การเพ่งดูโลก
ครอบครัวปลอดทีวี
ในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ปลอดทีวี ครูยืนยันว่าพวกเขาสามารถระบุตัวได้ง่าย ๆ ว่าใครคือเด็กไม่กี่คนที่ดูทีวีมาก ๆ. “ถ้าคุณเห็นเด็กอนุบาลเล่นเป็นซูเปอร์ฮีโร และแสดงบทฆ่ากัน เฉือนกัน และทำร้ายกัน ถือเป็นสิ่งบ่งบอกอย่างไม่ต้องท้วงติงใด ๆ” เป็นคำอธิบายของผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง. เดอะ วอล สตรีต เจอร์นัล รายงานว่าคนที่เลิกดูทีวีได้รับผลประโยชน์ตอบแทน. เด็กสาววัย 17 ปี บอกว่า “แต่ก่อนมันเป็น แบบว่า ส่วนใหญ่พวกเราจะเห็นคุณพ่อก่อนท่านจะไปทำงาน. เมื่อท่านกลับบ้านท่านก็จะดูทีวีกับพวกเรา และแล้วก็เป็น แบบว่า ‘ราตรีสวัสดิ์คุณพ่อ.’ เดี๋ยวนี้เราพูดคุยกันตลอดเวลา เราใกล้ชิดกันจริง ๆ.” เธอเสริมว่า “เมื่อฉันมีครอบครัว ฉันจะไม่มีทีวี.”
เปิดโปงการทำร้ายโดยนักบวช
หนึ่งในการสอบสวนเรื่องการทำร้ายทางเพศที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดาซึ่งพัวพันกับคณะคริสเตียนบราเดอร์ของคาทอลิก ได้สรุปสำนวนฟ้องแล้ว. “เหยื่อ 700 กว่ารายได้ยื่นคำร้องเรียนจากเซนต์โยเซฟ” ซึ่งเป็นโรงเรียนในเมืองแอลเฟร็ด ออนตาริโอ และโรงเรียนเซนต์จอห์น ในเมืองอักส์บริดจ์ ออนตาริโอ ตามรายงานของ เดอะ โตรอนโต สตาร์. มีการยื่นคำร้องเรียน “ฟ้องชาย 30 คน รวมทั้งสมาชิก 29 คนของคณะบราเดอร์แห่งโรงเรียนคริสเตียนนั้น. คงจะมีการยื่นฟ้องเพื่อเอาผิดบุคคลอีก 16 คน หากเขายังมีชีวิตอยู่” สตาร์ กล่าวเพิ่มเติม. เหยื่อหลายรายยังคงฝังใจกับความทรงจำอันเจ็บปวดจาก “การถูกตีและการทำร้ายทางเพศตอนเป็นเด็กโดยสมาชิกคณะฆราวาสแพร่ธรรมแห่งนิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งสวมใส่เสื้อคลุมดำและได้รับความวางใจให้ดูแลเด็ก ๆ.” สตาร์ บอกว่าหากปราศจากการสืบสวนโดยรัฐแล้ว ชาวแคนาดาอาจไม่มีวันรู้ว่าทำไมบรรดาชายซึ่งอ้างว่ารับใช้พระเจ้าจึงทำร้ายเด็กผู้ชายทางเพศ.
อาหารติดคอ
การตบหลังไม่ใช่วิธีที่ได้ผลที่สุดเพื่อช่วยคนที่มีเศษอาหารติดคออยู่. เบอร์กลีย์ เวลเนส เลตเตอร์ บอกว่า เป็นการดีกว่าที่จะพยายามใช้สิ่งซึ่งบางครั้งเรียกว่าวิธีการไฮมลิก. จดหมายข่าวดังกล่าวพรรณนาต่อไปถึงขั้นตอนนั้นว่า “โดยยืนข้างหลังคนที่อาหารติดคอ เอาแขนโอบเหนือเอวของเขา. วางกำปั้นข้างหนึ่งของคุณระหว่างกระดูกทรวงอกและสะดือ โดยให้นิ้วหัวแม่มือแนบท้องของเขา. จับกำปั้นนั้นด้วยมืออีกข้างหนึ่งของคุณ และกดลงไปเร็ว ๆ แรง ๆ ในทิศทางเฉียงขึ้น. ทำซ้ำจนกว่าอาหารหรือสิ่งของจะขย้อนออกมา. อย่าใช้วิธีนี้กับเด็กต่ำกว่าหนึ่งขวบซึ่งต้องได้รับการดูแลฉุกเฉินในวิธีต่างออกไปเมื่ออาหารติดคอ.” วิธีรักษาข้างต้นเรียนได้จากหลักสูตรการปฐมพยาบาล หรือไม่ก็ CPR (การช่วยให้ฟื้นโดยปั้มหัวใจและปอด) อบรมโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ. จดหมายข่าวเวลเนส เลตเตอร์ ให้ข้อสังเกตว่า “สิ่งปิดกั้นทางเดินหายใจช่วงบนเป็นสาเหตุทำให้ 3,000 ถึง 4,000 คนเสียชีวิตในสหรัฐทุกปี.”
สุนัขเขี้ยวโหด
หนังสือพิมพ์ เดลี นิวส์ แจ้งว่า ปีที่แล้วในนครนิวยอร์ก มีการรายงานกรณีสุนัขกัดถึง 10,753 ราย. โดยเฉลี่ยแล้ว ประมาณสัปดาห์ละครั้งมีการประจันหน้ากันระหว่างตำรวจและสุนัขถึงขั้นที่มีการใช้ปืน. ตามรายงานบอกว่า สุนัขบางตัวยังกระโจนใส่เจ้าหน้าที่แม้หลังจากถูกกระสุนปืนพรุนถึงหกลูก. เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนถูกกัด และคนอื่น ๆ “ได้รับบาดเจ็บเพราะกระสุนแฉลบไปโดนระหว่างการต่อสู้กับสุนัขพันธุ์พิตบูลเขี้ยวโหด” หนังสือพิมพ์นั้นรายงาน. บัดนี้เจ้าหน้าที่กรมตำรวจเป็นห่วงเรื่องความเสี่ยงเกี่ยวกับกระสุนลูกหลงและกระสุนที่แฉลบไปโดนคนเมื่อมีการใช้ปืนยิงสุนัขพันธุ์ดุเหล่านั้น. เมื่อเผชิญสถานการณ์ล่อแหลมเกี่ยวกับสุนัข ตำรวจได้รับคำแนะนำให้ใช้วิธีการที่ไม่รุนแรงถึงตาย เช่น สเปรย์พริกไทย ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบหายใจ.
แบตเตอรี่อันตราย
“ตามรายงานขององค์การป้องกันการตาบอดแห่งยูตาห์ ทุกปีมี 6,000 คนได้รับแผลไหม้ที่แก้วตารวมทั้งการบาดเจ็บทางตาอื่น ๆ จากการระเบิดของแบตเตอรี่” ในสหรัฐ. วารสาร สโนว์ คันทรี รายงานว่าอุบัติเหตุเหล่านี้หลายครั้งเกิดขึ้นขณะที่คนขับรถพยายามสตาร์ทรถโดยใช้แบตเตอรี่พ่วง. ประกายไฟจากขั้วแบตเตอรี่สามารถจุดก๊าซเชื้อเพลิงที่ลอยในอากาศให้ติดไฟได้. เพื่อเป็นการป้องกัน วารสารนั้นแนะนำว่าเมื่อสตาร์ทรถโดยใช้แบตเตอรี่พ่วง “สายไฟสีดำควรต่อเข้ากับโลหะที่ปราศจากสีเคลือบ เช่นสลักเกลียวที่ไม่มีสี แทนที่จะต่อเข้ากับขั้วลบของแบตเตอรี่. สิ่งนี้จะลดโอกาสของการเกิดอาร์กไฟฟ้า ซึ่งอาจนำไปสู่การระเบิด.” นอกจากนั้น ไม่ควรให้สายไฟพันกัน และ “นักขับรถควรใส่แว่นป้องกันขณะสตาร์ทรถโดยใช้แบตเตอรี่พ่วง.”
เทววิทยาทางศีลธรรมของคาทอลิก และหญิงสาวอิตาลี
หญิงสาวอิตาลี ไม่ว่าจะเป็นคาทอลิกหรือไม่ก็ตาม ไม่สนใจฟังโปปในเรื่องศีลธรรมทางเพศ. ที่จริง ตามผลของการศึกษาค้นคว้าที่จัดพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์แห่งอิตาลี ลา เรปุบบลิกา หญิงสาวมากถึง 90.8 เปอร์เซ็นต์ อายุระหว่าง 15 ถึง 24 ปี ซึ่งถูกสัมภาษณ์ เชื่อว่า “ต้องรับรองแก่ผู้หญิงให้ใช้ยาคุมกำเนิดได้” ขณะที่ 66.7 เปอร์เซ็นต์ อ้างว่ามี “สิทธิที่จะทำแท้ง ‘การตั้งครรภ์อันไม่พึงปรารถนา.’” ยิ่งกว่านั้น 80.2 เปอร์เซ็นต์ของพวกเขาเชื่อว่า “สิทธิของพวกรักร่วมเพศควรได้รับการรับรองและนับถือ.”
สิทธิที่จะปฏิเสธการถ่ายเลือด
“คนไข้มีสิทธิที่จะปฏิเสธการถ่ายเลือด” ประกาศหราเป็นหัวข่าวหนึ่งในหนังสือพิมพ์ ไมนิชิ เดลี นิวส์ ซึ่งรายงานเรื่องคำแนะนำของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมการทางจริยศาสตร์สำหรับโรงพยาบาลและสถานผดุงครรภ์แห่งนครโตเกียว. แม้ว่าบรรดาโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้ตัดสินใจทำนองเดียวกันแล้ว แต่นี่เป็นการตัดสินใจครั้งแรกในระดับการปกครองท้องถิ่น. รายงานนี้ชี้แจงว่าโรงพยาบาลในโตเกียวจะเคารพความประสงค์ของคนไข้ที่เป็นผู้ใหญ่ ผู้ซึ่งปรารถนาการรักษาโดยปราศจากเลือดแม้ว่านายแพทย์รู้สึกว่าจำเป็นต้องถ่ายเลือด. “ในกรณีของคนไข้ที่ถูกนำมายังโรงพยาบาลในสภาพหมดสติแต่มีเอกสารรับรองว่าเขาหรือเธอไม่ประสงค์การถ่ายเลือด แพทย์จะต้องจัดให้ความประสงค์นี้อยู่ในอันดับแรก” หนังสือพิมพ์นั้นรายงาน. “ความประสงค์ของเด็กนักเรียนมัธยมปลายเรื่องการถ่ายเลือดจะได้รับความนับถือเสมือนเขาเป็นผู้ใหญ่.” อย่างไรก็ตาม รายงานนั้นยังชี้แจงว่านายแพทย์ ไม่ใช่บิดามารดา จะเป็นผู้ตัดสินขั้นสุดท้ายในเรื่องการรักษาผู้เยาว์ที่อยู่ในวัยมัธยมต้นหรือต่ำกว่า.
พบสารพิษในผมของทารกเกิดใหม่
หนังสือพิมพ์ เดอะ โกลบ แอนด์ เมล์ แห่งโตรอนโต ประเทศแคนาดากล่าวว่า บัดนี้มีหลักฐานทางด้านชีววิทยาที่จะพิสูจน์ว่าควันซึ่งผู้สูบบุหรี่พ่นออกมาและถูกหายใจเข้าไปโดยผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ไม่สูบบุหรี่นั้น เข้าไปถึงทารกในครรภ์. การค้นพบใหม่จากทีมค้นคว้าซึ่งหัวหน้าทีมคือ นายแพทย์ กีเดียน กอเรน เภสัชกรเชิงวิเคราะห์ประจำโรงพยาบาลเพื่อเด็กเจ็บไข้ ในโตรอนโต แสดงให้เห็นว่าตัวอย่างผมจากทารกเกิดใหม่มีสารนิโคตินและผลิตผลที่มันก่อขึ้นคือ สารโคตินิน. เหล่ามารดาที่ไม่สูบบุหรี่หายใจเอาควันที่คนอื่นพ่นออกมาอย่างน้อยสองชั่วโมงต่อวัน ไม่ว่าที่บ้านหรือที่ทำงาน. นายแพทย์กอเรนบอกว่า การสูดควันบุหรี่ของคนอื่นเป็นประจำอาจเหมือนกับ “การสูบบุหรี่สองถึงสี่มวนต่อวัน.” การค้นคว้าใหม่นี้ “เพิ่มน้ำหนักให้แก่การค้นคว้าครั้งก่อน ๆ ซึ่งชี้ว่าการสูดควันสามารถก่อผลกระทบต่อพัฒนาการด้านพฤติกรรมและการรับรู้ของเด็ก” เดอะ โกลบ กล่าวเพิ่มเติม. นายแพทย์กอเรนเตือนว่า “เมื่อคำนึงถึงบรรยากาศในปัจจุบันที่ชอบฟ้องร้องกัน ผมไม่อาจประกันได้ว่าในอีก 10 ถึง 20 ปีข้างหน้า เราจะไม่เห็นทารกฟ้องร้องบิดามารดาของตนเพราะการเกิดมาอย่างผิดปกติเนื่องด้วยการสูบบุหรี่เป็นเหตุ”!
ดินแดนแห่งเซานา
“ชาวฟินแลนด์เป็นผู้กระหายใช้เซานามากที่สุดในโลก” วารสาร ซูโอเม็น ซิลตากล่าวอย่างนั้น. ผู้คนส่วนใหญ่ในฟินแลนด์อบตัวในเซานาประมาณสัปดาห์ละครั้งเพื่อการผ่อนคลายและการชำระตัวให้สะอาด. อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 80-100 องศาเซลเซียส. ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ชาวฟินแลนด์จะอาบน้ำเย็นด้วยฝักบัวหรือกระโดดลงทะเลสาบทันทีหลังจากอบตัวในเซานา. ตามข่าวใน ซูโอเม็น ซิลตา มีการประมาณว่าในฟินแลนด์มีเซานาราว ๆ 1.6 ล้านแห่ง. เมื่อคิดถึงจำนวนพลเมืองที่เกินระดับห้าล้านคนเล็กน้อย นั่นก็หมายความว่าประเทศยุโรปตอนเหนือประเทศนี้มีเซานา 1 แห่งต่อทุก ๆ 3 คน.
ตึกสร้างจากขยะหรือ?
ประเทศจีนได้คิดค้นวิธีกำจัดขยะแบบไม่เหมือนใครขึ้นมา. สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยแห่งปักกิ่ง เมื่อไม่นานมานี้ได้พัฒนากรรมวิธีผสมขยะกับดินเหนียวเพื่อนำไปทำเป็นอิฐ. วารสารไชน่า ทูเดย์ พรรณนาถึงผลิตผลขั้นสุดท้ายว่าเป็น “อิฐคุณภาพสูง” สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง. ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน โรงงานทำอิฐโรงเดียวผลิตอิฐ 54 ล้านก้อน “โดยใช้ขยะ 46,884 ตัน.” กล่าวกันว่า หลังจากที่เผาด้วยอุณหภูมิราว ๆ 1,000 ถึง 2,000 องศาเซลเซียสแล้ว อิฐเหล่านั้น “ถูกหลักสุขอนามัยไม่แพ้อิฐธรรมดา.”