การเสนอข่าวดี—โดยการศึกษาพระคัมภีร์
1 ปีรับใช้ที่ผ่านมานี้ในประเทศไทย ได้มีการนำการศึกษาพระคัมภีร์ในแต่ละเดือนคิดเฉลี่ยแล้ว 1,114 ราย. บางทีกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ประกาศ 1,070 คนของประเทศนี้ได้เข้าร่วมในการงานอันน่ายินดีนี้. แน่นอน ถ้าประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ประกาศได้มีส่วนในงานนี้ ก็หมายความว่า อีกครึ่งหนึ่งยังไม่ได้ร่วมในงานนี้. พวกเราจำนวนมากขึ้นจะสามารถชื่นชมกับความอิ่มใจพอใจอันพิเศษที่มาจากการสั่งสอนคนอื่น ๆ ในเรื่องความจริงได้อย่างไร?
2 เพราะเรารักพระเจ้าและเพื่อนบ้าน เราต้องการให้ความจริงแก่คนอื่น. แต่เราจำต้องได้รับการช่วยเหลือจากพระยะโฮวาในงานรับใช้ของเรา. (1 โก. 3:6, 7) ด้วยเหตุนี้ จะไม่เป็นการดีหรือที่จะเข้าเฝ้าพระยะโฮวาในคำอธิษฐานและทูลขอพระองค์ให้ช่วยเหลือเราเริ่มต้นการศึกษาพระคัมภีร์ตามบ้านสักรายหนึ่ง? (1 โย. 5:14, 15) ครั้นแล้วเราต้องปฏิบัติให้ลงรอยกับคำขอร้องของเราและเข้าส่วนในการประกาศอย่างเต็มที่ตามสภาพแวดล้อมของเราอำนวยให้ เสนอการศึกษาพระคัมภีร์ตามบ้านเมื่อไรก็ตามที่มีโอกาส.
โอกาสต่าง ๆ
3 ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เราได้จำหน่ายหนังสือ หนังสือเล่มเล็ก และจุลสารหลายล้านเล่มกับประชาชนในเขตทำงาน. หนังสือชีวิตตลอดไป ข่าวดี และความจริง สามารถพบได้ในบ้านของประชาชนหลายพันหลังที่ไม่ใช่บ้านของพยานพระยะโฮวา. สิ่งนี้เป็นขอบเขตอันกว้างใหญ่แห่งโอกาสสำหรับการเริ่มต้นการศึกษาพระคัมภีร์รายใหม่.
4 เมื่อเจ้าของบ้านแจ้งให้เราทราบว่าเขารู้จักงานของเราดีหรือที่ว่าเขามีสรรพหนังสือของเราอยู่แล้ว เราควรบอกเขาว่าเรารู้สึกยินดีเพียงไร. (ดูการหาเหตุผล หน้า 20; ใบแทรกภาษาไทยตอน 2 หน้า 6.) ถ้าเขามีหนังสืออยู่แล้ว เราอาจเชิญชวนเขาอย่างกรุณาให้เอาหนังสือนั้นมาและให้เราชี้บางจุดที่เป็นลักษณะเด่นที่น่าสนใจบางประการซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่เขาและครอบครัวของเขา. ถ้าการตอบรับเป็นในด้านบวก เราอาจเสนอการศึกษาพระคัมภีร์.
5 อีกวิธีหนึ่งที่แตกต่างคือเราจะใช้ความริเริ่มและถามเจ้าของบ้านว่าเขามีสรรพหนังสือของเราแล้วหรือยัง. สิ่งนี้อาจบังเกิดผลอย่างยิ่งโดยเฉพาะในเขตทำงานซึ่งเราได้จำหน่ายสรรพหนังสือจำนวนมากอยู่แล้ว. หลังจากแนะนำตัวฉันมิตรแล้ว เราอาจจะพูดว่า เนื่องจากการมาเยี่ยมบ่อย ๆ ของเรา เพื่อนบ้านหลายคนมีสรรพหนังสือของเราบางเล่มอยู่แล้ว. เราเอาใจใส่ดูแลเพื่อว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์จากความรู้ที่ตีพิมพ์ออกมา. จากนั้นเราอาจถามเจ้าของบ้านว่าเขามีหนังสือเล่มหนึ่งเล่มใดของเราอยู่ไหม. ถ้าเขามีเราอาจถามเขาอย่างกรุณาว่าเราจะขอดูเล่มนั้นได้ไหมและจากนั้นเสนอที่จะแสดงให้เขาเห็นถึงวิธีที่เราศึกษา. การสาธิตสั้น ๆ อาจยังผลให้มีการศึกษาพระคัมภีร์ตามบ้านได้. ถ้าเขาไม่มีสรรพหนังสือของเรา เราก็สามารถเสนอเล่มที่ใช้เสนอในปัจจุบันและถามเขาโดยตรงว่าครอบครัวของเขาอยากที่จะมีการศึกษาพระคัมภีร์ตามบ้านโดยไม่ต้องเสียค่าอะไรไหม.
จงใช้วิจารณญาณที่ดี
6 เนื่องจากประชาชนมีกิจธุระมาก จึงเป็นการฉลาดที่จะมีวิจารณญาณที่ดีและไม่อยู่นานเกินไป. บางทีการศึกษาในช่วงแรก ๆ อาจจำกัดเอาไว้ประมาณ 15 นาที. ถ้าเจ้าของบ้านเห็นว่าเขาไม่ได้ถูกเบียดบังเอาเวลาไปมาก เขาอาจไม่ขัดข้องที่เราจะมาเยี่ยมเป็นประจำ. เมื่อการศึกษาเริ่มต้นแล้วและความสนใจของเจ้าของบ้านได้พัฒนาขึ้น ก็อาจใช้ช่วงเวลายาวขึ้นในการศึกษาได้. แน่นอน บางคนจะต้องการศึกษาในช่วงเวลาที่นานกว่านับตั้งแต่ตอนเริ่มต้น.
7 มีคนเยี่ยงแกะในเขตทำงานผู้ซึ่งต้องการความช่วยเหลือจากเรา และพวกเขาหลายคนมีหนังสือของเราอยู่. ไม่ต้องสงสัย บางคนกำลังร้องครางต่อสิ่งน่าเกลียดชังที่กำลังทำกันอยู่บนแผ่นดินโลกในทุกวันนี้. (ยเอศ. 9:4) เป็นสิทธิพิเศษของเราไม่เฉพาะที่จะจำหน่ายจ่ายแจกสรรพหนังสือเกี่ยวกับราชอาณาจักรที่จะเยียวยารักษาความโศกเศร้าของมนุษยชาติ แต่ยังคงจะเข้าถึงคนที่มีหัวใจสุจริตด้วยความจริง โดยการศึกษาพระคัมภีร์ด้วย.—มัด. 28:19, 20.