สิงหาคม
วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม
จะมีความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่มีโลกมาจนถึงเดี๋ยวนี้—มธ. 24:21
เราอธิษฐานขอให้ผู้คนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ฟังคำเตือนจากพระยะโฮวาและเข้ามาในการนมัสการแท้ตั้งแต่ตอนนี้ แต่คนที่ยังไม่ตอบรับคำเตือนล่ะซึ่งรวมถึงญาติพี่น้องที่เรารัก ยังมีโอกาสสำหรับพวกเขาไหม? อาจเป็นไปได้ที่พระยะโฮวาจะช่วยคนที่กลับใจหลังจากที่พวกเขาเห็นบาบิโลนใหญ่ถูกทำลาย ถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็ยิ่งมีเหตุผลที่จะประกาศคำเตือนด้วยความเร่งด่วน เพราะสิ่งที่เราบอกพวกเขาในตอนนี้อาจเป็นสิ่งที่พวกเขาจะนึกถึงได้ในอนาคต (เทียบกับเอเสเคียล 33:33) บางทีพวกเขาอาจจะคิดถึงคำเตือนที่ได้ยินจากเราและนั่นอาจกระตุ้นพวกเขาให้เข้ามานมัสการพระยะโฮวากับเราก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป เหมือนกับผู้คุมคุกในเมืองฟิลิปปีที่กลับใจหลังจาก “เกิดแผ่นดินไหวใหญ่” บางทีคนที่ยังไม่ตอบรับความจริงในตอนนี้อาจจะกลับใจหลังจากที่เขาได้เห็นบาบิโลนใหญ่ถูกทำลายก็ได้—กจ. 16:25-34 ห24.05 น. 17 ว. 9-10
วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม
พระคริสต์ทำให้กฎหมายของโมเสสสิ้นสุดลง—รม. 10:4
จดหมายที่อัครสาวกเปาโลเขียนถึงคริสเตียนชาวฮีบรูก็มีบทเรียนดี ๆ สำหรับเราด้วย คริสเตียนชาวฮีบรูมีความเชื่อไม่เข้มแข็ง พวกเขาเลย “กลับไปเป็นเหมือนคนที่ต้องกินน้ำนม ไม่ใช่อาหารแข็ง [ที่เสริมความเชื่อ]” (ฮบ. 5:12) พวกเขาไม่ได้เรียนรู้และยอมรับสิ่งใหม่ ๆ ที่พระยะโฮวาสอน (สภษ. 4:18) เช่น คริสเตียนชาวฮีบรูหลายคนยังคงสนับสนุนกฎหมายของโมเสสทั้ง ๆ ที่กฎหมายนี้ถูกยกเลิกมา 30 ปีแล้วหลังจากที่พระเยซูมาสละชีวิตเป็นค่าไถ่ (ทต. 1:10) เปาโลเลยเขียนจดหมายถึงพวกเขา จดหมายนั้นมีความรู้ที่ลึกซึ้งที่ช่วยให้พวกเขายอมรับการนมัสการพระยะโฮวารูปแบบใหม่ที่ดีกว่าซึ่งเป็นการจัดเตรียมผ่านทางพระเยซู และยังช่วยพวกเขาให้กล้าประกาศต่อ ๆ ไป—ฮบ. 10:19-23 ห24.04 น. 6 ว. 15
วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม
ทั้งคนดีและคนชั่วจะฟื้นขึ้นจากตาย—กจ. 24:15
ตั้งแต่อาดัมและเอวาเข้าร่วมกับซาตานในการกบฏต่อพระยะโฮวา มนุษย์หลายพันล้านคนต้องตาย แต่อนาคตจะเป็นยังไงสำหรับคนที่ตายไปแล้ว? จะมีผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวากลุ่มเล็ก ๆ 144,000 คนถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายและมีชีวิตอมตะในสวรรค์ (วว. 14:1) ส่วนผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาส่วนใหญ่จะถูกนับรวมอยู่ในกลุ่ม “คนดี” ที่จะ “ฟื้นขึ้นจากตาย” พวกเขาจะได้อยู่บนโลกตลอดไปถ้ารักษาความซื่อสัตย์อยู่เสมอในช่วง 1,000 ปีที่พระเยซูปกครองและในการทดสอบครั้งสุดท้าย (ดนล. 12:13; ฮบ. 12:1) และในช่วง 1,000 ปีนั้น “คนชั่ว” ซึ่งก็คือ “คนที่ทำชั่ว” จริง ๆ และรวมทั้งคนที่ไม่เคยรับใช้พระยะโฮวาจะได้รับโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองและมานมัสการพระองค์ (ยน. 5:29; ลก. 23:42, 43) แต่บางคนที่ทำชั่วมาก ๆ พระยะโฮวาจะตัดสินว่าพวกเขาจะไม่ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายเลย—ลก. 12:4, 5 ห24.05 น. 2 ว. 3; น. 5 ว. 15; น. 6 ว. 17
วันอังคารที่ 4 สิงหาคม
พวกเขานับถือเราแต่ปาก แต่ในใจของเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย—อสย. 29:13
ถ้าใครอยากเป็นคนที่พระยะโฮวายอมรับ เขาต้อง “พูดความจริงจากใจ” (สด. 15:2) นี่ไม่ใช่แค่การไม่โกหกเท่านั้น พระยะโฮวาอยากให้เราประพฤติตัวซื่อสัตย์ในทุกเรื่องด้วยทั้งทางคำพูดและการกระทำ (ฮบ. 13:18) นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก “เพราะพระยะโฮวาเกลียดคนเจ้าเล่ห์ แต่พระองค์เป็นเพื่อนสนิทกับคนซื่อตรง” (สภษ. 3:32) คนที่ “พูดความจริงจากใจ” ไม่ใช่คนที่แกล้งทำเป็นเชื่อฟังพระยะโฮวาตอนที่คนอื่นเห็น แต่กลับทำสิ่งที่ไม่ดีตอนที่อยู่คนเดียว คนที่ “พูดความจริงจากใจ” จะไม่เป็นคนเจ้าเล่ห์ คนเจ้าเล่ห์อาจเริ่มสงสัยและคิดว่ากฎของพระยะโฮวาบางข้อใช้ได้จริง ๆ หรือเปล่า (ยก. 1:5-8) เขาอาจเริ่มไม่เชื่อฟังจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน จากนั้นถ้าเขาเห็นว่าไม่มีผลเสียอะไรตามมา เขาก็กล้าที่จะไม่เชื่อฟังกฎหมายของพระยะโฮวาในเรื่องที่ใหญ่กว่า และแม้เขาจะคิดว่ากำลังรับใช้พระยะโฮวาอยู่ แต่พระองค์ก็จะไม่ยอมรับการนมัสการของเขา (ปญจ. 8:11) เราไม่อยากจะเป็นคนแบบนี้ เราอยากจะเป็นคนที่ซื่อสัตย์ในทุกเรื่อง ห24.06 น. 10 ว. 7-8
วันพุธที่ 5 สิงหาคม
ให้ยืนหยัดไว้ เอาความจริงคาดเอวเป็นเข็มขัด—อฟ. 6:14
คนของพระยะโฮวารักความจริงที่ได้เรียนจากคัมภีร์ไบเบิล และความเชื่อของพวกเราก็มีพื้นฐานมาจากคัมภีร์ไบเบิล (รม. 10:17) เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาได้ตั้งประชาคมคริสเตียน “เป็นเหมือนเสาหลักและฐานรากของความจริง” (1 ทธ. 3:15) สิ่งที่ซาตานต้องการมากก็คือ มันอยากให้เราเลิกเชื่อคัมภีร์ไบเบิลหรือคำแนะนำที่มาจากองค์การของพระเจ้า (อฟ. 4:14) อีกไม่นาน ซาตานจะใช้การโฆษณาชวนเชื่อที่มีพลังเพื่อทำให้ชาติต่าง ๆ พากันต่อต้านพระยะโฮวา (วว. 16:13, 14) และซาตานก็จะยิ่งพยายามชักนำคนของพระยะโฮวาให้หลงไปด้วย (วว. 12:9) ดังนั้น เป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจะฝึกตัวเองตั้งแต่ตอนนี้เพื่อจะมองให้ออกว่าอะไรคือเรื่องจริงอะไรคือเรื่องโกหกและเชื่อฟังความจริงในคัมภีร์ไบเบิลเสมอ (รม. 6:17; 1 ปต. 1:22) เราจะรอดหรือไม่รอดในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับการทำแบบนี้ ห24.07 น. 8 ว. 1-3
วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม
ข้อบัญญัติที่ผมกำลังชี้แจงให้คุณทราบในวันนี้ไม่ยากเกินไป และไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อม—ฉธบ. 30:11
ตอนที่พระยะโฮวารวบรวมชาวอิสราเอลให้เป็นชาติ พระองค์ให้กฎหมายกับพวกเขาและทำสัญญาว่าถ้าพวกเขาเชื่อฟังกฎหมายเหล่านี้ พระองค์จะปกป้องและอวยพรพวกเขา แต่ถ้าชาวอิสราเอลกบฏ เช่น ไปนมัสการพระเท็จ พระยะโฮวาจะไม่อวยพรและพวกเขาจะต้องเจอความทุกข์ยากลำบาก แต่ถึงแม้พวกเขาทำผิดก็ไม่ได้หมายความว่าพระยะโฮวาจะทิ้งพวกเขา พวกเขาสามารถ “กลับมาหาพระยะโฮวาพระเจ้าของ [พวกเขา] และเชื่อฟังพระองค์” (ฉธบ. 30:1-3, 17-20) หรือพูดง่าย ๆ ก็คือพวกเขาสามารถกลับใจได้ ถ้าพวกเขากลับใจ พระยะโฮวาก็จะกลับมาสนิทและอวยพรพวกเขาเหมือนเดิม ชาวอิสราเอลซึ่งเป็นประชาชนที่พระยะโฮวาเลือกไว้ได้กบฏต่อพระองค์หลายต่อหลายครั้ง นอกจากจะนมัสการพระเท็จแล้ว พวกเขายังทำชั่วสารพัดอย่าง ก็เลยต้องเจอความทุกข์ยากลำบาก แต่พระยะโฮวาไม่ได้หมดหวังในตัวพวกเขา พระองค์ส่งผู้พยากรณ์ไปหาพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อกระตุ้นให้พวกเขากลับใจและกลับมาหาพระองค์—2 พก. 17:13, 14 ห24.08 น. 9 ว. 4-5
วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม
เริ่มมีการข่มเหงประชาคมในกรุงเยรูซาเล็มอย่างรุนแรง—กจ. 8:1
คริสเตียนชาวฮีบรูที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มและแคว้นยูเดียต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ไม่นานหลังจากที่มีการก่อตั้งประชาคมคริสเตียน พวกเขาก็เจอการข่มเหงอย่างหนัก หลังจากนั้นอีกประมาณ 20 ปีต่อมา พวกเขาก็ต้องรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจเนื่องจากเกิดการขาดแคลนอาหาร (กจ. 11:27-30) อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี ค.ศ. 61 พวกเขาก็มีช่วงเวลาที่ค่อนข้างสงบสุขเมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขากำลังจะเจอในอีกไม่นาน ตอนนั้นพระยะโฮวาดลใจให้อัครสาวกเปาโลเขียนจดหมายถึงคริสเตียนชาวฮีบรู และจดหมายนี้ก็มาตรงกับเวลาพอดีเพื่อจะเตรียมพวกเขาให้พร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จดหมายที่เปาโลเขียนถึงคริสเตียนชาวฮีบรูเป็นจดหมายที่ตรงกับเวลาพอดีเพราะความสงบสุขที่พวกเขามีกำลังจะหมดไป เปาโลให้คำแนะนำที่ช่วยพวกเขาให้อดทนกับความยากลำบากที่พวกเขากำลังจะเจอ ห24.09 น. 8 ว. 1-2
วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม
พวกเขานี่แหละที่ให้กำลังใจ . . . อย่างมาก—คส. 4:11
ตอนที่เรากำลังรับมือกับปัญหาหนัก ๆ พระยะโฮวาใช้พี่น้องเพื่อแสดงให้เห็นความรักที่พระองค์มีต่อเรา พวกเขาปลอบโยนเราโดยฟังเราอย่างเห็นอกเห็นใจ ให้เวลากับเรา และอาจให้กำลังใจด้วยข้อคัมภีร์หรืออธิษฐานกับเรา (รม. 15:4) พี่น้องอาจช่วยให้เราไม่ลืมว่าพระยะโฮวาคิดยังไงกับเรื่องต่าง ๆ ซึ่งนั่นจะช่วยให้เรามีความคิดที่สมดุล พี่น้องยังช่วยเราในวิธีอื่นด้วย เช่น ทำอาหารให้เราตอนที่เรารู้สึกเศร้าเสียใจ เพื่อจะได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น บางครั้งเราอาจต้องบอกให้คนอื่นรู้ (สภษ. 17:17) พวกเขาอาจไม่รู้ว่าเรารู้สึกยังไงหรือต้องการอะไร (สภษ. 14:10) ขอให้บอกความรู้สึกนั้นกับพี่น้องที่มีความเป็นผู้ใหญ่ บอกให้เขารู้ว่าเขาจะช่วยคุณได้ยังไงบ้าง คุณอาจคุยกับผู้ดูแล 1 หรือ 2 คนที่คุณรู้สึกสบายใจที่จะคุยกับเขา หรือพี่น้องหญิงบางคนอาจเลือกที่จะคุยกับพี่น้องหญิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ห24.10 น. 10 ว. 15-16
วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม
ทุกคนที่ยอมรับและแสดงความเชื่อในลูกของพระองค์ [จะ] มีชีวิตตลอดไป—ยน. 6:40
หลายคนในทุกวันนี้อยากมีสุขภาพที่ดี พวกเขาก็เลยระวังการกินและออกกำลังกายเป็นประจำ ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้หวังว่าจะมีชีวิตตลอดไปเพราะการหวังแบบนั้นดูเหมือนไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และพวกเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ เพราะยิ่งแก่ลงก็ยิ่งไม่มีอะไรดี แต่พระเยซูพูดในแง่ดีเกี่ยวกับการมีชีวิตตลอดไปอย่างที่เราเห็นจากยอห์น 3:16 และ 5:24 วันหนึ่งพระเยซูเลี้ยงอาหารคนเป็นหมื่นด้วยขนมปังและปลาอย่างอัศจรรย์ นั่นเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์มาก แต่สิ่งที่พระเยซูพูดในวันถัดมาก็ยิ่งน่าทึ่งมากกว่านั้น ตอนนั้นฝูงชนติดตามท่านมาที่คาเปอร์นาอุมใกล้ชายฝั่งทะเลสาบกาลิลี แล้วพระเยซูก็บอกพวกเขาว่าในอนาคตท่านจะปลุกคนตายให้ฟื้นขึ้นมาและพวกเขาจะมีโอกาสได้ชีวิตตลอดไป (ยน. 6:39, 40) คำพูดของพระเยซูทำให้รู้ว่าพวกเขามีโอกาสจะฟื้นขึ้นจากตายได้ และทั้งตัวคุณและพวกเขาก็จะมีโอกาสที่จะมีชีวิตตลอดไปด้วย ห24.12 น. 8 ว. 1-2
วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม
พวกคุณที่เป็นสามี … ให้เกียรติเธอเหมือนที่คุณทะนุถนอมภาชนะที่บอบบางกว่า คือเพศหญิง—1 ปต. 3:7
รายงานหนึ่งจากองค์การอนามัยโลกบอกว่าสามีหลายคนทำร้ายภรรยา ดุด่า และทำร้ายจิตใจพวกเธอ สามีที่ทำแบบนี้อาจทำดีกับภรรยาต่อหน้าคนอื่น แต่ลับหลังก็ปฏิบัติกับเธออย่างเลวร้าย อะไรทำให้สามีบางคนใช้ความรุนแรงกับภรรยา? ผู้ชายบางคนอาจโตมาในครอบครัวที่พ่อใช้ความรุนแรง ก็เลยคิดว่าการใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องปกติ ส่วนบางคนโตมาในวัฒนธรรมที่ส่งเสริมความคิดผิด ๆ ที่ว่า “ลูกผู้ชาย” ต้องทำให้ภรรยารู้ว่าใครเป็นใหญ่ในบ้าน ผู้ชายบางคนไม่เคยถูกสอนให้ควบคุมความโกรธ ส่วนผู้ชายบางคนก็ดูสื่อลามกเป็นประจำจนทำให้พวกเขามีความคิดผิด ๆ ในเรื่องเพศและผู้หญิง นอกจากนั้น รายงานข่าวยังแสดงให้เห็นว่าผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ปัญหาเหล่านี้ยิ่งหนักขึ้น ถึงอย่างนั้น นี่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่ทำให้สามีมีสิทธิ์ใช้ความรุนแรงกับภรรยา ห25.01 น. 8 ว. 2-3
วันอังคารที่ 11 สิงหาคม
ในเมื่อพระคริสต์ทนทุกข์มาแล้วตอนที่เป็นมนุษย์ ก็ให้พวกคุณเตรียมตัวให้พร้อมและให้คิดอย่างเดียวกับท่าน—1 ปต. 4:1
พระเยซูบอกว่า “ให้รักพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณสุดหัวใจ สุดชีวิต สุดกำลัง และสุดความคิด” (ลก. 10:27) พระเยซูบอกว่านี่เป็นกฎหมายข้อสำคัญที่สุดในกฎหมายของโมเสส ขอสังเกตว่าความรักที่เรามีต่อพระยะโฮวาเกี่ยวข้องกับหัวใจ หัวใจเกี่ยวข้องกับความต้องการ ความรู้สึก และอารมณ์ของคนเรา และการรักพระยะโฮวาก็เกี่ยวข้องกับการให้พระองค์สุดชีวิตและสุดกำลังของเราด้วย แต่ไม่ใช่แค่นั้น การรักพระยะโฮวายังเกี่ยวข้องกับความคิดของเรา ซึ่งรวมถึงวิธีที่เรามองเรื่องต่าง ๆ แน่นอนว่าเราไม่สามารถเข้าใจความคิดของพระยะโฮวาได้อย่างครบถ้วน แต่เราก็เรียนรู้ที่จะเข้าใจความคิดของพระยะโฮวามากขึ้นได้โดยเรียนรู้ที่จะมี “จิตใจอย่างพระคริสต์” เพราะพระเยซูคิดเหมือนพระยะโฮวา—1 คร. 2:16 ห25.03 น. 8 ว. 1
วันพุธที่ 12 สิงหาคม
ท่านผู้นั้นจ่ายค่าไถ่ด้วยเลือดของท่านเพื่อปลดปล่อยเรา ความผิดของเราจึงได้รับการอภัย นี่แสดงว่าพระเจ้ามีความกรุณาที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ—อฟ. 1:7
เนื่องจากพระเยซูเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ ท่านเลยมีค่าเท่ากับอาดัมมนุษย์คนแรกก่อนที่เขาจะทำบาป (1 คร. 15:45) ดังนั้น การสละชีวิตของพระเยซูเลยสามารถไถ่บาปที่อาดัมทำและเอาสิ่งที่อาดัมทำให้สูญเสียไปกลับคืนมาได้ (รม. 5:19) พระเยซูเลยกลายเป็น “อาดัมคนหลัง” เมื่อพระเยซูสละชีวิตแล้วก็เลยไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์สมบูรณ์แบบอีกคนหนึ่งมาชดใช้สิ่งที่อาดัมทำให้สูญเสียไป พระเยซูตาย “ครั้งเดียวสำหรับตลอดไป” (ฮบ. 7:27; 10:12) การไถ่บาปกับค่าไถ่ต่างกันยังไง? การจัดเตรียมเรื่องการไถ่บาปคือสิ่งที่พระยะโฮวาทำเพื่อช่วยให้มนุษย์มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์ ส่วนค่าไถ่คือสิ่งที่ต้องจ่ายเพื่อจะไถ่บาปมนุษย์ ค่าไถ่คือชีวิตของพระเยซูที่สละเพื่อเราทุกคน—ฮบ. 9:14 ห25.02 น. 5 ว. 12-13
วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม
พระเจ้าซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ปล่อยให้คุณถูกล่อใจจนทนไม่ไหว และเมื่อคุณถูกล่อใจ พระองค์จะมีทางออกให้ด้วยเพื่อคุณจะทนได้—1 คร. 10:13
การคิดอยู่เสมอว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่จะทำให้เรามีมุมมองที่ถูกต้องเมื่อเจอปัญหา เป็นอย่างนั้นได้ยังไง? การคิดแบบนั้นจะช่วยให้เราไม่ลืมประเด็นที่สำคัญระหว่างพระยะโฮวากับซาตาน ซาตานกล่าวหาว่าตอนที่เราเจอปัญหาหนัก เราจะทิ้งพระยะโฮวา ดังนั้น วิธีที่เรารับมือกับปัญหาจะส่งผลต่อความรู้สึกของพระยะโฮวาด้วย (โยบ 1:10, 11; สภษ. 27:11) ถ้าเราซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาแม้จะเจอปัญหา เราก็แสดงความรักต่อพระองค์และทำให้เห็นว่าซาตานโกหก ตอนนี้คุณต้องรับมือกับปัญหาบางอย่างอยู่ไหม เช่น การต่อต้านจากรัฐบาล ปัญหาเศรษฐกิจ หรือคนในเขตไม่สนใจฟังข่าวดีที่คุณประกาศ? ถ้าเป็นแบบนั้น ขอให้จำไว้ว่าสิ่งที่คุณกำลังเจออยู่นี้เป็นโอกาสที่คุณจะทำให้พระยะโฮวาดีใจ และขออย่าลืมว่าพระยะโฮวาจะไม่ปล่อยให้คุณถูกล่อใจจนทนไม่ไหว พระองค์จะให้กำลังกับคุณเพื่อคุณจะอดทนได้ ห24.06 น. 22 ว. 9
วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม
ทุกคนถูกล่อใจเมื่อความต้องการของตัวเองชักนำและล่อลวง—ยก. 1:14
คุณรู้ไหมว่าอะไรคือจุดอ่อนที่สุดของคุณที่ทำให้ยอมแพ้การล่อใจได้ง่าย? ไม่มีประโยชน์ที่เราจะหลอกตัวเองและคิดว่าเราไม่มีจุดอ่อนอะไรหรือคิดว่าเราเข้มแข็งดีอยู่แล้วไม่มีทางทำผิดได้ (1 ยน. 1:8) เปาโลบอกว่า “แม้แต่คนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม” ก็อาจยอมแพ้การล่อใจได้ถ้าเขาไม่ระวังตัวอยู่เสมอ (กท. 6:1) เราต้องซื่อสัตย์กับตัวเองและรู้ว่าเรามีจุดอ่อนอะไรบ้าง (2 คร. 13:5) เมื่อเรารู้แล้วว่าอะไรเป็นจุดอ่อนที่สุดของเรา เราควรทำอะไร? เราต้องฝึกต้านทานมันให้ได้ เพื่อยกตัวอย่าง ในสมัยคัมภีร์ไบเบิลส่วนที่เป็นจุดอ่อนที่สุดของเมืองก็คือประตูเมือง นี่เลยเป็นเหตุผลที่ต้องมีทหารคอยเฝ้าประตูเมืองให้แน่นหนาที่สุด คล้ายกันถ้าเรารู้ว่าจุดอ่อนของเราคืออะไร เราก็ต้องระวังเป็นพิเศษด้วย—1 คร. 9:27 ห24.07 น. 15 ว. 5-7
วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม
ให้เกิดผลดีในทุกสิ่งที่พวกคุณทำและมีความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระเจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ—คส. 1:10
ผลดีที่พูดถึงในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ยังรวมถึงการประกาศข่าวดีด้วย ดังนั้น เมื่อเราอ่านคัมภีร์ไบเบิลและคิดใคร่ครวญ เราก็จะยิ่งมีความเชื่อในพระยะโฮวาและเข้าใจดีขึ้นว่า ทำไมเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องประกาศข่าวดีให้กับผู้คน เพื่อจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากคัมภีร์ไบเบิล เราต้องใช้เวลาอ่าน ศึกษาค้นคว้า และคิดใคร่ครวญ และเราต้องไม่ทำแบบรีบ ๆ ร้อน ๆ ถ้าเราเจอข้อคัมภีร์ไหนที่เข้าใจยาก อย่าข้ามข้อนั้นไปโดยไม่ได้ค้นคว้า ให้ใช้คู่มือค้นคว้าสำหรับพยานพระยะโฮวา เพื่อจะค้นเกี่ยวกับข้อนั้น ถ้าคุณใช้เวลาอ่านและศึกษาค้นคว้าคัมภีร์ไบเบิล คุณก็จะมั่นใจว่านี่เป็นความจริง (1 ธส. 5:21) และถ้าคุณยิ่งมั่นใจ คุณก็จะยิ่งมีความสุขเมื่อได้พูดคุยเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลให้คนอื่นฟัง ห24.04 น. 15 ว. 4-5
วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม
ผมเขียนถึงพวกคุณครั้งก่อนก็เพื่อจะดูด้วยว่าพวกคุณเชื่อฟังทุกอย่างหรือเปล่า—2 คร. 2:9
ดาวิดบอกว่าพระยะโฮวา “ดีจริง ๆ และพร้อมจะให้อภัย” (สด. 86:5) มีคาห์เขียนว่า “ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนเหมือนพระองค์ที่ให้อภัยและมองข้ามความผิด” (มคา. 7:18) และอิสยาห์บอกว่า “ให้คนชั่วทิ้งแนวทางชีวิตของเขา และคนทำผิดให้ล้มเลิกความคิดของเขา ให้เขากลับมาหาพระยะโฮวา พระองค์จะเมตตาเขา กลับมาหาพระเจ้าของเรา เพราะพระองค์จะให้อภัยอย่างใจกว้าง” (อสย. 55:7) เพื่อที่พี่น้องในประชาคมโครินธ์จะเลียนแบบพระยะโฮวาได้ เปาโลบอกให้พวกเขาต้อนรับผู้ชายคนนั้นที่กลับใจและแสดงความรักต่อเขา การที่พี่น้องเหล่านี้ทำตามคำแนะนำของเปาโลก็แสดงว่าพวกเขา “เชื่อฟังทุกอย่าง” ก็จริงที่พี่น้องชายคนนั้นถูกตัดออกไปจากประชาคมแค่ไม่กี่เดือนแล้วก็ถูกรับกลับมา แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วเพราะการสั่งสอนที่เขาได้รับทำให้เขากลับใจจริง ๆ จึงไม่จำเป็นที่ผู้ดูแลต้องปล่อยเวลาให้ผ่านไปอีกหน่อยแล้วค่อยรับเขากลับเข้ามา ห24.08 น. 17-18 ว. 12-13
วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม
คนหนึ่งจะถูกพาไป แต่อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้—มธ. 24:40
เราอยู่ในช่วงที่น่าตื่นเต้นซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้น อีกไม่นานพระเยซูจะพิพากษาทุกคนที่อยู่บนโลกนี้ ก่อนจะถึงตอนนั้นท่านบอกว่า จะมี “สัญญาณ” ที่บอกให้รู้ว่าท่านประทับอยู่ และบอกให้รู้ว่าเราอยู่ใน “สมัยสุดท้ายของโลกนี้” (มธ. 24:3) มีการพูดถึง “สัญญาณ” เหล่านี้ในมัทธิวบท 24 และ 25 มาระโกบท 13 และลูกาบท 21 พระเยซูให้คำเตือนกับเราโดยใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบ 3 เรื่องคือ เรื่องแกะกับแพะ เรื่องหญิงสาวบริสุทธิ์ที่ฉลาดและโง่ และเรื่องเงินตะลันต์ แต่ละเรื่องช่วยเราให้เข้าใจว่าพระเยซูจะตัดสินแต่ละคนตามการกระทำของเขา ห24.09 น. 20 ว. 1-2
วันอังคารที่ 18 สิงหาคม
ให้ทำทุกอย่างด้วยความรัก—1 คร. 16:14
พระเยซูคือตัวอย่างที่ดีที่สุดสำหรับเรา ท่านทำทุกอย่างด้วยความรัก ท่านรักพระยะโฮวาและรักผู้คน และความรักนี่แหละที่ทำให้พระเยซูเต็มใจทำงานหนักและทำงานที่ดูต่ำต้อยเพื่อคนอื่น (มธ. 20:28; ยน. 13:5, 14, 15) พี่น้องชายทั้งหลาย ถ้าคุณมีแรงกระตุ้นเป็นความรัก พระยะโฮวาจะอวยพรคุณและจะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายต่าง ๆ ได้ เช่น การมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ช่วยงานรับใช้ (1 ปต. 5:5) คนทั่วไปในโลกทุกวันนี้ชื่นชอบคนที่พยายามจะเป็นคนโดดเด่น แต่ในองค์การของพระยะโฮวาไม่เป็นแบบนั้น พี่น้องชายที่รักคนอื่นเหมือนพระเยซูจะไม่ใช่คนที่อยากได้อำนาจ อยากเป็นคนสำคัญ หรืออยากมีตำแหน่งสูง ถ้าคนที่มีนิสัยทะเยอทะยานได้รับการแต่งตั้งในประชาคม เขาอาจไม่ยอมทำงานที่ต่ำต้อยบางอย่างซึ่งจำเป็นสำหรับการดูแลฝูงแกะที่มีค่าของพระยะโฮวา เขาอาจมองว่าตัวเองสำคัญเกินกว่าที่จะลดตัวลงไปทำงานเหล่านั้น—ยน. 10:12 ห24.11 น. 15 ว. 6-7
วันพุธที่ 19 สิงหาคม
พลังบริสุทธิ์ตั้งพวกคุณให้เป็นผู้ดูแล—กจ. 20:28
ทั่วโลกเราต้องการพี่น้องชายมากขึ้นเพื่อจะรับใช้เป็น “ของขวัญที่เป็นมนุษย์” (อฟ. 4:8) ถ้าคุณเป็นพี่น้องชายที่รับบัพติศมาแล้ว คุณ “มีกำลังที่จะช่วย” ได้ไหม? (สภษ. 3:27) คุณพยายามมีคุณสมบัติเป็นผู้ช่วยงานรับใช้ไหม? ถ้าคุณเป็นผู้ช่วยงานรับใช้แล้ว คุณพยายามมีคุณสมบัติเพื่อจะทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลไหม? คุณสามารถปรับเปลี่ยนชีวิตเพื่อจะเข้าโรงเรียนผู้ประกาศราชอาณาจักรได้ไหม? โรงเรียนนี้จะฝึกและช่วยคุณให้ทำงานรับใช้ที่พระเยซูมอบหมายได้มากขึ้น ถ้าคุณรู้สึกว่ายังไม่มีคุณสมบัติ ให้อธิษฐานขอพลังบริสุทธิ์จากพระยะโฮวาเพื่อช่วยคุณให้ทำงานมอบหมายที่ได้รับตอนนี้ให้สำเร็จ (ลก. 11:13) การที่พระเยซูแต่งตั้งพี่น้องชายให้เป็น “ของขวัญที่เป็นมนุษย์” แสดงให้เห็นว่าท่านกำลังนำหน้าเราอยู่ในสมัยสุดท้ายนี้ (มธ. 28:20) คุณรู้สึกขอบคุณมากใช่ไหมที่เรามีกษัตริย์ที่รักเรา ใจกว้าง เอาใจใส่เรา และให้มีพี่น้องชายคอยดูแลเราด้วย? ห24.10 น. 23 ว. 16-17
วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม
ไม่มีใครจดจำ หรือนึกถึงสิ่งที่ผ่านมาอีกเลย—อสย. 65:17
จะว่ายังไงกับสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้รับใช้ของพระเจ้าต้องเจ็บปวดและทุกข์ใจอยู่ในตอนนี้? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า ในที่สุด “จะไม่มีใครนึกถึงความทุกข์ยากที่เคยมี และจะไม่มีสิ่งเหล่านี้ให้ [พระเจ้า] ได้เห็นอีก” (อสย. 65:16) พระยะโฮวาจะทำให้ปัญหาทุกอย่างของเราหมดไปและเราจะไม่นึกถึงเรื่องที่ทำให้เราเจ็บปวดอีกเลย แม้แต่ตอนนี้เราก็รู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้เข้าร่วมการประชุมกับพี่น้อง เรารู้สึกสงบใจและไม่เครียดหรือกังวลเพราะโลกของซาตาน และเมื่อเราแสดงคุณลักษณะต่าง ๆ ของผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้า เช่น ความรัก ความยินดี สันติสุข ความกรุณา และความอ่อนโยน เราก็ช่วยให้พี่น้องรู้สึกผ่อนคลายไปด้วย (กท. 5:22, 23) นี่เป็นพรที่ดีมากจริง ๆ ที่เราได้อยู่ในองค์การของพระเจ้า คนที่อยู่ในอุทยานโดยนัยจะได้เห็นคำสัญญาของพระเจ้าเป็นจริงเมื่อพระองค์สร้าง “ฟ้าสวรรค์ใหม่และโลกใหม่” ห24.04 น. 22 ว. 9-10
วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม
เมื่อคนเราพูดโดยไม่คิดว่า “นี่เป็นของบริสุทธิ์” และมานึกได้ทีหลังว่าสาบานอะไรไป เขาก็ติดกับดัก—สภษ. 20:25
การคบกันเป็นแฟนเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นขั้นตอนสำคัญด้วยที่นำไปสู่การแต่งงาน ในวันแต่งงานเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะปฏิญาณต่อพระยะโฮวาว่าพวกเขาจะรักและให้เกียรติกันตราบเท่าที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ก่อนที่เราแต่ละคนจะปฏิญาณอะไร เราก็ต้องคิดเรื่องนั้นอย่างรอบคอบ และนี่ก็เป็นจริงกับคำปฏิญาณเรื่องการแต่งงานด้วย การคบกันเป็นแฟนจะช่วยให้คนสองคนได้รู้จักกันมากขึ้นและช่วยให้พวกเขาตัดสินใจอย่างฉลาด บางครั้งทั้งสองคนอาจตัดสินใจที่จะแต่งงานกันหรือตัดสินใจที่จะเลิกกันก็ได้ ถ้าทั้งสองคนเลิกกัน นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาล้มเหลว แต่พวกเขาได้บรรลุจุดประสงค์ของการคบกันเป็นแฟนแล้ว นั่นก็คือเพื่อที่จะช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้อย่างฉลาดว่าจะแต่งงานกับคนที่คบกันอยู่หรือไม่ ทำไมถึงสำคัญที่จะมีมุมมองที่ถูกต้องในเรื่องการคบกันเป็นแฟน? ถ้าคนโสดมีมุมมองที่ถูกต้องในเรื่องนี้ เขาก็จะไม่คบเป็นแฟนกับคนที่เขาไม่คิดจะแต่งงานด้วย ห24.05 น. 26-27 ว. 3-4
วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม
อย่าอายที่จะประกาศเรื่องผู้เป็นนายของเรา—2 ทธ. 1:8
บางครั้งวัยรุ่นที่เป็นพยานฯ อาจไม่กล้าพูดปกป้องความเชื่อของตัวเอง และอาจยิ่งกลัวเป็นพิเศษตอนที่เรียนทฤษฎีวิวัฒนาการ เพราะอะไร? เพราะครูอาจพูดเหมือนมันเป็นข้อเท็จจริงที่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ คุณจะช่วยลูกยังไงให้ปกป้องความเชื่ออย่างมั่นใจ? ช่วยลูกให้มั่นใจว่าเขาไม่จำเป็นต้องอายที่เชื่อว่ามีพระเจ้าผู้สร้าง เพราะอะไร? เพราะนักวิทยาศาสตร์หลายคนก็เชื่อว่าชีวิตไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ และพวกเขาเห็นชัดเจนเลยว่าสิ่งมีชีวิตในโลกมีความสลับซับซ้อนและถูกออกแบบอย่างยอดเยี่ยม พวกเขาก็เลยไม่ยอมรับทฤษฎีวิวัฒนาการ สิ่งหนึ่งที่อาจช่วยลูกของคุณได้ก็คือ เขาต้องเสริมความมั่นใจให้ตัวเองโดยดูว่าอะไรทำให้พี่น้องคนอื่น ๆ เชื่อว่าชีวิตเกิดขึ้นโดยมีผู้ออกแบบ ห24.12 น. 18 ว. 14-15
วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม
พลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าทำให้พระเยซูมีความสุขมาก—ลก. 10:21
พระเยซูคิดในแง่บวกกับงานรับใช้เสมอ นี่เลยช่วยให้ท่านยังคงกระตือรือร้นในการประกาศ ตัวอย่างเช่น ในช่วงปลายปี ค.ศ. 30 ท่านเห็นเลยว่ามีหลายคนเต็มใจฟังข่าวดีที่ท่านประกาศ และท่านก็เปรียบคนเหล่านี้เป็นเหมือนข้าวในทุ่งที่พร้อมจะเก็บเกี่ยว (ยน. 4:35) ประมาณ 1 ปีต่อมาพระเยซูพูดกับสาวกว่า “งานเกี่ยวเป็นงานใหญ่จริง ๆ” (มธ. 9:37, 38) และในอีก 1 ปีหลังจากนั้นพระเยซูก็บอกอีกว่า “งานเกี่ยวเป็นงานใหญ่จริง ๆ. . . ให้ช่วยกันขอเจ้าของนาให้ส่งคนไปมากขึ้นเพื่อทำงานเกี่ยวของพระองค์” (ลก. 10:2) พระเยซูยังคงมั่นใจว่าจะมีอีกหลายคนฟังข่าวดีที่ท่านประกาศ และพอท่านได้เจอคนที่สนใจท่านก็เลยมีความสุขมาก พระเยซูสอนสาวกให้คิดในแง่บวกกับข่าวสารที่พวกเขาประกาศ ซึ่งนี่จะช่วยให้พวกเขายังคงกระตือรือร้นต่อ ๆ ไป ห25.03 น. 18-19 ว. 15-16
วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม
พระเจ้าของผมเป็นหินที่แข็งแกร่งที่ปกป้องผม—สด. 94:22
พระยะโฮวาเป็นที่หลบภัย เหมือนกับหินก้อนใหญ่ที่เป็นที่กำบังให้พ้นจากพายุฝน พระยะโฮวาก็เป็นที่หลบภัยของเราตอนที่เราเจอความยากลำบากในชีวิต พระยะโฮวาช่วยปกป้องความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระองค์และทำให้เรามั่นใจว่าความทุกข์ที่เราเจอในตอนนี้จะไม่ทำให้เราได้รับผลเสียหายไปตลอด ไม่เพียงเท่านั้นพระองค์สัญญาด้วยว่าในอนาคตพระองค์จะกำจัดทุกอย่างที่ทำให้เราเครียดหรือทุกข์ใจ (อสค. 34:25, 26) วิธีหนึ่งที่เราทำให้พระยะโฮวาเป็นเหมือนหินที่แข็งแกร่งและเป็นที่หลบภัยของเราก็คือโดยการอธิษฐานถึงพระองค์ เมื่อเราอธิษฐาน พระยะโฮวาจะให้ “สันติสุขของพระเจ้า” ที่ปกป้องหัวใจและความคิดของเรา (ฟป. 4:6, 7) พระยะโฮวาอยู่พร้อมที่จะช่วยเราเสมอ เราไว้ใจพระองค์ได้เพราะพระองค์เป็นเหมือน “หินแข็งแกร่งอันถาวร” (อสย. 26:3, 4) พระองค์มีชีวิตอยู่ตลอดไป พระองค์เลยสามารถทำตามที่พระองค์สัญญา ฟังคำอธิษฐานของเรา และให้ความช่วยเหลือเมื่อเราต้องการได้ นอกจากนั้น เราไว้ใจพระยะโฮวาได้เพราะพระองค์ภักดีต่อคนที่รับใช้พระองค์ (2 ซม. 22:26) พระองค์ไม่มีวันลืมสิ่งที่เราทำและพระองค์จะให้รางวัลกับเราเสมอ—ฮบ. 6:10; 11:6 ห24.06 น. 27 ว. 4-6
วันอังคารที่ 25 สิงหาคม
ปกป้องหัวใจของลูกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพราะชีวิตขึ้นอยู่กับหัวใจ—สภษ. 4:23
เราจะไม่เลือกความบันเทิงที่ไม่เหมาะสมเพราะมันจะทำให้เราไม่ได้รักพระยะโฮวาสุดหัวใจ การคบหาเพื่อนที่ไม่ดีและการรักเงินก็อาจทำให้เราเป็นแบบนั้นด้วย ถ้าเราเห็นว่าเริ่มมีบางอย่างที่ทำให้เรารักพระยะโฮวาน้อยลง เราต้องรีบตัดมันออกไปทันที (มธ. 5:29, 30) เราต้องรักพระยะโฮวาสุดหัวใจและไม่ยอมให้อะไรมาแบ่งหัวใจของเราไป เราอาจหลอกตัวเองและคิดว่าถ้ารับใช้พระยะโฮวามากขึ้นเราก็ไม่ต้องระวังอิทธิพลที่ไม่ดีต่าง ๆ ลองคิดถึงตัวอย่างนี้ สมมุติว่าวันหนึ่งอากาศร้อนมาก ตอนที่คุณกลับบ้านคุณก็เลยเปิดแอร์ แต่ถ้าคุณเปิดแอร์แล้วไม่ยอมปิดประตูปิดหน้าต่าง คุณคิดว่ามันจะช่วยได้มากแค่ไหนเพราะอากาศร้อนมันก็เข้ามาในบ้านของคุณอยู่ดี? จุดสำคัญคืออะไร? เราต้องไม่ใช่แค่รับอาหารที่เสริมความเชื่อที่ช่วยให้เราสนิทกับพระยะโฮวาเท่านั้น เราต้องปิดประตูไม่ยอมให้ “อากาศ” ร้อนซึ่งเป็นเหมือนอิทธิพลที่ไม่ดีเข้ามาในหัวใจและทำให้หัวใจของเราถูกแบ่งแยก—อฟ. 2:2 ห24.07 น. 21 ว. 6-7
วันพุธที่ 26 สิงหาคม
ให้รักศัตรูของคุณและอธิษฐานเผื่อคนที่ข่มเหงคุณ—มธ. 5:44
เราอาจนึกถึงความเจ็บปวดที่พระเยซูต้องเจอ ท่านต้องเสียศักดิ์ศรีแลถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมเลย แต่ท่านก็ยังรักและซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาแม้จะเจอกับความไม่ยุติธรรมขนาดนั้น แทนที่ท่านจะขอพระยะโฮวาให้ลงโทษทหารเหล่านั้นที่ตรึงท่านบนเสาทรมาน ท่านกลับอธิษฐานว่า “พ่อครับ ยกโทษให้พวกเขาด้วย เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่” (ลก. 23:34) เมื่อเราอธิษฐานเผื่อคนที่ทำไม่ดีกับเรา นี่ก็จะช่วยให้เราสงบใจและรู้สึกโกรธน้อยลง และอาจถึงกับเปลี่ยนมุมมองที่เรามีต่อพวกเขาเลยก็ได้ เราอาจยังต้องเจอกับความไม่ยุติธรรมอีกหลายอย่างก่อนโลกชั่วนี้จะถึงจุดจบ แต่ไม่ว่าเราจะเจอกับอะไรขอให้เราอธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยเราต่อ ๆ ไป เลียนแบบพระเยซูในการรับมือกับความไม่ยุติธรรม และให้เราเอาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลมาใช้เสมอ ถ้าเราทำแบบนั้น เราก็มั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะอวยพรเราแน่นอน—1 ปต. 3:8, 9 ห24.11 น. 6 ว. 16; น. 7 ว. 17, 19
วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม
พระองค์ไม่ใช่พระเจ้าที่ชอบความชั่ว คนชั่วจะอยู่กับพระองค์ไม่ได้—สด. 5:4
พระยะโฮวาไม่ได้ยอมรับการกระทำทุกอย่าง พระองค์เกลียดการทำชั่ว (สด. 5:4-6) ถึงแม้พระองค์ไม่ได้คาดหมายความสมบูรณ์แบบจากมนุษย์ แต่พระองค์ก็ต้องการให้เราเชื่อฟังมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระองค์ซึ่งอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล (สด. 130:3, 4) ดังนั้น พระยะโฮวาจะไม่ยอมทนกับ ‘คนดูหมิ่นพระเจ้าซึ่งพลิกแพลงความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์เพื่อใช้เป็นข้อแก้ตัวสำหรับการประพฤติไร้ยางอาย’ (ยด. 4) ที่จริงคัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คนที่ดูหมิ่นพระเจ้าจะต้องพินาศ” ในวันอาร์มาเกดโดน (2 ปต. 3:7; วว. 16:16) แต่พระยะโฮวาไม่อยากให้ใครถูกทำลาย คัมภีร์ไบเบิลบอกชัดเจนเลยว่าพระยะโฮวา “อยากให้ทุกคนกลับตัวกลับใจ” (2 ปต. 3:9) ผู้ดูแลเลียนแบบพระยะโฮวาโดยพยายามช่วยคนที่ทำผิดให้เปลี่ยนแปลงตัวเองและกลับมาสนิทกับพระองค์เหมือนเดิม ห24.08 น. 26 ว. 1-2
วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม
พระองค์ยื่นมือออกมา ทำให้ทุกชีวิตอิ่มสมปรารถนา—สด. 145:16
เหมือนกับพระยะโฮวา เราสามารถให้สิ่งจำเป็นกับคนอื่นได้เพราะเรารักพวกเขา ตัวอย่างเช่น คุณรู้จักพี่น้องคนไหนไหมที่กำลังต้องการอาหารหรือเสื้อผ้า? พระยะโฮวาสามารถใช้คุณให้ช่วยพวกเขาได้ คนของพระยะโฮวาเป็นที่รู้จักดีว่ามีน้ำใจช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ ตัวอย่างเช่น ในช่วงการระบาดของโควิด-19 พี่น้องของเราแบ่งปันอาหาร เสื้อผ้า และสิ่งจำเป็นอื่น ๆ ให้กับคนที่ต้องการ และหลายคนยังบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนงานทั่วโลกด้วย ซึ่งเงินเหล่านี้ก็ถูกเอาไปใช้ในการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เมื่อเกิดภัยพิบัติ พี่น้องเหล่านี้ทำตามคำแนะนำที่ฮีบรู 13:16 ที่บอกว่า “อย่าลืมทำความดีและแบ่งปันสิ่งของให้คนอื่น เพราะพระเจ้าพอใจเครื่องบูชาแบบนั้น” ห24.09 น. 27 ว. 6-7
วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม
ขอให้พวกคุณมองให้ออกว่าอะไรสำคัญกว่า—ฟป. 1:10
ลองนึกภาพฉากเหตุการณ์ต่อไปนี้ คุณกำลังหางานทำเพื่อจะหาเลี้ยงครอบครัวได้ ปรากฏว่าคุณได้เจอ 2 งาน คุณค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับงานเหล่านั้นมาหมดแล้ว เช่น เป็นงานแบบไหน ต้องทำงานวันไหนบ้าง และเดินทางไกลไหม ทั้ง 2 งานไม่ได้ขัดกับหลักการในคัมภีร์ไบเบิล แต่คุณอาจเล็งงานหนึ่งไว้ในใจเพราะชอบงานแบบนั้นหรือเพราะเงินเดือนสูงกว่า ถึงอย่างนั้นก็ยังมีรายละเอียดบางอย่างที่คุณต้องคิดถึงอีกก่อนจะตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น งานนั้นจะทำให้คุณขาดการประชุมไหม? หรืองานนั้นจะกินเวลาที่คุณต้องดูแลเอาใจใส่ครอบครัวทางด้านอารมณ์และความเชื่อไหม? การถามคำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณมองออกว่าอะไรเป็นสิ่งที่ “สำคัญกว่า” นั่นก็คือการนมัสการและความจำเป็นของครอบครัวของคุณซึ่งสำคัญกว่าวัตถุเงินทอง เมื่อคุณคิดถึงสิ่งเหล่านี้แล้วคุณก็จะสามารถตัดสินใจในแบบที่พระยะโฮวาอวยพรได้ ห25.01 น. 17 ว. 11-13
วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม
พระยะโฮวาอยู่ใกล้คนที่หัวใจแตกสลาย—สด. 34:18
ถึงคนอื่นจะปฏิบัติกับคุณอย่างเลวร้าย แต่คุณมั่นใจได้ว่าพระยะโฮวารักและมองว่าคุณมีค่ามาก ถ้าคุณกำลัง “เศร้าเสียใจ” ขอให้จำไว้ว่าพระยะโฮวามองเห็นสิ่งดี ๆ ในตัวคุณและพระองค์ชักนำคุณเป็นส่วนตัวให้เข้ามาหาพระองค์ (ยน. 6:44) พระองค์พร้อมจะช่วยคุณเสมอเพราะคุณมีค่ามากสำหรับพระองค์ ตัวอย่างของพระเยซูทำให้เราเข้าใจว่าพระยะโฮวารู้สึกยังไง ตอนที่พระเยซูมีชีวิตบนโลก ท่านสังเกตคนที่โดนคนอื่นดูถูกและท่านปฏิบัติกับพวกเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ (มธ. 9:9-12) มีผู้หญิงคนหนึ่งป่วยหนักเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาไม่หาย เธอมาจับชายเสื้อของพระเยซูเพราะหวังว่าจะหายจากโรค ตอนนั้นพระเยซูก็พูดปลอบเธอและชมเชยที่เธอมีความเชื่อ (มก. 5:25-34) พระเยซูเลียนแบบพ่อของท่านได้อย่างสมบูรณ์แบบ (ยน. 14:9) ดังนั้น คุณก็เลยมั่นใจได้ว่าพระยะโฮวามองว่าคุณมีค่า และมองเห็นสิ่งดี ๆ ในตัวคุณซึ่งรวมถึงความเชื่อและความรักที่คุณมีต่อพระองค์ ห24.10 น. 7 ว. 4-5
วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม
ขอเก็บน้ำตาของผมไว้ในถุงหนังของพระองค์—สด. 56:8
ดาวิดเจอปัญหาหลายอย่างในชีวิตที่ทำให้เขาต้องเสียน้ำตา หลายคนเกลียดเขา คนที่เขาไว้ใจก็ทรยศหักหลังเขา (1 ซม. 19:10, 11; 2 ซม. 15:10-14, 30) ตอนที่ดาวิดเจอปัญหาหนักมาก เขาเขียนว่า “ผมถอนใจจนเหนื่อย ผมร้องไห้ตลอดคืนจนเตียงเปียกโชก ผมร้องไห้จนเก้าอี้นอนมีแต่น้ำตา” (สด. 6:6) ถึงดาวิดจะเจอเรื่องหนักหนาสาหัสในชีวิต เขาก็ยังคงมั่นใจว่าพระยะโฮวารักเขา เขาเขียนว่า “พระยะโฮวาจะได้ยินเสียงร้องไห้ของผม” (สด. 6:8) คำพูดของดาวิดในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ทำให้เรารู้เลยว่าพระยะโฮวารักและเป็นห่วงเราขนาดไหน ดาวิดรู้สึกเหมือนกับว่าพระยะโฮวาเก็บน้ำตาของเขาไว้ในถุงหนังของพระองค์หรือนับหยดน้ำตาของเขาแล้วเขียนไว้ในสมุดของพระองค์ เขามั่นใจว่าพระยะโฮวารู้และไม่ลืมว่าเขาเจ็บปวดขนาดไหน และยังมั่นใจด้วยว่าพระองค์ไม่ใช่แค่เห็นว่าเขากำลังเจออะไร แต่ยังเข้าใจดีว่าเขารู้สึกแย่ขนาดไหนด้วย ห24.12 น. 22 ว. 11-12