คัมภีร์ไบเบิล “ฉบับแปลโลกใหม่” แสดงถึงความเชี่ยวชาญและซื่อสัตย์
“เต็มไปด้วยความบิดเบือน!” นั่นเป็นสิ่งที่พวกผู้ต่อต้านกล่าวถึงคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลของมาร์ติน ลูเทอร์เมื่อศตวรรษที่ 16. พวกเขาเชื่อว่าเขาสามารถพิสูจน์ว่าคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลของลูเทอร์บรรจุไว้ด้วย “ข้อผิดพลาดและคำโกหกของผู้ออกหากถึง 1,400 ข้อ.” ปัจจุบัน คัมภีร์ไบเบิลฉบับของลูเทอร์ได้รับการมองดูว่าเป็นฉบับแปลที่เด่น. หนังสือการแปลคัมภีร์ไบเบิล กระทั่งยังเรียกฉบับแปลนี้ว่า “ผลงานแห่งอัจริยะ”!
ในศตวรรษที่ 20 นี้ คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ ก็ถูกกล่าวหาว่าบิดเบือนเช่นเดียวกัน. เพราะเหตุใด? ก็เพราะฉบับแปลนี้ต่างไปจากการถอดความหมายหลายข้อที่สืบทอดกันมาและเน้นการใช้พระนามของพระเจ้า พระยะโฮวา. ดังนั้น ฉบับแปลนี้จึงไม่เป็นไปตามประเพณี. แต่นั่นทำให้ฉบับนี้ไม่ถูกต้องหรือ? เปล่า. ฉบับแปลนี้ได้ถูกจัดทำขึ้นด้วยความรอบคอบอย่างมากและด้วยความเอาใจใส่ต่อรายละเอียด และสิ่งที่อาจดูเหมือนว่าไม่คุ้นเคยแสดงถึงความพยายามอย่างจริงใจที่จะถ่ายทอดรายละเอียดของภาษาเดิมอย่างถี่ถ้วน. ซี. เฮาท์มัน นักเทววิทยา อธิบายสาเหตุที่ฉบับแปลโลกใหม่ ต่างไปจากฉบับอื่น ๆ ดังนี้: “คำแปลต่าง ๆ ตามประเพณีของคำสำคัญ ๆ ในต้นฉบับเดิมได้ถูกละทิ้งไป ปรากฏว่าก็เพื่อให้ได้ความเข้าใจที่ดีที่สุด.” ให้เราพิจารณาบางตัวอย่างของเรื่องนี้.
ต่างออกไป—แต่ก็ไม่ผิด
ประการหนึ่งก็คือ คำซึ่งมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดในภาษาเดิมแห่งคัมภีร์ไบเบิลนั้นได้รับการแปลโดยใช้คำภาษาอังกฤษที่ต่างกันออกไปเท่าที่จะทำได้ ด้วยเหตุนั้น จึงเป็นการกระตุ้นนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลให้รู้ถึงความหมายต่าง ๆ กัน. ดังนั้น จึงมีการแปลคำ ซินเทʹเลอิอา ว่า “ช่วงอวสาน.” และคำ เทʹลอส ว่า “จุดอวสาน” แม้ว่าทั้งสองคำมีการแปลกันว่า “อวสาน” ในฉบับแปลอื่น ๆ หลายฉบับ. (มัดธาย 24:3, 13) คำโคʹสโมส ได้รับการแปลว่า “โลก” คำไอโอน ว่า “ระบบแห่งสิ่งต่าง ๆ และโอยโคเมʹเน ว่า “แผ่นดินโลกที่มีผู้คนอาศัยอยู่.” อีกครั้งหนึ่ง ฉบับแปลหลายฉบับใช้เพียงคำ “โลก” เพื่อแปลคำภาษากรีกทั้งสองหรือสามคำนี้ แม้ว่าอันที่จริงแล้วมีความแตกต่างระหว่างคำเหล่านี้ก็ตาม.—มัดธาย 13:38, 39; 24:14.
ในทำนองเดียวกัน ฉบับแปลโลกใหม่ สังเกตอย่างรอบคอบถึงความแตกต่างระหว่างคำกโนʹซิส (“ความรู้”) และคำเอพิʹกโนซิส (ได้รับการแปลว่า “ความรู้ถ่องแท้”)—ความแตกต่างอย่างหนึ่งที่คนอื่นหลายคนมองข้าม. (ฟิลิปปอย 1:9; 3:8) ฉบับแปลนี้ยังได้แยกความหมายระหว่างคำทาʹโฟส (“หลุมฝังศพ” สถานที่ฝังศพแห่งเดียว) และมเนʹมา (“อุโมงค์ฝังศพ”) มเนเมอิʹโอน (“อุโมงค์รำลึก”) และไฮʹเดส (“ฮาเดส” ซึ่งในคัมภีร์ไบเบิลหมายถึงหลุมฝังศพทั่วไปของมนุษยชาติที่ตาย). (มัดธาย 27:60, 61; โยฮัน 5:28; กิจการ 2:29, 31) คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลต่าง ๆ หลายฉบับแยกความหมายระหว่างคำทาʹโฟส และมเนเมอิʹโอน ที่มัดธาย 23:29 แต่ไม่ใช่ทุกแห่งเสมอไป.—โปรดดูมัดธาย 27:60, 61 ฉบับนิว อินเตอร์เนชันแนล ไบเบิล.
กาลต่าง ๆ ของคำกิริยาก็มีการแปลอย่างละเอียดและถูกต้องแม่นยำ. ตัวอย่างเช่น ในฉบับแปลใหม่ ที่ 1 โยฮัน 2:1 อ่านว่า “ถ้าผู้ใดทำบาป เราก็มีผู้ทูลขอพระบิดาเพื่อเรา คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเที่ยงธรรม.” ไม่นานหลังจากนั้น ฉบับแปลเดียวกันแปล 1 โยฮัน 3:6 ว่า: “ผู้ใดที่อยู่ในพระองค์ ผู้นั้นไม่กระทำบาป.” ถ้าผู้ติดตามพระเยซูไม่มีใครทำบาปแล้ว 1 โยฮัน 2:1 นั้นจะหมายความอย่างไร?
คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ แก้ไขสิ่งที่ดูเหมือนขัดแย้งกันนี้. ที่ 1 โยฮัน 2:1 กล่าวว่า: “ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้เพื่อท่านจะไม่กระทำการบาป. และกระนั้น หากผู้ใดกระทำการบาป เราก็มีพระองค์ผู้ช่วยเหลือสถิตกับพระบิดา คือพระเยซูคริสต์ผู้ชอบธรรมนั้น.” โยฮันใช้กาลอาโอริสต์ในข้อนี้ที่ไม่มีกำหนดเวลา เป็นการชี้ถึงการกระทำบาปครั้งหนึ่ง การกระทำซึ่งคนเราทุกคนทำบางครั้งบางคราวเนื่องจากเราเป็นคนไม่สมบูรณ์. แต่ที่ 1 โยฮัน 3:6 อ่านว่า: “ทุกคนที่ยังคงดำรงอยู่ในเอกภาพกับพระองค์ก็ไม่ทำบาปเป็นอาจิณ; คนที่ทำบาปเป็นอาจิณ ก็ไม่ได้เห็นพระองค์ทั้งยังไม่ได้มารู้จักพระองค์.” ในที่นี้โยฮันใช้กาลของกิริยาในรูปปัจจุบันซึ่งชี้ถึงแนวทางของการทำบาปเป็นนิสัย โดยไม่หยุดยั้ง ซึ่งจะทำให้การอ้างตัวเป็นคริสเตียนของคนนั้นเป็นโมฆะ.
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ เห็นพ้องด้วย
คำศัพท์บางคำซึ่งไม่คุ้นเคยที่เขาอ้างว่าได้มีการคิดขึ้นมาโดยพวกพยานพระยะโฮวาได้รับการสนับสนุนโดยคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลอื่น ๆ หรืองานค้นคว้าอ้างอิงต่าง ๆ. ที่ ลูกา 23:43 ฉบับแปลโลกใหม่ บันทึกถ้อยคำของพระเยซูที่ตรัสกับอาชญากรซึ่งถูกประหารพร้อมกับพระองค์ว่า: “แท้จริง เราบอกเจ้าวันนี้, เจ้าจะอยู่กับเราในอุทยาน.” ในต้นฉบับภาษากรีก ไม่มีการใส่เครื่องหมายวรรคตอนอย่างเช่นจุลภาค แต่ตามปกติแล้วมีการใส่เครื่องหมายวรรคตอนบางอย่างลงไปโดยผู้แปลเพื่อช่วยผู้อ่าน. แต่ผู้แปลส่วนมากทำให้ลูกา 23:43 อ่านดูราวกับว่าพระเยซูกับอาชญากรคนนั้นได้ไปยังอุทยานในวันนั้นเลย. ฉบับแปลใหม่ อ่านว่า: “เราบอกความจริงแก่เจ้าว่า: วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม.” แต่ไม่ใช่ทุกคนถ่ายทอดแนวความคิดเช่นนี้. ศาตราจารย์ วิลเฮล์ม มิคาเอลิส แปลข้อนี้ว่า: “แท้จริง, เราให้คำรับรองแก่เจ้าในวันนี้แล้ว: (สักวันหนึ่ง) เจ้าจะอยู่ด้วยกันกับเราในอุทยาน.” การแปลเช่นนี้นับว่าเป็นแบบสมเหตุสมผลกว่าคำแปลของฉบับแปลใหม่. อาชญากรที่กำลังจะตายนั้นไม่อาจไปสู่อุทยานกับพระเยซูในวันเดียวกันนั้นได้. พระเยซูไม่ได้รับการปลุกให้เป็นขึ้นจากตายจนกระทั่งวันที่สามหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์. ในระหว่างเวลานั้นพระองค์อยู่ในฮาเดส หลุมฝังศพทั่ว ๆ ไปของมนุษยชาติ.—กิจการ 2:27, 31; 10:39, 40.
ตามมัดธาย 26:26 ในฉบับแปลโลกใหม่ ในคราวที่ได้ทรงตั้งการฉลองอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น พระเยซูตรัสเกี่ยวกับขนมปังที่พระองค์ทรงส่งให้พวกสาวกว่า: “นี่หมายถึง กายของเรา.” ฉบับแปลอื่น ๆ ส่วนใหญ่แปลข้อนี้ว่า: “นี่เป็น กายของเรา” และข้อนี้ได้ถูกใช้เพื่อสนับสนุนหลักคำสอนที่ว่าในระหว่างการฉลองอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น ขนมปังได้เปลี่ยนเป็นพระมังสะของพระคริสต์จริง. คำที่ได้มีการแปลในฉบับแปลโลกใหม่ ว่า “หมายถึง” (เอสทินʹ, รูปหนึ่งของเออิมิʹ) นั้นมาจากคำภาษากรีกซึ่งมีความหมายว่า “เป็น” แต่คำนี้อาจหมายความว่า “หมายถึง.” ดังนั้น หนังสือกรีก อิงลิช เล็กซิคอน อ็อฟ เดอะ นิว เทสตาเมนต์ ของเทเยอร์กล่าวว่าคำกริยานี้ “มักจะตรงกับคำมีความหมาย, แสดงถึง, มีความหมายว่า, หมายความว่า.” ที่จริงคำว่า “หมายถึง” เป็นการแปลที่สมเหตุผลในที่นี้. คราวที่พระเยซูทรงตั้งการฉลองอาหารมื้อเย็นครั้งสุดท้ายขึ้นนั้น พระมังสะของพระองค์ยังคงอยู่กับกระดูกของพระองค์ ฉะนั้น ขนมปังจะเป็นพระมังสะจริง ๆ ของพระองค์ได้อย่างไร?a
ที่โยฮัน 1:1 ฉบับแปลโลกใหม่ มีความว่า: “พระวาทะนั้นเป็นพระเจ้าองค์หนึ่ง.” ในฉบับแปลหลายฉบับประโยคนี้อ่านเพียงว่า: “พระวาทะนั้นเป็นพระเจ้า” และมีการใช้ข้อนี้เพื่อสนับสนุนหลักคำสอนเรื่องตรีเอกานุภาพ. ไม่น่าประหลาดใจที่พวกที่เชื่อตรีเอกานุภาพไม่ชอบการแปลของฉบับแปลโลกใหม่. แต่โยฮัน 1:1 ไม่ได้ถูกบิดเบือนเพื่อพิสูจน์ว่าพระเยซูไม่ใช่พระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ. พยานพระยะโฮวาเช่นเดียวกันกับผู้อื่นได้คัดค้านการใช้อักษรตัวใหญ่สำหรับคำ “god” [พระเจ้า] มาเป็นเวลานานก่อนการออกฉบับแปลโลกใหม่ ซึ่งมีการพยายามอย่างจริงจังเพื่อแปลภาษาดั้งเดิม. ผู้แปลคัมภีร์ไบเบิลชาวเยอรมันห้าคนก็ใช้คำ “พระเจ้าองค์หนึ่ง” ในข้อนั้นด้วย.b อย่างน้อยที่สุดก็มีฉบับแปลอื่น ๆ 13 ฉบับที่ได้ใช้ถ้อยคำอย่างเช่น “ลักษณะอย่างพระเจ้า” หรือ “เยี่ยงพระเจ้า.” การแปลแบบนี้ลงรอยกับส่วนอื่นของคัมภีร์ไบเบิลเพื่อแสดงว่า ถูกแล้ว พระเยซูเมื่ออยู่ในสวรรค์ เป็นพระเจ้าองค์หนึ่งในความหมายที่ว่าทรงมีลักษณะอย่างพระเจ้า. แต่พระยะโฮวาและพระเยซูไม่ใช่เป็นองค์เดียวกัน หรือเป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน.—โยฮัน 14:28; 20:17.
พระนามเฉพาะของพระเจ้า
ที่ลูกา 4:18 ตามฉบับแปลโลกใหม่ พระเยซูทรงใช้คำพยากรณ์ในยะซายาชี้ถึงพระองค์เองโดยกล่าวว่า: “พระวิญญาณแห่งพระยะโฮวาสถิตบนข้าพเจ้า.” (ยะซายา 61:1, ล.ม.) หลายคนคัดค้านการใช้พระนามยะโฮวาในข้อนี้. แต่นี่เป็นเพียงแห่งเดียวในบรรดาสองร้อยกว่าแห่งซึ่งพระนามนี้ปรากฏในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกฉบับแปลโลกใหม่ ซึ่งเรียกกันว่าฉบับพันธะสัญญาใหม่. จริงอยู่ ไม่มีต้นฉบับดั้งเดิมในภาษากรีกของ “คัมภีร์ไบเบิลภาคพันธะสัญญาใหม่” ซึ่งเหลือรอดมา ที่มีพระนามเฉพาะของพระเจ้าอยู่. แต่พระนามนี้ได้มีการรวมไว้ด้วยในฉบับแปลโลกใหม่ อย่างสมเหตุผลไม่ใช่เพียงด้วยการคิดเอาเอง. และฉบับอื่น ๆ ก็ได้ยึดเอาแนวทางที่คล้ายคลึงกันนี้. เฉพาะแต่ในภาษาเยอรมันภาษาเดียว อย่างน้อยที่สุดก็มีฉบับแปล 11 ฉบับใช้พระนาม “ยะโฮวา” (หรือการแปลเสียงตามตัวอักษรภาษาฮีบรู “ยาห์เวห์”) ในข้อคัมภีร์ของ “ฉบับพันธะสัญญาใหม่” ในขณะที่ฉบับแปลสี่ฉบับใส่พระนามนี้ในวงเล็บข้างหลังคำ “องค์พระผู้เป็นเจ้า.”c ฉบับแปลต่าง ๆ ในภาษาเยอรมันมากกว่า 70 ฉบับใช้พระนามนี้ในเชิงอรรถหรือในคำอธิบายศัพท์.
ในอิสราเอล พระนามของพระเจ้าได้มีการออกเสียงโดยไม่มีข้อจำกัดมาเป็นเวลามากกว่าพันปี. นั่นเป็นพระนามซึ่งปรากฏบ่อยที่สุดในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู (ภาคพันธะสัญญาเดิม) และไม่มีข้อพิสูจน์ที่เชื่อถือได้ว่าพระนามนี้ไม่เป็นที่รู้จักกันต่อสาธารณชนทั่วไปหรือว่าการออกเสียงพระนามนี้ได้ถูกลืมไปแล้วในศตวรรษแรกแห่งสากลศักราชของเรา เมื่อคริสเตียนชาวยิวได้รับการดลใจให้เขียนพระธรรมต่าง ๆ แห่งพระคัมภีร์ “ภาคพันธะสัญญาใหม่.”—รูธ 2:4.
โวลฟ์กัง เฟเนเบอร์ก ให้ความเห็นไว้ในนิตยสารของพวกเยซูอิท เอ็นชลุสส์ อ็อฟเฟน (ฉบับเดือนเมษายน 1985) ว่า: “พระองค์ [พระเยซู] ไม่ได้ทรงเหนี่ยวรั้งพระนาม ยฮวฮ แห่งพระบิดาของพระองค์ไว้จากเรา แต่พระองค์ทรงมอบหมายพระนามนั้นแก่เรา. เป็นเรื่องที่ไม่อาจอธิบายเป็นอย่างอื่นไปได้ถึงเหตุผลที่คำขอประการแรกแห่งคำอธิษฐานขององค์พระผู้เป็นเจ้าอ่านว่า: ‘ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์!’” เฟเนเบอร์กให้ข้อสังเกตต่อไปว่า “ในต้นฉบับก่อนสมัยคริสเตียนสำหรับคนยิวที่พูดภาษากรีก พระนามของพระเจ้าไม่ได้มีการถอดความด้วยคำคืริออส [องค์พระผู้เป็นเจ้า] แต่มีการเขียนในรูปอักษรสี่ตัวในภาษาฮีบรู [ยฮวฮ] หรือตัวหนังสือภาษาฮีบรูโบราณ. . . . เราพบการรวบรวมพระนามนี้ขึ้นใหม่ในงานเขียนต่าง ๆ ของพวกบาทหลวง แต่พวกเขาไม่สนใจพระนามนั้น. โดยการแปลพระนามนี้ว่าคืริออส (องค์พระผู้เป็นเจ้า) พวกบาทหลวงสนใจมากกว่าในการถือว่าความสูงส่งแห่งคำคืริออส นี้เป็นของพระคริสต์.” ฉบับแปลโลกใหม่ ใส่พระนามนี้คืนไว้ในข้อความของคัมภีร์ไบเบิลในที่ซึ่งมีเหตุผลถูกต้องตามหลักวิชาการที่จะทำเช่นนั้น.—โปรดดูภาคผนวก 1D ในคัมภีร์ไบเบิลฉบับมีข้ออ้างอิง.
บางคนวิพากษ์วิจารณ์คำ “ยะโฮวา” ซึ่งฉบับแปลโลกใหม่ ใช้แปลพระนามของพระเจ้า. ในต้นฉบับภาษาฮีบรู พระนามนี้ปรากฏเพียงพยัญชนะสี่ตัว ยฮวฮ และหลายคนยืนยันว่าการออกเสียงที่ถูกต้องคือ “ยาห์เวห์” ไม่ใช่ “ยะโฮวา.” ดังนั้น พวกเขาจึงถือว่าการใช้พระนาม “ยะโฮวา” นั้นผิด. แต่ ในความเป็นจริง พวกผู้เชี่ยวชาญไม่เห็นพ้องด้วยเลยว่าคำ “ยาห์เวห์” แสดงถึงการออกเสียงดั้งเดิม. ความจริงก็คือว่าในขณะที่พระเจ้าทรงดูแลรักษาไว้ซึ่งการสะกดพระนามของพระองค์ “ยฮวฮ” มากกว่า 6,000 ครั้งในคัมภีร์ไบเบิล พระองค์ไม่ได้ทรงป้องกันรักษาวิธีการออกเสียงพระนามนี้ซึ่งโมเซได้ยินบนภูเขาซีนาย. (เอ็กโซโด 20:2) ฉะนั้น การออกเสียงจึงไม่ใช่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในขณะนี้.
ในยุโรป คำ “ยะโฮวา” มีการยอมรับกันอย่างกว้างขวางมาเป็นเวลาหลายร้อยปีและมีการใช้ในคัมภีร์ไบเบิลหลายฉบับแปล รวมทั้งฉบับแปลของชาวยิวด้วย. พระนามนี้ปรากฏอยู่นับไม่ถ้วนบนสิ่งปลูกสร้าง, บนเงินเหรียญ และสิ่งอื่น ๆ และงานพิมพ์ต่าง ๆ เช่นเดียวกับในเพลงร้องสรรเสริญของคริสต์จักรหลายบท. ดังนั้น แทนที่จะพยายามแสดงถึงการออกเสียงภาษาฮีบรูดั้งเดิม ฉบับแปลโลกใหม่ ที่มีการพิมพ์ออกในภาษาต่าง ๆ นั้นใช้รูปคำของพระนามของพระเจ้าที่มีการยอมรับกันอย่างกว้างขวาง. นี่ก็ตรงกับสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลอื่น ๆ ทำกับชื่ออื่น ๆ ในคัมภีร์ไบเบิล.
ทำไมจึงมีการตำหนิวิจารณ์อย่างรุนแรง
คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลของลูเทอร์ถูกตำหนิวิจารณ์เนื่องจากฉบับแปลนี้ได้มีการผลิตขึ้นโดยคน ๆ หนึ่งซึ่งได้เปิดโปงข้อบกพร่องต่าง ๆ ของศาสนาตามจารีตประเพณีในสมัยของเขา. การแปลของเขาได้เปิดช่องให้สามัญชนได้เห็นความถูกต้องแท้จริงของหลายสิ่งที่เขาได้กล่าวไว้. ในทำนองเดียวกัน ฉบับแปลโลกใหม่ ก็ถูกตำหนิวิจารณ์เนื่องจากฉบับแปลนี้ได้รับการจัดพิมพ์ขึ้นโดยพยานพระยะโฮวา ซึ่งประกาศอย่างตรงไปตรงมาว่าหลักคำสอนมากมายของคริสต์ศาสนจักรไม่มีในคัมภีร์ไบเบิล.—อันที่จริง คัมภีร์ไบเบิล ไม่ว่าฉบับแปลโลกใหม่ หรือฉบับแปลใด—ต่างก็แสดงให้เห็นถึงเรื่องนี้.
ที่จริง คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ เป็นผลงานชิ้นหนึ่งจากการค้นคว้าทางวิชาการ. ในปี 1989 ศาสตราจารย์ เบ็นจามิน เคดาร์ แห่งอิสราเอล กล่าวว่า: “ในการค้นคว้าของข้าพเจ้าทางนิรุกติศาสตร์เกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลภาษาฮีบรูและการแปล ข้าพเจ้ามักอ้างถึงฉบับภาษาอังกฤษซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าฉบับแปลโลกใหม่. ในการทำเช่นนั้น ข้าพเจ้าได้พบครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ผลงานชิ้นนี้สะท้อนให้เห็นความพยายามอย่างจริงจังในการบรรลุความเข้าใจอันถูกต้องแม่นยำเท่าที่จะเป็นไปได้ในข้อความนั้น ๆ. โดยให้พยานหลักฐานเกี่ยวกับความเข้าใจอย่างกว้างขวางของภาษาดั้งเดิม ฉบับแปลโลกใหม่ แสดงหลักฐานถึงความรู้อย่างกว้างขวางในภาษาเดิมและแปลถ้อยคำเดิมเป็นอีกภาษาหนึ่งอย่างที่เข้าใจได้โดยไม่เปลี่ยนแปรอย่างไม่จำเป็นจากโครงสร้างโดยเฉพาะของภาษาฮีบรู. . . . คำกล่าวในภาษาใด ๆ จะตีความหรือแปลได้ต่าง ๆ กัน. ดังนั้น วิธีแก้ไขปัญหาทางภาษาไม่ว่าในกรณีใด ๆ จึงอาจเปิดช่องให้มีการถกเถียงกัน. แต่ในฉบับแปลโลกใหม่ ข้าพเจ้าไม่เคยสังเกตเห็นเลยถึงเจตนาที่ลำเอียงใด ๆ ที่จะยัดเยียดบางสิ่งเข้าไว้ที่ไม่มีอยู่ในต้นฉบับ.”
ผู้อ่านคัมภีร์ไบเบิลทั่วโลกหลายล้านคนใช้ฉบับแปลโลกใหม่ เพราะว่าฉบับแปลนี้เป็นฉบับแปลที่ใช้ภาษาทันสมัยซึ่งมีการแปลคำศัพท์ต่าง ๆ อย่างถูกต้องแม่นยำ. ปัจจุบันนี้มีคัมภีร์ไบเบิลครบชุดไว้พร้อมใน 9 ภาษา และเฉพาะพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกอีกสองภาษา มีการเตรียมการเพื่อจะมีอีก 20 ภาษา. การแปลอย่างถูกต้องแม่นยำนั้นเป็นงานที่จำเป็นต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะเป็นเวลานานหลายปีทีเดียว แต่เราก็คอยท่าที่จะมีคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ ในภาษาต่าง ๆ ทุกภาษาในที่สุดเพื่อว่าฉบับแปลนี้ในภาษาต่าง ๆ จะช่วยอีกหลาย ๆ คนให้ได้ความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับ “พระคำแห่งชีวิต.” (ฟิลิปปอย 2:16) เนื่องจากฉบับแปลนี้ได้ช่วยหลายล้านคนให้ทำเช่นนั้นมาแล้ว ฉบับแปลนี้จึงมีค่าอย่างแท้จริงควรแก่การแนะนำแก่คนอื่น ๆ.
[เชิงอรรถ]
a ที่วิวรณ์ 1:20 คูร์ท สตาเก ผู้แปลชาวเยอรมันได้แปลคำกริยาคำเดียวกันนั้นดังต่อไปนี้: “เชิงตะเกียงเจ็ดอันนั้นหมายถึง [เออิซินʹ] ประชาคมทั้งเจ็ด.” ฟริทซ์ ทิลมันน์ กับ ลุดวิก ทิมเม แปลคำนั้นคล้ายกันว่า “หมายถึง” [เอสตินʹ] ที่มัดธาย 12:7.
b ยืร์เก็น เบคเกอร์, เยเรมิอัส เฟลบิงเกอร์, ออสคาร์ ฮอลซ์มันน์, ฟรีดริค ริทเท็ลไมเยอร์ และ ซีกฟรีด ชูลซ์. เอมิล บ็อค กล่าวว่า “ผู้หนึ่งที่มีลักษณะอย่างพระเจ้า.” โปรดดูฉบับแปลต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษด้วยเช่น ฉบับแปลเดอะ ทูเดย์ อิงลิช เวอร์ชัน, นิว อิงลิช ไบเบิล, ม็อฟฟัทท์, กูดสปีด.
c โยฮันน์ บาเบอร์, คาร์ล เอฟ. บาร์ดท, เปทรุส ดาวช์, วิลเฮล์ม เอม. เอล. เดอ เวทเท, เกออร์ก เอฟ. กรีซิงเกอร์, ไฮน์ริช เอ. ดับเบิลยู. ไมเยอร์, ฟรีดริค มืนเทอร์, เซบาสเตียน มุทส์เชิล, โยฮันน์ ซี. เอฟ. ชูลซ์, โยฮันน์ เจ. สตอลซ์, และ โดมินิคุส โวน เบร็นตาโน. ออกุสท์ แดคเซิล, ฟรีดริค ฮาวค์, โยฮันน์ พี. ลังเก, และลุดวิก ไรนฮาร์ดท มีพระนามนี้ในวงเล็บ.
[จุดเด่นหน้า 30]
เดี๋ยวนี้คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ ครบชุดมีในภาษา เดนมาร์ก, ดัช, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, ญี่ปุ่น, โปรตุเกส, และสเปน.
[กรอบหน้า 31]
ฉบับแปลซึ่งแนะนำตัวเอง
พยานพระยะโฮวาคนหนึ่งในเยอรมนีได้สนทนากับสตรีสูงอายุคนหนึ่งซึ่งเธอได้อ่านพระธรรมฮะบาฆูค 1:12 ให้ฟังว่า: “พระองค์ไม่ได้ทรงดำรงอยู่แต่เบื้องบรรพ์หรอกหรือ โอ พระยะโฮวา โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า องค์บริสุทธิ์ของข้าพเจ้า พระองค์หาได้สิ้นพระชนม์ไม่.” สุภาพสตรีคนนั้นคัดค้านเนื่องจากคัมภีร์ไบเบิลของเธอมีกล่าวว่า “ขออย่าให้เราทั้งหลายตาย.” พยานฯคนนั้นชี้ให้เธอเห็นว่าฉบับแปลโลกใหม่ ยึดอยู่กับต้นฉบับดั้งเดิมอย่างใกล้ชิด. เนื่องจากสตรีสูงอายุคนนี้พูดภาษาฮีบรู เธอจึงหยิบเอาคัมภีร์ไบเบิลภาษาฮีบรูของเธอมาและก็ด้วยความประหลาดใจเธอพบว่าที่ฉบับแปลโลกใหม่ ถูกต้อง. พวกโซฟีริม (พวกอาลักษณ์ชาวยิว) ได้เปลี่ยนข้อความข้อนี้มานานแล้วเพราะพวกเขาคิดว่าข้อความเดิมนั้นแสดงถึงความไม่เคารพนับถือต่อพระเจ้า. ด้วยข้อยกเว้นบางอย่าง คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลในภาษาเยอรมันไม่ได้ทำการปรับปรุงใด ๆ เพื่อแก้ไขการเปลี่ยนแปลงในการคัดลอกนี้. ฉบับแปลโลกใหม่ ได้นำข้อความเดิมมาใช้อีก.