิธีและในเวลาที่พระองค์เห็นว่าเหมาะสม หลังจากพี่น้องที่ชื่อจอห์นถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม เขาบอกว่า “ผมต้องสู้กับความรู้สึกอยากจัดการกับเรื่องนั้นด้วยตัวเอง แต่มันก็ไม่ง่ายเลย ถึงอย่างนั้นโรม 12:19 ก็ช่วยผมให้อดทนและไว้ใจพระยะโฮวา” เราได้รับประโยชน์ถ้าเรารอให้พระยะโฮวาจัดการกับปัญหา เพราะเราจะไม่ต้องเครียดและแบกรับภาระที่ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง พระยะโฮวาอยากช่วยเรามาก มันเหมือนกับพระองค์กำลังบอกเราว่า ‘เจ้าเจอความไม่ยุติธรรมใช่ไหม? ไม่ต้องกลัว เราจะจัดการให้’ ถ้าเราเชื่อคำสัญญาที่พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะตอบแทนเอง” เราก็จะไม่รู้สึกโกรธอีกต่อไปเพราะเรามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะจัดการในวิธีที่ดีที่สุด ห24.11 น. 6 ว. 14-15
วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม
ขอให้พวกเรามีอาหารพอกินทุก ๆ วัน—ลก. 11:3
เราต้องมีมุมมองที่สมดุลเกี่ยวกับทรัพย์สมบัติวัตถุ อัครสาวกเปาโลเน้นเรื่องนี้ตอนที่เขาเขียนถึงคริสเตียนที่มีชีวิตอยู่ในช่วงที่กรุงเยรูซาเล็มและวิหารใกล้จะถูกทำลาย เขาพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชาวอิสราเอลในสมัยอดีต และยังพูดถึงตอนที่ชาวอิสราเอลอยู่ที่ภูเขาซีนายด้วย เขาให้คำเตือนกับคริสเตียนว่า พวกเขาไม่ควร “อยากทำสิ่งชั่ว ๆ เหมือน [ชาวอิสราเอล]” (1 คร. 10:6, 7, 11) ในตอนนั้นพระยะโฮวาทำการอัศจรรย์โดยจัดเตรียมอาหารให้กับชาวอิสราเอล แต่เพราะพวกเขาเห็นแก่ตัวและคิดแต่จะกินอาหาร อาหารเหล่านั้นเลยกลายเป็น “สิ่งชั่ว ๆ” สำหรับพวกเขา (กดว. 11:4-6, 31-34) และเมื่อพวกเขาสร้างรูปลูกวัวทองคำขึ้นมานมัสการ พวกเขาก็เอาแต่กินดื่มและร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน (อพย. 32:4-6) เปาโลพูดถึงเหตุการณ์นี้เพื่อเป็นคำเตือนให้กับคริสเตียนที่มีชีวิตอยู่ในช่วงที่กรุงเยรูซาเล็มและวิหารใกล้จะถูกทำลายในปี ค.ศ. 70 และตอนนี้พวกเราก็กำลังมีชีวิตอยู่ในช่วงปลายของสมัยสุดท้ายเหมือนกัน เราเลยต้องเอาใจใส่คำเตือนของเปาโลอย่างจริงจัง ห24.12 น. 6 ว. 13
วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม
มีความสุขกับภรรยาที่อยู่กันมาตั้งแต่หนุ่มสาว—สภษ. 5:18
พระยะโฮวาเป็น “พระเจ้าผู้มีความสุข” และพระองค์ก็อยากให้เรามีความสุขด้วย (1 ทธ. 1:11) พระองค์ให้ของขวัญหลายอย่างเพื่อจะช่วยให้เรามีความสุขในชีวิต (ยก. 1:17) ของขวัญอย่างหนึ่งก็คือการจัดเตรียมเรื่องการแต่งงาน ตอนที่ผู้ชายกับผู้หญิงแต่งงานกัน พวกเขาปฏิญาณว่าจะรักและนับถือกัน ถ้าสามีและภรรยาพยายามรักและสนิทกันเสมอ พวกเขาก็จะมีความสุข น่าเสียดายที่สามีภรรยามากมายในทุกวันนี้ลืมคำปฏิญาณที่ให้ไว้ในวันแต่งงาน พวกเขาก็เลยไม่มีความสุขในชีวิต พระยะโฮวาคาดหมายให้สามีปฏิบัติกับภรรยายังไง? พระยะโฮวาสั่งให้สามีให้เกียรติภรรยา ถ้าเราให้เกียรติใคร เราก็จะปฏิบัติกับคนนั้นในแบบที่แสดงความนับถือ สามีที่ให้เกียรติภรรยาจะปฏิบัติกับเธออย่างกรุณาและในแบบที่แสดงความรัก—1 ปต. 3:7 ห25.01 น. 8 ว. 1-2; น. 9 ว. 4-5
วันพุธที่ 15 กรกฎาคม
พระยะโฮวาเป็นผู้ช่วยเหลือผม ผมจะไม่กลัวอะไร—ฮบ. 13:6
เราไม่สงสัยเลยว่าจดหมายที่อัครสาวกเปาโลเขียนถึงคริสเตียนชาวฮีบรูคงต้องช่วยพี่น้องเหล่านั้นหลายคนให้เตรียมพร้อมสำหรับความทุกข์ยากลำบากที่จะเกิดขึ้น เปาโลสนับสนุนให้พี่น้องมีความรู้และความเข้าใจในพระคัมภีร์ การทำอย่างนั้นจะช่วยให้พวกเขารู้ว่าอะไรคือคำสอนเท็จและจะปฏิเสธมันได้เพื่อความเชื่อของพวกเขาจะได้ไม่อ่อนแอลง นอกจากนั้น เขายังสนับสนุนให้พี่น้องสร้างความเชื่อให้เข้มแข็งเพื่อที่พวกเขาจะติดตามการชี้นำของพระเยซูและคนที่นำหน้าในประชาคมอย่างใกล้ชิด และเขายังบอกให้พี่น้องฝึกความอดทนโดยมีมุมมองที่ถูกต้องต่อการข่มเหง และมองว่านั่นเป็นโอกาสที่จะได้รับการฝึกจากพระยะโฮวา ขอให้พวกเราทุกคนทำตามคำแนะนำนี้ด้วยเพราะนี่จะช่วยให้เราอดทนอย่างซื่อสัตย์ได้จนถึงที่สุด—ฮบ. 3:14 ห24.09 น. 13 ว. 17, 19
วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม
พระเยซูคริสต์จึงมาถวายร่างกายแค่ครั้งเดียวซึ่งชำระเราให้บริสุทธิ์—ฮบ. 10:10
คำว่าค่าไถ่ในคัมภีร์ไบเบิลหมายถึงสิ่งที่ต้องจ่ายเพื่อจะให้มีการไถ่บาปและเพื่อจะสามารถกลับมาคืนดีกับพระเจ้าได้ พระยะโฮวามองว่าค่าไถ่สามารถช่วยให้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมาได้ เป็นไปได้ยังไง? จำไว้ว่าสิ่งที่อาดัมกับเอวาทำให้สูญเสียไปก็คือชีวิตมนุษย์สมบูรณ์แบบและการได้อยู่ตลอดไป ดังนั้น ค่าไถ่ก็ต้องมีค่าเท่าเทียมกันกับสิ่งที่สูญเสียไปด้วย (1 ทธ. 2:6) ค่าไถ่ต้องเป็นผู้ชายที่ (1) เป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ (2) สามารถมีชีวิตตลอดไปบนโลก และ (3) เขาต้องเต็มใจยอมสละชีวิตเพื่อเรา มี 3 เหตุผลที่ทำให้พระเยซูเป็นค่าไถ่ได้นั่นคือ (1) พระเยซูเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ “ท่านไม่เคยทำบาป” (1 ปต. 2:22) (2) เพราะอย่างนี้ท่านเลยสามารถมีชีวิตตลอดไปบนโลกได้ และ (3) พระเยซูเต็มใจตายและสละชีวิตเพื่อเรา—ฮบ. 10:9 ห25.02 น. 4-5 ว. 11-12
วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม
พระเจ้าให้พลังของพระองค์กับท่านอย่างไม่อั้น—ยน. 3:34
แม้จะมีอุปสรรคใหญ่แค่ไหนก็ตามที่ขัดขวางไม่ให้คุณรับบัพติศมา ขอให้มั่นใจได้เลยว่าพระยะโฮวารักคุณและอยากให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพระองค์ พระเยซูบอกกับสาวกของท่านในศตวรรษแรกว่า “ถ้าคุณมีความเชื่อขนาดเท่าเมล็ดมัสตาร์ดและสั่งภูเขาลูกนี้ว่า ‘ย้ายจากที่นี่ไปที่นั่น’ มันก็จะไป จะไม่มีอะไรที่คุณทำไม่ได้เลย” (มธ. 17:20) คนที่ได้ยินพระเยซูพูดเรื่องนี้เพิ่งเป็นสาวกของท่านได้ไม่กี่ปี ความเชื่อของพวกเขาก็เลยยังไม่เข้มแข็ง แต่พระเยซูรับรองว่าถ้าพวกเขามีความเชื่อมากพอ พระยะโฮวาก็จะช่วยให้พวกเขาสามารถเอาชนะอุปสรรคที่เป็นเหมือนภูเขาได้ และพระยะโฮวาจะช่วยคุณด้วยเหมือนกัน ถ้าคุณเห็นแล้วว่าอะไรเป็นอุปสรรคที่ทำให้คุณยังรับบัพติศมาไม่ได้ ก็ให้รีบจัดการทันที ขอให้คุณอุทิศตัวให้กับพระยะโฮวาและรับบัพติศมา เพราะนี่จะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตคุณ ห25.03 น. 7 ว. 18-20
วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม
พระยะโฮวาอยู่ฝ่ายผม ผมจะไม่กลัวอะไร—สด. 118:6
เราจะเอาชนะปัญหาได้ถ้าเราจำไว้ว่าพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่พร้อมที่จะช่วยเราเสมอ เราสามารถทำให้ตัวเองมั่นใจในพระยะโฮวามากขึ้นโดยคิดถึงสิ่งที่พระองค์เคยทำในอดีต (อสย. 37:17, 33-37) อีกอย่างที่เราทำได้คือ ดูรายงานในเว็บไซต์ jw.org ที่ทำให้เห็นว่าพระยะโฮวาช่วยเหลือพี่น้องของเราในทุกวันนี้ยังไง นอกจากนั้น ให้คิดด้วยว่าพระยะโฮวาเคยช่วยคุณยังไงบ้าง แต่ถ้าคุณไม่มีประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นก็ไม่เป็นไร เพราะที่ผ่านมาพระยะโฮวาได้ช่วยคุณหลายอย่างแล้วในชีวิต เช่น พระองค์ช่วยคุณให้เข้ามาใกล้ชิดและสนิทกับพระองค์ (ยน. 6:44) ลองขอพระยะโฮวาให้ช่วยคุณจำเหตุการณ์หรือความรู้สึกตอนที่พระองค์ตอบคำอธิษฐานของคุณ ตอนที่พระองค์ช่วยคุณในเวลาที่คุณต้องการพอดี หรือตอนที่พระองค์ช่วยคุณให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ การคิดถึงเหตุการณ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณมั่นใจมากขึ้นว่าพระยะโฮวาจะช่วยคุณต่อ ๆ ไป ห24.06 น. 21 ว. 8
วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม
ความตายจึงลามไปถึงทุกคนเพราะทุกคนเป็นคนบาป—รม. 5:12
ถึงแม้เราตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่ทำให้พระยะโฮวาเสียใจ แต่เราก็ยังเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบและอาจพ่ายแพ้ต่อการล่อใจได้ง่าย (รม. 7:21-23) เราอาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อใจให้ทำผิดโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ดังนั้น เพื่อเราจะรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาและพระเยซูได้ เราต้องทำตามคำแนะนำของพระเยซูที่ให้ระวังตัวเสมอ เราทุกคนถูกล่อใจให้ทำบาปไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง แต่เนื่องจากเราแต่ละคนก็มีจุดอ่อนไม่เหมือนกัน มันก็เลยอาจมีบางอย่างที่กระตุ้นให้เราทำผิดได้ง่าย ตัวอย่างเช่น คนหนึ่งอาจต้องสู้กับการล่อใจที่ให้ทำผิดศีลธรรมทางเพศ ส่วนบางคนก็อาจต้องสู้กับความต้องการที่จะทำสิ่งที่ไม่สะอาด เช่น การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองหรือการดูสื่อลามก ส่วนบางคนอาจต้องสู้กับการกลัวคน การเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ โมโหง่าย หรือเรื่องอื่น ๆ ห24.07 น. 14 ว. 3; น. 15 ว. 5
วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม
พวกคุณน่าจะยอมให้อภัยและปลอบใจเขามากกว่า เขาจะได้ไม่จมอยู่กับความเศร้ามากเกินไป—2 คร. 2:7
ลองนึกภาพดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้ดูแลในประชาคมโครินธ์ไม่ยอมให้คนทำผิดที่กลับใจจริง ๆ กลับเข้ามาในประชาคม หรือหลังจากที่เขากลับเข้ามาแล้วพี่น้องในประชาคมไม่ได้แสดงความรักกับเขา เขาคงจะ “จมอยู่กับความเศร้ามากเกินไป” เขาอาจรู้สึกว่าไม่มีทางที่จะกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมได้เหมือนเดิม เขาอาจหมดแรงที่จะกลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพระยะโฮวาและคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง และอาจเกิดอะไรขึ้นอีกถ้าพี่น้องในประชาคมไม่ให้อภัยคนทำผิดที่กลับใจ? การทำแบบนี้อาจทำให้ความสัมพันธ์ที่พวกเขามีต่อพระยะโฮวาแย่ลง เพราะพวกเขาไม่ได้เลียนแบบพระยะโฮวาที่ให้อภัยคนที่กลับใจ แต่กำลังเลียนแบบซาตานที่โหดร้ายและไม่มีความเมตตา และผลก็คือพวกเขาอาจกลายเป็นเครื่องมือที่ซาตานใช้เพื่อทำลายความเชื่อของพี่น้องคนนั้นที่ต้องการจะกลับมารับใช้พระยะโฮวาอีกครั้ง—2 คร. 2:10, 11; อฟ. 4:27 ห24.08 น. 17 ว. 7, 10-11
วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม
เมื่อท่านขึ้นไปบนที่สูง . . . ท่านให้ของขวัญที่เป็นมนุษย์—อฟ. 4:8
พระเยซูยังให้พี่น้องชายซึ่งเป็น “ของขวัญที่เป็นมนุษย์” ทำงานรับใช้ในอีกรูปแบบหนึ่งด้วย พระเยซูชี้นำผู้ดูแลในกรุงเยรูซาเล็มให้ส่งเปาโล บาร์นาบัส และคนอื่น ๆ ไปทำงานเป็นผู้ดูแลเดินทาง (กจ. 11:22) เพื่ออะไร? ก็เพื่อช่วยประชาคมต่าง ๆ ให้เข้มแข็งเหมือนที่ผู้ช่วยงานรับใช้และผู้ดูแลช่วยประชาคมให้เข้มแข็ง (กจ. 15:40, 41) ผู้ดูแลหมวดต้องเดินทางตลอด บางครั้งพวกเขาเดินทางหลายร้อยกิโลเมตรเพื่อเยี่ยมประชาคมต่าง ๆ ทุกสัปดาห์ผู้ดูแลหมวดจะบรรยายหลายครั้ง ไปเยี่ยมบำรุงเลี้ยงพี่น้อง จัดการประชุมไพโอเนียร์ จัดการประชุมผู้ดูแลประชาคมและการประชุมเพื่อการประกาศ พวกเขายังต้องเตรียมคำบรรยายและจัดการประชุมหมวดและประชุมภูมิภาค เขายังต้องสอนในโรงเรียนไพโอเนียร์ จัดการประชุมกับไพโอเนียร์ในหมวดและงานอื่น ๆ บางครั้งพวกเขาก็ได้รับมอบหมายงานด่วนจากสำนักงานสาขาด้วย ห24.10 น. 21 ว. 12-13
วันพุธที่ 22 กรกฎาคม
เราจะยกโทษให้พวกเขาและจะไม่จดจำความผิดของพวกเขาอีกเลย—ยรม. 31:34
พระยะโฮวาพูดผ่านทางผู้พยากรณ์เยเรมีย์อย่างที่เราได้อ่านในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ อัครสาวกเปาโลก็ยกข้อคัมภีร์นี้ด้วยตอนที่เขาบอกว่า “เรา . . . จะไม่นึกถึงบาปของพวกเขาอีกเลย” (ฮบ. 8:12) แต่นี่หมายความว่ายังไงจริง ๆ? ในคัมภีร์ไบเบิล คำว่า “จดจำ” ไม่ได้มีความหมายแค่การนึกถึงหรือคิดถึงอะไรบางอย่างเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงการลงมือทำด้วย เช่น ในกรณีของผู้ร้ายที่ถูกตรึงอยู่ข้างพระเยซู เขาพูดกับท่านว่า “ท่านเยซู ตอนที่ท่านได้เป็นกษัตริย์ อย่าลืมผมนะครับ” (ลก. 23:42, 43) ผู้ร้ายคนนี้ไม่ได้ขอให้พระเยซูแค่จดจำเขาไว้เท่านั้น แต่เขากำลังขอให้ท่านลงมือทำบางอย่างเพื่อเขาด้วย และวิธีที่พระเยซูตอบผู้ร้ายคนนี้ก็แสดงให้เห็นเลยว่าท่านจะลงมือทำโดยการปลุกเขาให้ฟื้นขึ้นจากตายในอนาคต ดังนั้น เมื่อพระยะโฮวาบอกว่าพระองค์ไม่จดจำบาปของเรา นี่ก็หมายความว่าพระองค์จะไม่ลงโทษเราสำหรับบาปที่พระองค์ได้ให้อภัยเราไปแล้ว ห25.02 น. 10-11 ว. 14-15
วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม
ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าองค์บริสุทธิ์ทำให้มีความเข้าใจ—สภษ. 9:10
ความเข้าใจที่แท้จริงมาจากการที่เราได้รู้จักคุณลักษณะของพระยะโฮวา ความประสงค์ของพระองค์ และรู้ว่าพระองค์รักหรือเกลียดอะไร ลองถามตัวเองว่า ‘จากที่ฉันได้รู้จักพระยะโฮวา ฉันต้องตัดสินใจแบบไหนเพื่อจะทำให้พระองค์พอใจ?’ (อฟ. 5:17) เพื่อจะทำให้พระยะโฮวาพอใจ บางครั้งเราอาจทำให้คนใกล้ตัวผิดหวัง ตัวอย่างเช่น พ่อแม่บางคนที่หวังดีกับลูกสาวอาจพยายามบังคับให้ลูกสาวแต่งงานกับผู้ชายรวย ๆ หรือผู้ชายที่สามารถจ่ายสินสอดได้เยอะ ๆ ทั้ง ๆ ที่คนนั้นไม่ได้มีความเชื่อเข้มแข็ง พ่อแม่อาจทำอย่างนี้เพราะอยากให้ลูกสาวสบาย แต่ถ้าทำอย่างนั้นใครจะช่วยลูกสาวให้มีความเชื่อเข้มแข็งล่ะ? พระยะโฮวามองเรื่องนี้ยังไง? เราได้คำตอบจากมัทธิว 6:33 ในข้อนั้นพระเยซูบอกให้คริสเตียนทุกคน “ทำให้การปกครองของพระเจ้า . . . เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต” ดังนั้น ถึงแม้เราจะให้เกียรติพ่อแม่และนับถือคนในชุมชน แต่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราก็คือการทำให้พระยะโฮวาพอใจ ห25.01 น. 17 ว. 9-10
วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม
ผู้เป็นนายคอยอยู่เคียงข้างและให้กำลังผม—2 ทธ. 4:17
หลายคนในทุกวันนี้ต่อต้านงานของเรา เราเลยต้องพึ่งความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาเพื่อจะประกาศอย่างกระตือรือร้นต่อ ๆ ไป (วว. 12:17) ทำไมคุณถึงมั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะช่วยคุณ? ให้เรามาดูคำอธิษฐานของพระเยซูในยอห์นบท 17 พระเยซูอธิษฐานขอพระยะโฮวาให้ปกป้องดูแลพวกอัครสาวก และพระยะโฮวาก็ตอบคำอธิษฐานนั้นเพราะในหนังสือกิจการบอกว่าพระยะโฮวาช่วยพวกอัครสาวกให้ประกาศต่อไปอย่างกระตือรือร้นแม้จะเจอการข่มเหง ไม่ใช่แค่นั้น พระเยซูยังได้อธิษฐานขอพระยะโฮวาให้ปกป้องดูแลคนที่แสดงความเชื่อในข่าวสารที่พวกอัครสาวกประกาศ ซึ่งก็รวมถึงคุณด้วย พระยะโฮวายังคงตอบคำอธิษฐานของพระเยซูจนถึงทุกวันนี้ พระองค์จะช่วยคุณแน่นอนเหมือนที่พระองค์เคยช่วยพวกอัครสาวกมาแล้ว (ยน. 17:11, 15, 20) ถึงแม้ว่างานประกาศจะยากขึ้นอีกเพราะจุดจบของโลกชั่วยิ่งใกล้เข้ามา แต่เราก็มั่นใจได้ว่าเราจะได้รับความช่วยเหลือเพื่อจะประกาศอย่างกระตือรือร้นต่อไปได้แน่ ๆ—ลก. 21:12-15 ห25.03 น. 18 ว. 13-14
วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม
ผู้รับใช้ของเราจะโห่ร้องด้วยความยินดี—อสย. 65:14
คนของพระยะโฮวา “โห่ร้องด้วยความยินดี” ได้เพราะพวกเขารู้สึกขอบคุณพระยะโฮวามาก (อสย. 65:14) เมื่อเราได้รู้ความจริง ได้เห็นคำสัญญาที่ให้กำลังใจในคัมภีร์ไบเบิล และมั่นใจในความหวังเพราะค่าไถ่ของพระเยซู เราก็ “มีใจชื่นบาน” การพูดคุยเรื่องเหล่านี้ทำให้เรามีความสุขมากจริง ๆ (สด. 34:8; 133:1-3) สองอย่างที่โดดเด่นในอุทยานโดยนัยก็คือ ความรักและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของผู้รับใช้ของพระยะโฮวา ความ “เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” นี้ทำให้เรานึกภาพออกเลยว่าชีวิตในโลกใหม่จะเป็นยังไง ในตอนนั้นผู้รับใช้ของพระยะโฮวาจะยิ่งรักและเป็นหนึ่งเดียวกันมากกว่าในตอนนี้อีก (คส. 3:14) ใครก็ตามที่อยากมีความสุขและพอใจจริง ๆ ต้องมาอยู่ในอุทยานโดยนัย ไม่ว่าคนในโลกนี้จะคิดยังไงเกี่ยวกับผู้รับใช้ของพระยะโฮวา พวกเขาก็มีชื่อเสียงที่ดีสำหรับพระองค์และพี่น้องร่วมความเชื่อ—อสย. 65:15 ห24.04 น. 21 ว. 7-8
วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม
คอย . . . เสริมสร้างกันให้เข้มแข็ง—1 ธส. 5:11
เราทุกคนจะสนับสนุนพี่น้องโสดที่อยากแต่งงานได้ยังไง? วิธีหนึ่งก็คือโดยการระวังคำพูดของเรา (อฟ. 4:29) เราอาจถามตัวเองว่า ‘ฉันชอบแซวพี่น้องที่อยากแต่งงานไหม? เวลาฉันเห็นพี่น้องชายกับพี่น้องหญิงโสดคุยกัน ฉันคิดไปเองไหมว่าพวกเขาชอบกัน?’ (1 ทธ. 5:13) นอกจากนั้น เราไม่ควรทำให้พี่น้องที่เป็นโสดรู้สึกว่าชีวิตเขาขาดอะไรบางอย่างเพราะเขายังไม่แต่งงาน คงจะดีกว่าถ้าเราหาโอกาสชมเชยคนที่เป็นโสด แล้วถ้าเราเห็นว่าพี่น้องชายโสดกับพี่น้องหญิงโสดสองคนเหมาะกันมาก เราจะทำยังไง? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า ให้คิดถึงความรู้สึกของคนอื่น (รม. 15:2) พี่น้องโสดหลายคนไม่ชอบให้คนอื่นจับคู่ให้และเราก็ควรนับถือการตัดสินใจของเขา (2 ธส. 3:11) ส่วนบางคนก็อยากให้ช่วยบ้าง แต่เราควรทำก็ต่อเมื่อเขาขอเท่านั้น—สภษ. 3:27 ห24.05 น. 24-25 ว. 14-15
วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม
พระเจ้าของเขาไม่เหมือนพระเจ้าของเราผู้เป็นหินที่แข็งแกร่ง—ฉธบ. 32:31
เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยปัญหา บางครั้งเราอาจเจอปัญหาที่ทำให้ชีวิตเราลำบากหรืออาจเปลี่ยนชีวิตเราไปเลยด้วยซ้ำ แต่เรารู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่เราสามารถขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาได้ เมื่อเราได้รับความช่วยเหลือจากพระองค์ เราก็มั่นใจว่า “พระยะโฮวามีชีวิตอยู่” จริง ๆ (สด. 18:46) หลังจากที่ดาวิดบอกว่า “พระยะโฮวามีชีวิตอยู่” เขาบอกต่ออีกว่าพระองค์เป็น “หินที่แข็งแกร่ง” ทำไมดาวิดถึงเปรียบเทียบพระยะโฮวากับหินซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต? คัมภีร์ไบเบิลใช้คำว่า “หินที่แข็งแกร่ง” เพื่อช่วยให้เราเห็นคุณลักษณะของพระยะโฮวา เรามักจะเห็นข้อคัมภีร์ที่มีการเปรียบเทียบพระยะโฮวาเป็นเหมือนหินที่แข็งแกร่งเพื่อทำให้เห็นว่าพระองค์เป็นพระเจ้าที่ไม่มีใครเทียบได้เลย ครั้งแรกที่พูดถึงพระยะโฮวาว่าเป็น “หินที่แข็งแกร่ง” อยู่ที่หนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ 32:4 นอกจากนั้น ในคำอธิษฐานของฮันนาห์ เธอก็บอกว่า “พระเจ้าของพวกเราเป็นหินที่แข็งแกร่งที่สุด” (1 ซม. 2:2) ฮาบากุกก็เรียกพระยะโฮวาว่า “หินที่แข็งแกร่ง” (ฮบก. 1:12) นอกจากนั้น ผู้เขียนหนังสือสดุดีบท 73 ก็เรียกพระองค์ว่า “หินผาที่ปกป้องหัวใจของผม” (สด. 73:26) และแม้แต่พระยะโฮวาก็เรียกตัวพระองค์เองว่าเป็นหินที่แข็งแกร่ง—อสย. 44:8 ห24.06 น. 26 ว. 1, 3
วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม
เยโฮชาฟัท . . . รับใช้พระยะโฮวาสุดหัวใจ—2 พศ. 22:9
กษัตริย์อิสราเอลที่ดีจะรับใช้พระยะโฮวาสุดหัวใจ เช่น คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงโยสิยาห์ว่า “ไม่มีกษัตริย์องค์ไหนเทียบเขาได้ ไม่ว่าก่อนหรือหลังเขา เพราะเขากลับมาหาพระยะโฮวาสุดชีวิตจิตใจ” (2 พก. 23:25) แล้วโซโลมอนที่ต่อมาทำสิ่งที่ไม่ดีล่ะ? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เขาไม่ได้รับใช้พระยะโฮวาพระเจ้าสุดหัวใจ” (1 พก. 11:4) นอกจากนั้น คัมภีร์ไบเบิลยังพูดถึงอาบียัมกษัตริย์ที่ไม่ดีว่า เขา “ไม่ได้รับใช้พระยะโฮวาพระเจ้าของเขาสุดหัวใจ” (1 พก. 15:3) คัมภีร์ไบเบิลมักใช้คำว่า “หัวใจ” เพื่ออธิบายถึงตัวตนของคนเราที่อยู่ภายใน ซึ่งรวมถึงความต้องการ ความคิด ความรู้สึก เจตนารมณ์ และเป้าหมายของเรา ถ้าอย่างนั้น การรับใช้พระยะโฮวาสุดหัวใจหมายถึงอะไร? คนที่รับใช้พระยะโฮวาสุดหัวใจจะไม่รับใช้พระเจ้าแค่พอเป็นพิธี แต่เขาจะรับใช้เพราะรักพระองค์มากและเลื่อมใสในพระองค์ และเขาจะเป็นแบบนี้ตลอดทั้งชีวิต ห24.07 น. 21 ว. 4-5
วันพุธที่ 29 กรกฎาคม
ขอลบล้างความผิดทั้งหมดให้ผมด้วย—สด. 51:9
พระยะโฮวาใช้ภาพเปรียบเทียบเพื่ออธิบายว่าพระองค์ลบล้างบาปของเรายังไง พระองค์บอกว่า “เราจะลบล้างความผิดของเจ้าเหมือนเอาเมฆมาปิดคลุมไว้ และลบล้างบาปของเจ้าเหมือนเอาเมฆที่หนาทึบมาบังไว้” (อสย. 44:22) เมื่อพระยะโฮวาให้อภัยก็เหมือนกับพระองค์เอาเมฆที่หนาทึบมาบังความผิดของเราจนมองไม่เห็นมันอีกเลย เราได้เรียนอะไรจากภาพเปรียบเทียบเหล่านี้? เมื่อพระยะโฮวาให้อภัยบาปเรา เราไม่ควรรู้สึกผิดไม่หายเหมือนกับว่าพระองค์ลบรอยเปื้อนไม่หมด จำไว้ว่าเลือดของพระเยซูสามารถลบล้างบาปของเราได้ทั้งหมด เมื่อพระยะโฮวาให้อภัยบาปก็เหมือนกับว่าเราไม่เคยทำผิดมาก่อนเลย ถ้าเรากลับใจจากบาปจริง ๆ พระองค์ก็จะให้อภัยเราอย่างแน่นอน เราเลยสามารถกลับมาสนิทกับพระองค์ได้อีกครั้ง นี่ช่วยให้เราไม่จมอยู่กับความรู้สึกผิด ห25.02 น. 10 ว. 11-14
วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม
พระเจ้ากรุณาและพยายามช่วยคุณให้กลับใจ—รม. 2:4
ผู้ดูแลที่รับใช้ในคณะกรรมการมีหน้าที่รับผิดชอบต่อพระยะโฮวาในการรักษาประชาคมให้สะอาด (1 คร. 5:7) พวกเขาอยากช่วยให้คนที่ทำผิดกลับใจ และตอนที่พวกเขาช่วยพี่น้องที่ทำผิด พวกเขาก็หวังอยู่เสมอว่าพี่น้องคนนั้นจะกลับใจ เพราะอะไร? เพราะพวกเขาอยากจะเลียนแบบพระยะโฮวาพระเจ้าที่ “เมตตาและมีความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ” (ยก. 5:11) อัครสาวกยอห์นก็แสดงน้ำใจอย่างนี้ เขาบอกว่า “ลูก ๆ ที่รัก ผมเขียนเรื่องเหล่านี้เพื่อพวกคุณจะไม่ทำบาป แต่ถ้าใครทำบาป เราก็มีผู้ช่วยที่อยู่กับพระเจ้าผู้เป็นพ่อ ซึ่งผู้ช่วยนั้นก็คือพระเยซูคริสต์ที่เชื่อฟังพระเจ้า” (1 ยน. 2:1) น่าเศร้าที่คริสเตียนบางคนก็ไม่ได้กลับใจ ถ้าเป็นแบบนี้ เขาจะถูกตัดออกจากประชาคม ห24.08 น. 25 ว. 19-20
วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม
มีความเชื่อที่มั่นคง—1 คร. 16:13
บางครั้งคุณอาจรู้สึกอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น แต่คุณต้องสู้กับความรู้สึกนั้น เพราะอะไร? เพราะพระยะโฮวาไม่เคยเปรียบเทียบตัวคุณกับคนอื่น (กท. 6:4) ตัวอย่างเช่น มารีย์ให้ของขวัญเป็นน้ำมันหอมที่มีราคาแพงมากกับพระเยซู (ยน. 12:3-5) แต่แม่ม่ายยากจนบริจาคแค่เงินเหรียญเล็ก ๆ 2 เหรียญที่วิหาร (ลก. 21:1-4) ถึงสิ่งที่ผู้หญิง 2 คนนี้ให้จะต่างกันมาก แต่พระเยซูมองว่าสิ่งที่พวกเธอทำเป็นหลักฐานที่แสดงว่าพวกเธอมีความเชื่อมาก และเนื่องจากพระเยซูเลียนแบบพระยะโฮวาได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณเลยมั่นใจได้ว่าพระยะโฮวามองเห็นทุกอย่างที่คุณทำด้วยความรักและความเชื่อ และพระองค์มองว่ามันมีค่ามากแม้คุณจะรู้สึกว่าเป็นเพียงแค่สิ่งเล็กน้อยก็ตาม เราทุกคนต่างก็สงสัยในบางครั้ง แต่คัมภีร์ไบเบิลซึ่งเป็นคำสอนของพระเจ้าที่เป็นความจริงจะสามารถช่วยให้เราเอาชนะความสงสัยได้ ให้พยายามมีความมั่นใจมากขึ้นและไม่ท้อใจ ขอให้มั่นใจว่าพระยะโฮวาสนใจคุณเป็นส่วนตัว พระองค์เห็นค่าทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำเพื่อพระองค์และจะให้รางวัลกับคุณแน่นอน พระยะโฮวารักและสนใจผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ทุกคนจริง ๆ ห24.10 น. 25 ว. 3; น. 29 ว. 17-18