ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ห94 1/12 น. 20-24
  • วิถีชีวิตที่มีจุดมุ่งหมาย

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • วิถีชีวิตที่มีจุดมุ่งหมาย
  • หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1994
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • งาน​มอบหมาย​ตลอด​ชีพ
  • กีฬา​กลาย​เป็น​วิถี​ชีวิต
  • จุด​มุ่ง​หมาย​ที่​แตกต่าง​ไป​จาก​กีฬา
  • ลง​มือ​ปฏิบัติ​ตาม​ที่​ตั้งใจ
  • งาน​รับใช้​ที่​สาขา
  • ดำเนิน​ต่อ​ไป​ใน​วิถี​ชีวิต​ที่​มี​จุด​มุ่ง​หมาย
  • งานรับใช้ที่เบเธล—จำเป็นต้องมีอาสาสมัครเพิ่ม
    พระราชกิจของเรา 1995
  • นี่อาจเป็นงานประจำชีพที่ดีที่สุดสำหรับคุณไหม?
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 2001
  • คุณจะทำตัวให้พร้อมได้ไหม?
    พระราชกิจของเรา 2001
  • เชิญทุกคน!
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 2010
ดูเพิ่มเติม
หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1994
ห94 1/12 น. 20-24

วิถี​ชีวิต​ที่​มี​จุด​มุ่ง​หมาย

เล่า​โดย เมลวา เอ. วีแลนด์

ใน​เดือน​มีนาคม 1940 ไม่​กี่​เดือน​หลัง​จาก​ที่​ดิฉัน​รับ​บัพติสมา​ฟิลลิส​น้อง​สาว​ของ​ดิฉัน​ก็​มา​หา และ​ถาม​ว่า“ทำไม​พี่​ไม่​เป็น​ไพโอเนียร์?” “ไพโอเนียร์​หรือ?” ดิฉัน​ถาม. “น้อง​หมาย​ถึง​ประกาศ​เต็ม​เวลา​เกือบ​ทุก​วัน​นะ​หรือ?”

‘ฉัน​จะ​เป็น​ไพโอเนียร์​ได้​อย่าง​ไร’ ดิฉัน​คิด ‘ความ​รู้​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​มี​จำกัด แถม​เงิน​ฝาก​ใน​ธนาคาร​ก็​ยิ่ง​มี​จำกัด​เข้า​ไป​ใหญ่?’ ถึง​กระนั้น คำ​ถาม​ของ​ฟิลลิส​ทำ​ให้​ดิฉัน​เริ่ม​คิด. ดิฉัน​อธิษฐาน​มาก​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​นี้​ด้วย.

ใน​ที่​สุด ดิฉัน​หา​เหตุ​ผล​ว่า ‘ทำไม​ฉัน​จะ​วางใจ​พระเจ้า​ไม่​ได้​ใน​เมื่อ​พระองค์​ทรง​สัญญา​ว่า​จะ​ดู​แล​เรา​หาก​เรา​แสวง​หา​ราชอาณาจักร​ของ​พระองค์​ก่อน?’ (มัดธาย 6:33) ดัง​นั้น ใน​เดือน​มิถุนายน 1940 ดิฉัน​จึง​แจ้ง​ล่วง​หน้า​ว่า​จะ​ลา​ออก​จาก​งาน​เย็บ​เสื้อ. จาก​นั้น ดิฉัน​ก็​เขียน​จดหมาย​ถึง​สำนักงาน​สาขา​ของ​สมาคม​ว็อชเทาเวอร์​ใน​ออสเตรเลีย ขอ​งาน​มอบหมาย​สำหรับ​ไพโอเนียร์.

งาน​มอบหมาย​ตลอด​ชีพ

สอง​สาม​สัปดาห์​ต่อ​มา ดิฉัน​ได้​รับ​คำ​ตอบ แจ้ง​ว่า​ดิฉัน​จะ​ได้​รับ​งาน​มอบหมาย​หลัง​จาก​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่ ซึ่ง​จะ​จัด​ขึ้น​ใน​บริเวณ​สำนักงาน​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​สแตรทฟีลด์ ชาน​เมือง​ซิดนีย์ เมือง​ที่​ใหญ่​ที่​สุด​ใน​ออสเตรเลีย. เช้า​วัน​รุ่ง​ขึ้น​หลัง​จาก​การ​ประชุม​ใหญ่ ดิฉัน​มา​รายงาน​ตัว​ที่​สำนักงาน เพื่อ​รับ​งาน​มอบหมาย.

คน​ที่​อยู่​ใน​สำนักงาน​ชี้​แจง​ว่า “เรา​มี​งาน​มาก​ที่​แผนก​ซัก​รีด​ตอน​นี้. คุณ​จะ​อยู่​ช่วย​สัก​สอง​สาม​สัปดาห์​ได้​ไหม?” ตอน​นั้น​เป็น​เดือน​สิงหาคม 1940—และ​ตอน​นี้​ดิฉัน​ก็​ยัง​คง​ทำ​งาน​ใน​แผนก​ซัก​รีด​อยู่! เวลา​นั้น​มี​เพียง 35 คน​ใน​ครอบครัว​ที่​สำนักงาน​ใหญ่ เวลา​นี้​มี​ถึง 276 คน.

แต่​คุณ​อาจ​นึก​สงสัย​ว่า เหตุ​ใด​ดิฉัน​จึง​ถือ​ว่า​การ​ทำ​งาน​ใน​แผนก​ซัก​รีด​เป็น “วิถี​ชีวิต​ที่​มี​จุด​มุ่ง​หมาย” โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​เนื่อง​จาก​นี่​เป็น​งาน​ที่​ดิฉัน​ทำ​มา 50 กว่า​ปี​แล้ว​ตอน​นี้. ก่อน​ที่​จะ​อธิบาย ขอ​ดิฉัน​เล่า​ถึง​อาชีพ​การ​งาน​ของ​ดิฉัน​ใน​ช่วง​แรก ๆ.

กีฬา​กลาย​เป็น​วิถี​ชีวิต

ดิฉัน​เกิด​ใน​เมลเบิร์น​เมื่อ​วัน​ที่ 1 มกราคม 1914 เป็น​ลูก​คน​แรก​ใน​จำนวน​ห้า​คน. เรา​มี​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​ที่​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก ซึ่ง​ดำเนิน​ชีวิต​ตาม​หลักการ​อัน​สูง​ส่ง และ​ตีสอน​เมื่อ​จำเป็น. เรา​ยัง​ได้​รับ​การ​เลี้ยง​ดู​ชนิด​ที่​ไม่​ค่อย​จะ​มี​กฎเกณฑ์​แน่นอน​ทาง​ศาสนา เพราะ​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​ไม่​ได้​ไป​โบสถ์​เป็น​ประจำ. ถึง​กระนั้น ท่าน​ยืนกราน​ว่า พวก​เรา​ลูก ๆ ต้อง​เรียน​ใน​โรง​เรียน​รวีวารศึกษา​ของ​คริสตจักร​แห่ง​อังกฤษ.

ตอน​ที่​ดิฉัน​ออก​โรง​เรียน​ใน​ปี 1928 และ​เริ่ม​ทำ​งาน​เป็น​ช่าง​เย็บ​เสื้อ ดิฉัน​ตัดสิน​ใจ​ใช้​เวลา​ว่าง​ส่วน​ใหญ่​เล่น​กีฬา ด้วย​เชื่อ​ว่า​การ​ทำ​เช่น​นี้​อาจ​ช่วย​ให้​ดิฉัน​เอา​ชนะ​ความ​ขี้อาย​ได้. ดิฉัน​เข้า​ร่วม​สโมสร​เทนนิส และ​เล่น​ตลอด​ปี. ใน​ช่วง​ฤดู​หนาว ดิฉัน​ก็​เล่น​บาสเกตบอล​และ​เบส​บอล​ด้วย และ​ใน​ช่วง​ฤดู​ร้อน​ดิฉัน​เล่น​ใน​ทีม​คริกเก็ต​หญิง. คริกเก็ต​กลาย​เป็น​สิ่ง​ที่​ดิฉัน​ชื่น​ชอบ​จริง ๆ และ​ดิฉัน​เพียร​พยายาม​ฝึก​หัด​ให้​ชำนาญ​ใน​การ​ขว้าง​ลูก​เร็ว เพื่อ​จะ​มี​คุณสมบัติ​ลง​แข่ง​ระหว่าง​รัฐ.

จุด​มุ่ง​หมาย​ที่​แตกต่าง​ไป​จาก​กีฬา

ตอน​เป็น​เด็ก ดิฉัน​ไม่​สบาย​ใจ​เรื่อง​คำ​สอน​ที่​ว่า พระเจ้า​แห่ง​ความ​รัก​มี​สถาน​ที่​ที่​เรียก​ว่า​นรก ซึ่ง​คน​ทำ​ชั่ว​จะ​ถูก​ทรมาน​ตลอด​ไป. นี่​เป็น​เรื่อง​ที่​ไม่​มี​เหตุ​ผล​เลย​สำหรับ​ดิฉัน. ดัง​นั้น ลอง​คิด​ดู​ซิ​ว่า ดิฉัน​ดีใจ​สัก​เพียง​ไร​เมื่อ​ได้​เรียน​รู้​ความ​หมาย​ที่​แท้​จริง​ของ “นรก” อย่าง​ไม่​คาด​คิด​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล. เรื่อง​เป็น​อย่าง​นี้:

ฟิลลิส​น้อง​สาว ซึ่ง​อ่อน​กว่า​ดิฉัน​ห้า​ปี ชอบ​เล่น​กีฬา​ด้วย​เช่น​กัน และ​เรา​อยู่​ใน​ทีม​คริกเก็ต​หญิง​ทีม​เดียว​กัน. ใน​ปี 1936 เพื่อน​ร่วม​ทีม​คน​หนึ่ง​แนะ​นำ​ฟิลลิส​ให้​รู้​จัก​กับ​ชาย​หนุ่ม​ชื่อ​จิม ซึ่ง​เป็น​ที่​รู้​กัน​ว่า​เคร่ง​ศาสนา​มาก. ไม่​ช้า จิม​ก็​เริ่ม​พูด​กับ​ฟิลลิส​เรื่อง​คำ​สอน​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. เธอ​เกิด​ความ​สนใจ. เธอ​จะ​บอก​ดิฉัน​ว่า “มัน​สม​เหตุ​สม​ผล​และ​มี​หลัก​มี​เกณฑ์​เหลือ​เกิน.”

เวลา​นั้น ฟิลลิส​และ​ดิฉัน​อยู่​ห้อง​เดียว​กัน​ที่​บ้าน และ​เธอ​พยายาม​จะ​ทำ​ให้​ดิฉัน​สนใจ​สิ่ง​ที่​จิม​บอก​เธอ​เกี่ยว​กับ​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า. เธอ​บอก​ดิฉัน​อย่าง​ตื่นเต้น​ว่า “ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​จะ​ทำ​สิ่ง​ที่​รัฐบาล​ของ​มนุษย์​ทำ​ไม่​ได้.” อย่าง​ไร​ก็​ตาม ดิฉัน​โต้​แย้ง​เธอ โดย​บอก​ว่า นี่​ก็​เป็น​อีก​ศาสนา​หนึ่ง​เท่า​นั้น​ที่​จะ​ทำ​ให้​เรา​สับสน และ​ไม่​มี​ใคร​รู้​จริง ๆ หรอก​เกี่ยว​กับ​อนาคต. แต่​ฟิลลิส​ไม่​ละ​ความ​พยายาม และ​วาง​สรรพหนังสือ​ไว้​ทั่ว​ห้อง หวัง​ว่า​ดิฉัน​อาจ​จะ​อ่าน.

ดิฉัน​อยาก​รู้​ว่า เหตุ​ใด​ฟิลลิส​จึง​กระตือรือร้น​นัก​เกี่ยว​กับ​ความ​เชื่อ​ใหม่​นี้ ดัง​นั้น วัน​หนึ่ง​ดิฉัน​จึง​หยิบ​หนังสือ​เล่ม​เล็ก​ขึ้น​มา​เล่ม​หนึ่ง ซึ่ง​มี​ชื่อ​ที่​น่า​สนใจ​ว่า​โลก​หน้า. เมื่อ​ดิฉัน​พลิก​หน้าต่าง ๆ และ​เห็น​คำ​ว่า “นรก” ดิฉัน ‘หู​ผึ่ง.’ สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​ดิฉัน​ประหลาด​ใจ​ก็​คือ ดิฉัน​ได้​เรียน​รู้​ว่า คำ “นรก” ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​แท้​แล้ว​หมาย​ถึง​หลุม​ฝัง​ศพ​ทั่ว​ไป​ของ​มนุษยชาติ และ​ทั้ง​คน​ดี​และ​คน​เลว​ไป​ที่​นั่น. ดิฉัน​ยัง​เรียน​รู้​ว่า นรก​ไม่​ใช่​สถาน​ที่​ทรมาน คน​ตาย​แล้ว​ก็​ไม่​รู้​อะไร​และ​ไม่​มี​ความ​รู้สึก.—ท่าน​ผู้​ประกาศ 9:5, 10; บทเพลง​สรรเสริญ 146:3, 4.

สิ่ง​นี้​ฟัง​ดู​มี​เหตุ​ผล​สำหรับ​ดิฉัน โดย​เฉพาะ​เมื่อ​หนังสือ​เล่ม​เล็ก​นั้น​อธิบาย​ว่า พระเจ้า​องค์​ทรง​ฤทธิ์​และ​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก​ทรง​สัญญา​ว่า​จะ​นำ​คน​ตาย​กลับ​คืน​มา​ด้วย​การ​อัศจรรย์​ที่​เรียก​ว่า​การ​ปลุก​ให้​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย. (โยฮัน 5:28, 29) ตอน​นี้ ดิฉัน​ยัง​อยาก​ค้นคว้า​มาก​ขึ้น​ด้วย​เกี่ยวกับ​สิ่ง​ที่​จิม​บอก​ฟิลลิส. ดิฉัน​พบ​พระ​คัมภีร์​ฉบับ​คิง เจมส์ เล่ม​เล็ก ๆ ที่​คุณ​พ่อ​ให้​ดิฉัน​ตอน​เป็น​เด็ก และ​เปิด​หา​ข้อ​คัมภีร์​ที่​ยก​มา​ลง​ใน​หนังสือ​เล่ม​เล็ก​นั้น ซึ่ง​ยืน​ยัน​สิ่ง​ที่​กล่าว​เกี่ยว​กับ​นรก​และ​สภาพ​ของ​คน​ตาย.

อีก​สิ่ง​หนึ่ง​ที่​ยัง​ความ​ประหลาด​ใจ​จน​ตื่น​ตะลึง​ให้​แก่​ดิฉัน​ก็​คือ​การ​ที่​ได้​ทราบ​ว่า พระเจ้า​มี​พระ​นาม​ของ​พระองค์​เอง คือ​ยะโฮวา. (บทเพลง​สรรเสริญ 83:18) ดิฉัน​ยัง​ได้​รู้​อีก​ด้วย​ว่า พระเจ้า​ทรง​มี​จุด​มุ่ง​หมาย​หรือ​เหตุ​ผล​สำหรับ​ทุก​สิ่ง​ที่​พระองค์​ทำ​หรือ​ที่​พระองค์​ยอม​ให้​เกิด​ขึ้น. สิ่ง​นี้​ทำ​ให้​ดิฉัน​ถาม​ตัว​เอง​ว่า ‘จริง ๆ แล้ว อะไร​คือ​จุด​มุ่ง​หมาย​ของ​ดิฉัน ใน​ชีวิต?’ ตั้ง​แต่​นั้น​มา ดิฉัน​เริ่ม​สงสัย​ว่า​จะ​เป็น​ประโยชน์​ต่อ​ตน​เอง​อย่าง​แท้​จริง​หรือ​ไม่​ที่​เอา​จริง​เอา​จัง​ทาง​กีฬา—จน​แทบ​จะ​ไม่​สนใจ​สิ่ง​อื่น​เลย.

ลง​มือ​ปฏิบัติ​ตาม​ที่​ตั้งใจ

จิม​และ​ฟิลลิส​ไม่​รู้​เลย​ว่า ทัศนะ​ที่​ดิฉัน​มี​ต่อ​ชีวิต​ได้​เปลี่ยน​ไป​อย่าง​ไร แต่​เขา​ทั้ง​สอง​ทราบ​เมื่อ​ครอบครัว​ของ​เรา​ได้​รับ​เชิญ​ไป​ยัง​งาน​เลี้ยง​ของ​เพื่อน. สมัย​นั้น ใน​งาน​เลี้ยง​เช่น​นั้น​ทุก​คน​ที่​ไป​ใน​งาน​จะ​ยืน​ขึ้น และ​จะ​มี​คน​หนึ่ง​เสนอ​จะ​ดื่ม​ถวาย​พระ​พร​แด่​กษัตริย์​แห่ง​อังกฤษ แล้ว​ทุก​คน​จะ​ยก​แก้ว​ของ​ตน​ขึ้น​ดื่ม. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ดิฉัน​ตัดสิน​ใจ​ที่​จะ​ยัง​คง​นั่ง​อยู่​เช่น​เดียว​กับ​จิม​และ​ฟิลลิส. เขา​ทั้ง​สอง​ไม่​อาจ​เชื่อ​สายตา​ตน​เอง​เมื่อ​เห็น​ดิฉัน​ยัง​คง​นั่ง​อยู่! แน่นอน เรา​ไม่​มี​เจตนา​ที่​จะ​ไม่​เคารพ แต่​ใน​ฐานะ​คริสเตียน เรา​รู้สึก​ว่า เรา​ควร​วาง​ตัว​เป็น​กลาง​และ​ไม่​เข้า​ส่วน​ใน​การ​ฉลอง​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ลัทธิ​ชาติ​นิยม​เช่น​นั้น.—โยฮัน 17:16.

ถึง​กระนั้น คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​และ​คน​อื่น ๆ ใน​ครอบครัว​ตกตะลึง. พวก​เขา​กล่าว​ว่า เรา​ไม่​จงรักภักดี หรือ​ไม่​ก็​เสีย​สติ—หรือ​ทั้ง​สอง​อย่าง! หลัง​จาก​นั้น เมื่อ​ฟิลลิส​และ​ดิฉัน​ไป​ร่วม​ใน​พิธี​มอบ​รางวัล​ประจำ​ปี​แก่​ทีม​คริกเก็ต​หญิง สิ่ง​ที่​คล้าย​กัน​ก็​เกิด​ขึ้น​ระหว่าง​พิธี​ซึ่ง​แสดง​ถึง​ลัทธิ​ชาติ​นิยม. ผล​ก็​คือ​เรา​ทั้ง​สอง​ลา​ออก​จาก​ทีม. การ​ทำ​เช่น​นี้​ไม่​ยาก​อย่าง​ที่​ดิฉัน​คิด เนื่อง​จาก​ดิฉัน​ได้​มา​ตระหนัก​ว่า ดิฉัน​ควร​สวามิภักดิ์​และ​จงรักภักดี​ต่อ​พระ​เยซู​คริสต์ กษัตริย์​แห่ง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​ทาง​ภาค​สวรรค์.

ตอน​นี้​ฟิลลิส​ชี้​ให้​เห็น​ว่า ดิฉัน​จำ​ต้อง​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ประจำ เพื่อ​เสริม​สร้าง​ความ​เชื่อ​โดย​มี​ความ​รู้​คัมภีร์​ไบเบิล​มาก​ขึ้น. เวลา​นั้น​มี​เพียง​ประชาคม​เดียว​ใน​กรุง​เมลเบิร์น ดัง​นั้น ดิฉัน​จึง​เริ่ม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ที่​นั่น​ทุก​บ่าย​วัน​อาทิตย์. ไม่​ช้า​ดิฉัน​ก็​มั่น​ใจ​ว่า นี่​คือ​องค์การ​ที่​แท้​จริง​ของ​พระเจ้า​ทาง​แผ่นดิน​โลก.

ไม่​นาน​ดิฉัน​ก็​ได้​รับ​เชิญ​ให้​ร่วม​ใน​กิจการ​งาน​ประกาศ​ตาม​บ้าน​ของ​ประชาคม. ตอน​แรก​ดิฉัน​รู้สึก​ลังเล แต่​เช้า​วัน​อาทิตย์​วัน​หนึ่ง​ดิฉัน​ตัดสิน​ใจ​ตาม​ไป​ด้วย เพียง​เพื่อ​ดู​ว่า​ทำ​กัน​อย่าง​ไร. ดิฉัน​ดีใจ​เมื่อ​ถูก​มอบหมาย​ให้​ไป​กับ​พยาน​ฯ​คน​หนึ่ง​ที่​มี​ประสบการณ์ ซึ่ง​พูด​ด้วย​ความ​เชื่อ​มั่น​ที่​บ้าน​แรก และ​มี​การ​ตอบรับ​เป็น​อย่าง​ดี​จาก​เจ้าของ​บ้าน. ดิฉัน​รำพึง​กับ​ตน​เอง​ว่า ‘ก็​ไม่​ยาก​เท่า​ไร แต่​ฉัน​ต้อง​ฝึก​มาก ๆ ก่อน​ที่​จะ​ทำ​ได้​ดี​อย่าง​นั้น.’ ดัง​นั้น​ลอง​คิด​ดู​ซิ​ว่า ดิฉัน​จะ​ตกตะลึง​เพียง​ใด​เมื่อ​พยาน​ฯ​คน​นั้น​บอก​ดิฉัน​หลัง​จาก​บ้าน​แรก​ว่า “ที​นี้​คุณ​ก็​ไป​เอง​ได้.”

“ไป​เอง?” ดิฉัน​ถาม​ด้วย​ความ​ตกตะลึง! “อย่า​ล้อ​เล่น​น่ะ! ดิฉัน​จะ​พูด​อย่าง​ไร​ถ้า​มี​คน​ถาม​และ​ดิฉัน​ไม่​รู้​คำ​ตอบ?” แต่​คู่​ของ​ดิฉัน​ยัง​คง​ยืนกราน​เช่น​เดิม. ดัง​นั้น ด้วย​ความ​กลัว​จน​ตัว​สั่น ดิฉัน​จึง​ไป​เอง​ขณะ​ที่​เธอ​ให้​คำ​พยาน​ต่อ​ไป​กับ​ผู้​คน​ทาง​อีก​ฟาก​หนึ่ง​ของ​ถนน. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ดิฉัน​รอด​ชีวิต​มา​ได้​ใน​เช้า​วัน​แรก​นั้น.

จาก​นั้น​ดิฉัน​ก็​เริ่ม​เข้า​ร่วม​ใน​งาน​ประกาศ​ทุก​เช้า​วัน​อาทิตย์. เมื่อ​ไป​ตาม​บ้าน​และ​ใคร​มี​คำ​ถาม​ซึ่ง​ดิฉัน​ตอบ​ไม่​ได้ ดิฉัน​จะ​บอก​ว่า “ดิฉัน​จะ​ไป​ค้น​ดู​และ​จะ​กลับ​มา​หา​คุณ.” น่า​ดีใจ พระ​ยะโฮวา​ทรง​ให้​กำลัง​และ​ความ​กล้า​แก่​ดิฉัน​เรื่อย​มา​เพื่อ​ดำเนิน​ต่อ ๆ ไป​ใน​วิถี​ชีวิต​ใหม่​ของ​ดิฉัน​ซึ่ง​มี​จุด​มุ่ง​หมาย. ดิฉัน​อุทิศ​ชีวิต​แด่​พระองค์ และ​ใน​เดือน​ตุลาคม 1939 ดิฉัน​รับ​บัพติสมา​ที่​สระ​ว่าย​น้ำ​ของ​กรุง​เมลเบิร์น. ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น ฟิลลิส​ซึ่ง​เวลา​นั้น​แต่งงาน​กับ​จิม​แล้ว​ถาม​ว่า เหตุ​ใด​ดิฉัน​จึง​ไม่​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์.

งาน​รับใช้​ที่​สาขา

ใน​เดือน​มกราคม 1941 ไม่​นาน​หลัง​จาก​ที่​ดิฉัน​เริ่ม​ทำ​งาน​ที่​เบเธล ซึ่ง​เป็น​ชื่อ​ที่​เรา​เรียก​สำนักงาน​สาขา ก็​มี​การ​สั่ง​ห้าม​งาน​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ออสเตรเลีย. จาก​นั้น ทหาร​ก็​เข้า​ยึด​บ้าน​เบเธล​ของ​เรา​ใน​สแตรทฟีลด์ และ​ดิฉัน​ถูก​ส่ง​ไป​ที่​ฟาร์ม​ของ​สมาคม​ฯ​ใน​เมือง​อิงเกิลเบิร์น ซึ่ง​ห่าง​จาก​ตัว​เมือง​ประมาณ 48 กิโลเมตร. ใน​เดือน​มิถุนายน 1943 ศาล​ยก​ฟ้อง​สมาคม​ว็อชเทาเวอร์ และ​ยก​เลิก​การ​สั่ง​ห้าม. ก่อน​ปี​นั้น​จะ​สิ้น​สุด​ลง พวก​เรา 25 คน​ได้​รับ​เชิญ​ให้​กลับ​ไป​ที่​เบเธล​สแตรทฟีลด์. ที่​นั่น ดิฉัน​ยัง​คง​ทำ​งาน​ใน​แผนก​ซัก​รีด​ต่อ​ไป และ​มี​ส่วน​ช่วย​งาน​อื่น ๆ ภาย​ใน​บ้าน.

ทศวรรษ​ถัด​มา​ดู​เหมือน​ว่า​ผ่าน​ไป​อย่าง​รวด​เร็ว. ครั้น​แล้ว​ใน​ปี 1956 ดิฉัน​แต่งงาน​กับ​เท็ด วีแลนด์ เพื่อน​ร่วม​งาน​ใน​เบเธล. เท็ด​เป็น​คน​ใจ​เย็น​และ​มี​น้ำ​อด​น้ำ​ทน​มาก และ​เรา​ดีใจ​ที่​เรา​ได้​รับ​อนุมัติ​ให้​อยู่​ต่อ​ไป​ใน​เบเธล​ฐานะ​สามี​ภรรยา. เรา​ทั้ง​สอง​ทะนุถนอม​วิถี​ชีวิต​ที่​มี​จุด​มุ่ง​หมาย​ของ​เรา ดีใจ​ที่​มี​สิทธิ​พิเศษ​รับใช้​ที่​สาขา​ออสเตรเลีย. แน่นอน นอก​เหนือ​จาก​งาน​ของ​เรา​ที่​เบเธล เรา​ยินดี​ที่​ได้​ทำ​งาน​ร่วม​กัน​เพื่อ​ช่วย​ผู้​อื่น​ให้​เข้า​มา​เป็น​สาวก​ของ​พระ​คริสต์. เพื่อ​เป็น​ตัว​อย่าง คุณ​จะ​อ่าน​เรื่อง​ราว​ของ​ครอบครัว​วีกส์​ได้​ใน​วารสาร​ตื่นเถิด! ฉบับ 8 พฤศจิกายน 1993.

การ​ขยาย​ตัว​อย่าง​สม่ำเสมอ​ของ​งาน​ประกาศ​ข่าว​ราชอาณาจักร​ทำ​ให้​มี​ความ​ต้องการ​เพียง 10 หรือ 12 คน​เพิ่ม​เข้า​มา​ใน​คณะ​ผู้​ทำ​งาน​ของ​เรา​ใน​ช่วง 30 ปี​แรก​ของ​ดิฉัน​ที่​เบเธล. แต่​สถานการณ์​เปลี่ยน​อย่าง​รวด​เร็ว​ใน​ช่วง​ทศวรรษ​ปี 1970 เมื่อ​เรา​เริ่ม​พิมพ์​วารสาร​หอสังเกตการณ์ และ​ตื่นเถิด! ที่​นี่. การ​ก่อ​สร้าง​โรง​พิมพ์​ใหม่​เริ่ม​ขึ้น​ใน​เดือน​มกราคม 1972. ไม่​ช้า แท่น​พิมพ์​หนัก 40 ตัน​จาก​ญี่ปุ่น​ก็​มา​ถึง และ​มา​ถึง​ปี 1973 เรา​พิมพ์​วารสาร​เกือบ 700,000 เล่ม​ต่อ​เดือน. ตอน​นี้ ครอบครัว​เบเธล​ของ​เรา​เริ่ม​ขยาย​ใหญ่​ขึ้น​จริง ๆ.

ทศวรรษ​ปี 1970 ยัง​เป็น​เวลา​แห่ง​ความ​โศก​เศร้า​สำหรับ​ดิฉัน​เป็น​ส่วน​ตัว​อีก​ด้วย. อย่าง​แรก เท็ด สามี​ผู้​เป็น​ที่​รัก​ของ​ดิฉัน เสีย​ชีวิต​ใน​ปี 1975 ตอน​อายุ 80 ปี. จาก​นั้น​ไม่​ถึง​ปี คุณ​พ่อ​ผู้​ชราภาพ​ก็​ล่วง​ลับ​ไป​อีก​คน. ดิฉัน​ได้​รับ​การ​ปลอบ​ประโลม​มาก​จาก​พระ​ยะโฮวา​และ​คัมภีร์​ไบเบิล​พระ​คำ​ของ​พระองค์ และ​จาก​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​ฝ่าย​วิญญาณ. นอก​จาก​นี้​ที่​ดิฉัน​วุ่น​อยู่​กับ​กิจการ​งาน​อัน​มี​จุด​มุ่ง​หมาย​ที่​เบเธล​ยัง​ช่วย​ได้​มาก​ใน​ช่วง​เวลา​ที่​โศก​เศร้า​มาก​ใน​ชีวิต​ของ​ดิฉัน.

กระนั้น ชีวิต​ยัง​คง​ดำเนิน​ต่อ​ไป และ​ดิฉัน​เริ่ม​ประสบ​ความ​พอ​ใจ​และ​พระ​พร​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ฐานะ​แม่​ม่าย​ใน​ตอน​นั้น. ปี 1978 ดิฉัน​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ภาค​ใน​กรุง​ลอนดอน ประเทศ​อังกฤษ และ​หลัง​จาก​นั้น​ก็​เยี่ยม​ชม​สำนักงาน​กลาง​ของ​สมาคม​ว็อชเทาเวอร์​ใน​บรุกลิน นิวยอร์ก. ที่​ได้​เห็น​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​นับ​ร้อย​ทำ​งาน​อย่าง​มี​ความ​สุข​ที่​เบเธล​บรุกลิน​ยัง​คง​เป็น​แรง​บันดาล​ใจ​ให้​กับ​ดิฉัน​ต่อ​ไป​จน​กระทั่ง​วัน​นี้.

เมื่อ​ทศวรรษ​ปี 1970 สิ้น​สุด​ลง เรา​ทราบ​ว่า​กำลัง​มี​การ​เตรียม​การ​ขยาย​กลุ่ม​อาคาร​เบเธล​ออสเตรเลีย​อีก. อย่าง​ไร​ก็​ตาม การ​ขยาย​ไม่​ได้​มี​ขึ้น​ใน​สแตรทฟีลด์ ซึ่ง​แทบ​จะ​ไม่​มี​ที่​ว่าง​เหลือ​อีก​แล้ว. แทน​ที่​จะ​เป็น​เช่น​นั้น จะ​มี​การ​สร้าง​กลุ่ม​อาคาร​ใหม่​ซึ่ง​ใหญ่​กว่า​มาก​บน​ที่​ดิน​ของ​เรา​ใน​อิงเกิลเบิร์น ที่​ซึ่ง​ดิฉัน​เคย​ทำ​งาน​ใน​ช่วง​ถูก​สั่ง​ห้าม​ตอน​ต้น​ทศวรรษ​ปี 1940.

ดำเนิน​ต่อ​ไป​ใน​วิถี​ชีวิต​ที่​มี​จุด​มุ่ง​หมาย

ช่าง​ตื่นเต้น​สัก​เพียง​ไร​ใน​เดือน​มกราคม 1982 เมื่อ​เรา​ย้าย​ไป​ยัง​อาคาร​ใหม่​ของ​เรา! จริง​อยู่ ตอน​แรก​มี​ความ​อาลัย​อยู่​บ้าง​ที่​ต้อง​จาก​สภาพ​แวด​ล้อม​ที่​คุ้น​เคย แต่​ไม่​ช้า​เรา​ก็​ตื่นเต้น​กับ​บ้าน​ใหม่​ของ​เรา​ซึ่ง​มี​ห้อง​นอน​ที่​สวย​งาม 73 ห้อง. แทน​ที่​จะ​มอง​ออก​ไป​เห็น​กำแพง​อิฐ​และ​ถนน​ชาน​เมือง เวลา​นี้​เรา​เห็น​ทุ่ง​หญ้า​และ​ต้น​ไม้​เขียว​ขจี, เห็น​วัว​เล็ม​หญ้า, และ​เห็น​ความ​งดงาม​ยาม​ดวง​อาทิตย์​ขึ้น​และ​ตก ซึ่ง​เป็น​สภาพ​แวด​ล้อม​ที่​ให้​ความ​เพลิดเพลิน​ยิ่ง.

วัน​ที่ 9 มีนาคม 1983 เรา​มี​ความ​ปีติ​ยินดี​ที่​ได้​อุทิศ​กลุ่ม​อาคาร​ใหม่​ท่ามกลาง​แสง​แดด​ใน​ฤดู​ใบ​ไม้​ร่วง​อัน​งดงาม. ลอยด์ แบร์รี​จาก​คณะ​กรรมการ​ปกครอง​แห่ง​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ให้​คำ​บรรยาย​การ​อุทิศ​อย่าง​ซาบซึ้ง​ใจ. โดย​ส่วน​ตัว​แล้ว ดิฉัน​หยั่ง​รู้​ค่า​ที่​เขา​และ​ภรรยา​มา​ใน​งาน​อุทิศ เนื่อง​จาก​ดิฉัน​ได้​ทำ​งาน​กับ​เขา​ทั้ง​สอง​ที่​เบเธล​สแตรทฟีลด์​เมื่อ​เรา​ต่าง​ยัง​เป็น​หนุ่ม​เป็น​สาว​อยู่.

การ​ขยาย​ตัว​ขึ้น​เรื่อย ๆ ของ​กิจการ​งาน​ประกาศ​ข่าว​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ทำ​ให้​ต้อง​ขยาย​อาคาร​สำนักงาน​ของ​เรา​ที่​อิงเกิลเบิร์น​อีก. ใน​ปี 1987 มี​การ​ขยาย​สำนักงาน. จาก​นั้น​ใน​วัน​ที่ 25 พฤศจิกายน 1989 มี​การ​อุทิศ​ส่วน​ต่อ​เติม​ที่​เป็น​อาคาร​ที่​พัก​อาศัย​ใหม่​ห้า​ชั้น​และ​โรง​พิมพ์​ใหม่​สาม​ชั้น. ช่าง​เป็น​การ​เติบ​ใหญ่​อะไร​เช่น​นี้—จาก​ผู้​เผยแพร่​ไม่​ถึง 4,000 คน​ใน​ออสเตรเลีย​ตอน​ที่​ดิฉัน​เริ่ม​งาน​เผยแพร่ เป็น​ประมาณ 59,000 คน!

เมื่อ​เร็ว ๆ นี้ สาขา​ออสเตรเลีย​ได้​เป็น​หนึ่ง​ใน​สำนักงาน​วิศวกรรม​ส่วน​ภูมิภาค​สาม​แห่ง​ของ​สมาคม​ฯ​นอก​เหนือ​จาก​ญี่ปุ่น​และ​เยอรมนี. ทั้ง​นี้​ทำ​ให้​ต้อง​ขยาย​กลุ่ม​อาคาร​ใน​เบเธล​อีก. เวลา​นี้ อาคาร​สำนักงาน​สาม​ชั้น​อีก​อาคาร​หนึ่ง​เสร็จ​สมบูรณ์​แล้ว และ​งาน​ก่อ​สร้าง​อาคาร​ที่​พัก​อาศัย​ห้า​ชั้น​ก็​ใกล้​จะ​เสร็จ​สมบูรณ์ ซึ่ง​อาคาร​นี้​จะ​มี​ห้อง​อีก 80 ห้อง​เพื่อ​รอง​รับ​ครอบครัว​ที่​กำลัง​เติบ​ใหญ่​ขึ้น​เรื่อย ๆ.

ใน​แผนก​ซัก​รีด เรา​มี​ผู้​ร่วม​งาน​กลุ่ม​ใหญ่​เพื่อ​จัด​การ​กับ​ปริมาณ​งาน แต่​ดิฉัน​มัก​หวน​ระลึก​ถึง​วัน​นั้น​ใน​เดือน​สิงหาคม 1940 ตอน​ที่​ดิฉัน​ได้​รับ​เชิญ​ให้​ช่วย​ใน​แผนก​นี้​สอง​สัปดาห์. ดิฉัน​รู้สึก​ขอบคุณ​ที่​สอง​สัปดาห์​นั้น​ได้​ยืด​ออก​ไป​เป็น 50 กว่า​ปี​และ​ขอบคุณ​ที่​พระเจ้า​ยะโฮวา​ทรง​ชี้​นำ​ให้​ดิฉัน​ก้าว​เดิน​ใน​วิถี​ชีวิต​ที่​มี​จุด​มุ่ง​หมาย.

[รูปภาพ​หน้า 21]

ตอน​ดิฉัน​อายุ 25 ปี

[รูปภาพ​หน้า 23]

วัน​แต่งงาน​ของ​เรา​ใน​ปี 1956

[รูปภาพ​หน้า 24]

ปี 1938 น้อง​สาว​และ​ดิฉัน​หมกมุ่น​ใน​กีฬา​อย่าง​จริงจัง แต่​ชีวิต​ของ​ดิฉัน​เวลา​นี้​บังเกิด​ผล​มาก​กว่า​นัก

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์