พระเจ้านักพนันหรือพระผู้สร้าง?
“ไม่ต้องสงสัยที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนมีนิสัยชอบต่อต้านรูปแบบใด ๆ ที่เหนือธรรมชาติ นับประสาอะไรกับการยกเหตุผลเรื่องอำนาจลึกลับ. พวกเขาดูหมิ่นเยาะเย้ยความคิดที่ว่าอาจมีพระเจ้า หรือแม้แต่แหล่งกำเนิดที่ไม่ใช่บุคคล . . . โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ขอร่วมวงเยาะเย้ยกับพวกเขาหรอก.” เป็นคำกล่าวของพอล เดวีส ศาสตราจารย์ภาควิชาฟิสิกส์เชิงคณิตศาสตร์ ที่ยูนิเวอร์ซิตี ออฟ แอเดเลด ออสเตรเลียใต้ ในหนังสือของเขาชื่อพระทัยของพระเจ้า (ภาษาอังกฤษ).
เดวีสยังพูดอีกว่า “การศึกษาอย่างรอบคอบชี้ว่า กฎแห่งเอกภพเอื้ออำนวยอย่างน่าทึ่งต่อการอุบัติของรูปแบบชีวิตที่ซับซ้อนหลากหลาย. ในกรณีของอินทรีย์ที่มีชีวิต การเกิดดูเหมือนจะอาศัยความประจวบเหมาะแบบโชคดีหลายครั้ง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์และนักปรัชญาบางคนโห่ร้องยินดีฐานะเป็นสิ่งน่าตะลึงพรึงเพริดโดยแท้.”
เขากล่าวต่อไปว่า “การค้นหาทางวิทยาศาสตร์คือการเดินทางท่องแดนลึกลับ. . . . แต่ตลอดการค้นหานั้นก็พบสายโซ่แห่งเหตุผลและระเบียบที่คุ้นเคย. เราจะเห็นว่า ระเบียบจักรวาลนี้ถูกค้ำจุนโดยกฎที่แน่นอนทางคณิตศาสตร์ ซึ่งทอประสานเข้าด้วยกันจนก่อเกิดเป็นเอกภาพอันละเอียดประณีตและประสานกลมกลืน. กฎต่าง ๆ มีความเรียบง่ายสง่างาม.”
เดวีสลงท้ายโดยกล่าวดังนี้: “ทำไมโฮโม ซาเปียนส์ (มนุษย์) จึงมีประกายความสามารถในการคิดหาเหตุผล ซึ่งเป็นกุญแจไขเอกภพ เป็นปริศนาลึกลับ. . . . ผมไม่อาจเชื่อได้ว่าการดำรงอยู่ของพวกเราในเอกภพนี้เป็นเพียงเหตุบังเอิญของโชคชะตา, เป็นอุบัติเหตุแห่งประวัติศาสตร์, เป็นความผิดปกติที่เกิดโดยบังเอิญในฉากเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่เกี่ยวกับจักรวาล. พวกเราเกี่ยวข้องใกล้ชิดเหลือเกินกับเอกภพ. . . . เรามาอยู่ที่นี่โดยมีจุดมุ่งหมายอย่างแท้จริง.” อย่างไรก็ตาม เดวีสไม่ได้มาถึงจุดที่ลงความเห็นว่ามีพระเจ้า ผู้ออกแบบ. แต่คุณจะลงความเห็นอย่างไร? มีการมุ่งหมายให้มนุษยชาติมาอยู่ที่นี่ไหม? ถ้าเป็นเช่นนั้น ใครมุ่งหมายให้เรามาอยู่ที่นี่?
กุญแจไข “ปริศนา”
ในคัมภีร์ไบเบิล อัครสาวกเปาโลให้เบาะแสเพื่อเข้าใจสิ่งที่เดวีสเรียกว่า “ปริศนาลึกลับ.” เปาโลแสดงให้เห็นวิธีที่พระเจ้าเผยพระองค์เองดังนี้: “ด้วยว่าสิ่งที่รู้ได้เกี่ยวกับพระเจ้าก็ปรากฏแจ้งท่ามกลางพวกเขา [“มนุษย์ผู้ขัดขวางความจริง”] เพราะพระเจ้าทรงสำแดงให้ปรากฏแจ้งแก่เขา. เพราะคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์อันไม่ประจักษ์แก่ตาก็เห็นได้ชัด ตั้งแต่การสร้างโลกเป็นต้นมา เพราะว่าคุณลักษณะเหล่านั้นเป็นที่เข้าใจได้โดยสิ่งทั้งปวงที่ถูกสร้างขึ้น กระทั่งฤทธานุภาพอันถาวรและความเป็นพระเจ้าของพระองค์นั้น เหตุฉะนั้นเขาจึงไม่มีข้อที่จะแก้ตัวได้.” (โรม 1:18-20, ล.ม.)a ถูกแล้ว รูปแบบชีวิตหลากหลายนับไม่ถ้วน, ความสลับซับซ้อนอันเหลือเชื่อ, การออกแบบอันวิจิตร น่าจะทำให้บุคคลผู้ถ่อมใจยำเกรงยอมรับว่ามีผู้ทรงไว้ซึ่งอำนาจสูงสุดที่มีเชาวน์ปัญญา หรือผู้มีความคิดสูงส่งสุดพรรณนาเหนือสิ่งอื่นใดเท่าที่มนุษย์เคยรู้จัก.—บทเพลงสรรเสริญ 8:3, 4.
ถ้อยคำต่อไปของเปาโลเกี่ยวด้วยคนที่ปฏิเสธพระเจ้าทำให้คนเราหยุดคิดเพื่อไตร่ตรองซึ่งบอกไว้ดังนี้: “เขาถือตัวว่าเป็นนักปราชญ์, เขาจึงเป็นคนโง่เขลาไป . . . ด้วยเขาได้เอาความจริงของพระเจ้ามาแลกเปลี่ยนกับความเท็จ, และได้นมัสการปฏิบัติสิ่งที่ทรงสร้างไว้นั้นแทนที่จะปฏิบัติพระองค์ผู้ทรงสร้าง, ผู้สมจะได้รับความสรรเสริญเป็นนิตย์ถาวร, อาเมน.” (โรม 1:22, 25) คนที่นมัสการ “ธรรมชาติ” และปฏิเสธพระเจ้า เป็นคนไม่ฉลาดอย่างแน่นอนในทัศนะของพระยะโฮวา. เนื่องจากจมปลักอยู่ในทฤษฎีวิวัฒนาการที่มีแต่ความขัดแย้ง พวกเขาจึงพลาดไม่ยอมรับพระผู้สร้าง และความสลับซับซ้อน อีกทั้งรูปแบบในงานทรงสร้างของพระองค์.
“ชุดเหตุการณ์บังเอิญมากมายก่ายกอง”
เปาโลยังจารึกด้วยว่า “แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว, จะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าก็หามิได้ เพราะว่าผู้ที่มาหาพระเจ้าต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่, และต้องเชื่อว่าพระองค์เป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่ปลงใจแสวงหาพระองค์.” (เฮ็บราย 11:6) ความเชื่อซึ่งอาศัยความรู้ถ่องแท้ ไม่ใช่ความงมงาย สามารถนำเราไปสู่ความเข้าใจที่ว่าทำไมจึงมีเรา. (โกโลซาย 1:9, 10) เป็นความงมงายแน่ ๆ เมื่อนักวิทยาศาสตร์บางคนต้องการให้เราเชื่อว่า การที่ชีวิตเกิดขึ้นมานั้นเป็น “เสมือนเราถูกลอตเตอรี่หนึ่งล้านดอลลาร์ หนึ่งล้านครั้งติดต่อกัน.”
เฟรด ฮอยล์ นักวิทยาศาสตร์ชาวบริเตน อนุมานว่า ปฏิกิริยานิวเคลียร์ซึ่งนำไปสู่การก่อตัวของธาตุสองชนิดที่จำเป็นต่อชีวิตคือ คาร์บอน และ ออกซิเจน ทำให้เกิดธาตุเหล่านี้ในปริมาณที่สมดุลและมีความสัมพันธ์กันเนื่องด้วยเหตุบังเอิญอย่างพอดิบพอดี.
เขาให้อีกตัวอย่างหนึ่งดังนี้: “ถ้ามวลที่รวมกันของโปรตอนและอิเล็กตรอน โดยฉับพลันเกิดมากกว่ามวลของนิวตรอนเพียงนิดเดียว แทนที่จะน้อยกว่า ผลกระทบก็จะเป็นความหายนะ. . . . ตลอดทั่วเอกภพ อะตอมไฮโดรเจนทั้งหมดจะแตกสลายทันทีเพื่อก่อตัวเป็นนิวตรอนและนิวตริโน. เนื่องจากขาดเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ดวงอาทิตย์จะหรี่ลงและแตกดับ.” ดวงดาวอื่น ๆ อีกนับพัน ๆ ล้านดวงในเอกภพก็จะเป็นเช่นเดียวกัน.
ฮอยล์ปิดท้ายว่า “รายการของ . . . สิ่งที่ดูเหมือนเป็นความบังเอิญของธรรมชาติเชิงอชีวภาพนั้น มียาวเหยียดและน่าประทับใจ หากปราศจากสิ่งดังกล่าว ชีวิตอันมีคาร์บอนเป็นพื้นฐานซึ่งรวมทั้งชีวิตมนุษย์จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้.” เขาพูดว่า “คุณสมบัติเช่นนี้ [ที่จำเป็นต่อชีวิต] ดูเหมือนทอประสานไปตลอดทั่วผืนผ้าแห่งโลกธรรมชาติประหนึ่งเส้นด้ายของความบังเอิญแบบโชคดี. แต่การประจวบเหมาะอันน่าประหลาดเหล่านี้ซึ่งจำเป็นต่อชีวิต มีหลายครั้งเหลือเกินจนดูเหมือนต้องมีคำอธิบายบางอย่างสำหรับมูลเหตุของสิ่งดังกล่าว.”—เราทำให้เป็นตัวเอน.
เขายังกล่าวด้วยว่า “ปัญหาคือ จะต้องตัดสินชี้ขาดว่าการปรับประสานเข้ากันซึ่งดูเหมือนเกิดขึ้นอย่างประจวบเหมาะเหล่านี้เป็นความบังเอิญจริง ๆ หรือไม่ และด้วยเหตุนี้ชีวิตเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่. ไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนใดอยากจะถามคำถามเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องถาม. เป็นไปได้ไหมว่า การปรับประสานเข้ากันนั้นเกิดจากเจตนาจงใจอันชาญฉลาด?”
พอล เดวีส เขียนว่า “ฮอยล์ประทับใจมากใน ‘ชุดเหตุการณ์บังเอิญมากมายก่ายกอง’ นี้ จนเขาถูกกระตุ้นให้แสดงความเห็นว่า ดูราวกับ “มีการตั้งใจออกแบบกฎฟิสิกส์นิวเคลียร์ พร้อมด้วยคำนึงถึงผลสืบเนื่องที่กฎดังกล่าวจะก่อให้เกิดขึ้นภายในดวงดาวต่าง ๆ.’” ใครหรืออะไรเป็นต้นเหตุสำหรับ “ชุดเหตุการณ์บังเอิญ [แบบโชคดี] มากมายก่ายกองนี้”? ใครหรืออะไรก่อให้เกิดดาวเคราะห์จุดเล็ก ๆ นี้ซึ่งเนืองแน่นไปด้วยพืชและสัตว์ที่ถูกสร้างอย่างละเอียดประณีตหลายล้านชนิดแทบจะนับไม่ถ้วน?
คำตอบของคัมภีร์ไบเบิล
ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญบันทึกไว้ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาราว ๆ สามพันปีมาแล้วว่า “ข้าแต่พระยะโฮวา, พระราชกิจของพระองค์มีเป็นอเนกประการจริง! พระองค์ได้ทรงกระทำการนั้นทั้งสิ้นโดยพระสติปัญญา: แผ่นดินโลกเต็มบริบูรณ์ไปด้วยทรัพย์อันมั่งคั่งของพระองค์. ข้างหน้าโน้นคือมหาสมุทร, กว้างและใหญ่, ในมหาสมุทรนั้นมีสัตว์เลื้อยคลานนับไม่ถ้วน, ทั้งสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่.”—บทเพลงสรรเสริญ 104:24, 25.
อัครสาวกโยฮันกล่าวว่า “พระยะโฮวาเจ้าข้า พระเจ้าของพวกข้าพเจ้า พระองค์คู่ควรจะได้รับสง่าราศีและเกียรติยศและฤทธิ์เดช เพราะพระองค์ได้ทรงสร้างสิ่งทั้งปวง และเนื่องด้วยพระทัยประสงค์ของพระองค์สิ่งเหล่านั้นจึงได้ดำรงอยู่และถูกสร้างขึ้น.” (วิวรณ์ 4:11, ล.ม.) ชีวิตไม่ใช่ผลของความบังเอิญที่ปราศจากจุดมุ่งหมาย ไม่ใช่ผลของลอตเตอรี่แห่งจักรวาล ซึ่งรูปแบบชีวิตนับล้าน ๆ ถูกรางวัลอย่างเหมาะเหม็ง.
ความจริงง่าย ๆ คือ พระเจ้า “สร้างสิ่งทั้งปวง และเนื่องด้วยพระทัยประสงค์ของพระองค์สิ่งเหล่านั้นจึงได้ดำรงอยู่และถูกสร้างขึ้น.” พระเยซูคริสต์เองตรัสกับพวกฟาริซายว่า “พวกท่านไม่ได้อ่านหรือว่า, พระผู้ทรงสร้างมนุษย์แต่เดิมได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง.” พระเยซูรู้จักพระผู้สร้าง! ฐานะเป็นนายช่างของพระองค์ พระเยซูอยู่เคียงข้างพระยะโฮวาระหว่างการทรงสร้าง.—มัดธาย 19:4; สุภาษิต 8:22-31.
อย่างไรก็ตาม ต้องมีความเชื่อและความถ่อมใจเพื่อจะเข้าใจและยอมรับความจริงพื้นฐานนี้เกี่ยวกับพระผู้สร้าง. ความเชื่อนี้ไม่ใช่ความงมงายแบบไม่ลืมหูลืมตาแต่อาศัยหลักฐานที่มองเห็นได้ จับต้องได้. ใช่แล้ว “คุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์อันไม่ประจักษ์แก่ตาก็เห็นได้ชัด ตั้งแต่การสร้างโลกเป็นต้นมา.”—โรม 1:20, ล.ม.
เนื่องจากความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันของพวกเรามีจำกัด เราจึงไม่สามารถอธิบายได้ว่าพระเจ้าสร้างอย่างไร. ฉะนั้น เราควรยอมรับว่า ณ ปัจจุบันนี้เราไม่สามารถรู้หรือเข้าใจทุกสิ่งเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของชีวิต. เราได้รับการเตือนใจในเรื่องนี้เมื่อเราอ่านพระคำของพระยะโฮวาว่า “ความคิดของเราไม่เหมือนความคิดของเจ้า, และทางของเราก็ไม่เหมือนทางของเจ้า . . . เพราะท้องฟ้าสูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด, ทางของเราก็สูงกว่าทางของเจ้า, และความคิดของเราก็สูงกว่าความคิดของเจ้าฉันนั้น.”—ยะซายา 55:8, 9.
คุณมีโอกาสเลือก: จะเชื่ออย่างงมงายไม่ลืมหูลืมตาในวิวัฒนาการอันเป็นเรื่องของความบังเอิญ เสมือนการเล่นพนันที่ถูกรางวัลนับครั้งไม่ถ้วน หรือจะเชื่อในพระผู้สร้างผู้ออกแบบที่มีความมุ่งประสงค์ พระยะโฮวาพระเจ้า. ผู้พยากรณ์ที่ได้รับการดลใจกล่าวอย่างเหมาะเจาะว่า “พระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิจ, พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างกระทั่งสุดปลายแผ่นดินโลก, พระองค์มิได้ทรงอิดโรยและอ่อนเปลี้ย. ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ถึงพระปัญญาของพระองค์ได้.”—ยะซายา 40:28.
เอาละ คุณจะเชื่ออย่างไหน? การตัดสินใจของคุณจะก่อความแตกต่างใหญ่หลวงในเรื่องความคาดหวังเกี่ยวกับชีวิตอนาคตของคุณ. ถ้าวิวัฒนาการเป็นความจริง ความตายก็จะหมายถึงการหายวับไปอย่างสิ้นเชิง แม้จะมีข้อโต้แย้งซึ่งดูเหมือนว่าถูกต้องตามหลักเทววิทยาคาทอลิกที่ซับซ้อนวกวน โดยพยายามจะนำ “จิตวิญญาณ” เข้าไปผสมในวิวัฒนาการ.b มนุษย์ไม่มีจิตวิญญาณอมตะที่จะช่วยคลายทุกข์เนื่องจากความตายอันไม่อาจเลี่ยงได้.—เยเนซิศ 2:7; ยะเอศเคล 18:4, 20.
หากเรายอมรับว่า คัมภีร์ไบเบิลเป็นความจริงและพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่เป็นพระผู้สร้างแล้วละก็จะมีคำสัญญาเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายสู่ชีวิตชั่วนิรันดร์ ชีวิตที่สมบูรณ์บนแผ่นดินโลกที่ได้รับการฟื้นฟูสู่สภาพดั้งเดิมที่สมดุลและคล้องประสานกัน. (โยฮัน 5:28, 29) คุณจะมอบความเชื่อไว้ที่ไหน? ในความประจวบเหมาะที่ยากจะเชื่อแห่งทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วินหรือ? หรือในพระผู้สร้าง ผู้ทรงกระทำด้วยความมุ่งประสงค์และจะทำเช่นนั้นต่อไป?c
[เชิงอรรถ]
a “นับตั้งแต่พระเจ้าทรงสร้างโลก อำนาจและความเป็นพระเจ้าตลอดกาลของพระองค์—แม้ว่ามองไม่เห็นด้วยตา—ก็มีอยู่ในสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ได้สร้าง เพื่อจิตใจจะหยั่งรู้ได้.”—โรม 1:20, เจรูซาเลมไบเบิล.
b โปรดดู “การเพ่งดูโลก” หน้า 28 “โปปยืนยันเรื่องวิวัฒนาการอีก.”
c สำหรับการพิจารณาเรื่องนี้โดยละเอียด โปรดดูหนังสือชีวิต—เกิดขึ้นมาอย่างไร? โดยวิวัฒนาการหรือมีผู้สร้าง? จัดพิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ แห่งนิวยอร์ก.
[จุดเด่นหน้า 14]
ตามจริงแล้ว นักทฤษฎีวิวัฒนาการบางคนกล่าวว่า การดำรงอยู่ของเราบนแผ่นดินโลกเป็น “เสมือนเราถูกลอตเตอรี่หนึ่งล้านดอลลาร์ หนึ่งล้านครั้งติดต่อกัน.”
[กรอบ/ภาพหน้า 15]
รูปแบบและชนิดพันธุ์หลากหลายนับไม่ถ้วน
แมลง “นักวิทยาศาสตร์ค้นพบแมลงชนิดพันธุ์ใหม่ราว ๆ 7,000 ถึง 10,000 ชนิดทุกปี” สารานุกรม เดอะ เวิลด์ บุ๊ก เอ็นไซโคลพีเดีย กล่าว. กระนั้น “อาจจะมีตั้งแต่ 1 ล้านถึง 10 ล้านชนิดพันธุ์ที่ยังไม่มีการค้นพบ.” หนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสเลอ มองด์ ตามที่ยกมาอ้างในหนังสือพิมพ์การ์เดียน วีกลี ภายใต้บทความที่เขียนโดยแคเทอรีน วินเซนต์ พูดถึงชนิดพันธุ์ของแมลงที่ได้รับการทำบันทึกไว้ว่า “เป็นจำนวนเล็กน้อยน่าเวทนาเมื่อเทียบกับจำนวนจริง . . . กะประมาณว่าอยู่ระหว่าง 5 ล้านถึงจำนวนอันแทบไม่น่าเชื่อ 50 ล้าน.”
ลองนึกถึงโลกแห่งแมลงอันน่าพิศวง—ผึ้ง, มด, ตัวต่อ, ผีเสื้อ, แมลงสาบ, เต่าทอง, หิ่งห้อย, ปลวก, ผีเสื้อกลางคืน, แมลงวัน, แมลงปอ, ยุง, แมลงสามง่าม, ตั๊กแตน, เหา, จิ้งหรีด, หมัด—แค่เกริ่น ๆ เท่านั้น! รายชื่อดูเหมือนไม่สิ้นสุด.
นก เราอาจพูดอะไรได้บ้างเกี่ยวด้วยนกซึ่งมีน้ำหนักราว ๆ 25 กรัม? “ลองนึกภาพการที่มันอพยพย้ายถิ่นระยะทางมากกว่า 16,000 กิโลเมตรแต่ละปีจากเส้นขอบป่าไม้ของอะแลสกาไปยังป่าดิบของอเมริกาใต้และบินกลับ โดยร่อนผ่านยอดเขา หลบหลีกตึกระฟ้าตามเขตเมือง และบินข้ามน่านน้ำที่แผ่กว้างไพศาลแห่งมหาสมุทรแอตแลนติกและอ่าวเม็กซิโก.” นกที่เหลือเชื่อนี้คือนกอะไร? “นกกระจ้อยแบล็กโพลล์ [Dendroica Striata] ผู้ทรงพลังซึ่งมีความอัจฉริยะในการเดินทางจนแทบไม่มีนกชนิดใดเทียบได้ในบรรดานกบกแห่งอเมริกาเหนือ.” (คู่มือนกอเมริกาเหนือ, ภาษาอังกฤษ) อีกครั้งหนึ่งเราขอถามว่า นี่เป็นผลจากความประจวบเหมาะนับครั้งไม่ถ้วนของธรรมชาติไหม ซึ่งโดยบังเอิญเกิดสิ่งนี้ขึ้น? หรือเป็นผลงานยอดเยี่ยมจากการออกแบบอันชาญฉลาด?
นอกจากตัวอย่างเหล่านี้แล้ว ยังมีนกต่าง ๆ ที่มีบทบรรเลงเพลงดูเหมือนไม่รู้สิ้นสุด เช่น นกไนติงเกล ซึ่งเป็นที่รู้จักดีตลอดทั่วยุโรปและตามส่วนต่าง ๆ ของแอฟริกาและเอเชีย เนื่องจากเสียงร้องอันไพเราะของมัน; นกม็อกกิงเบิร์ดในตอนเหนือของอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็น “นักเลียนเสียงที่ชำนาญ และรวมเอาวลีที่มันท่องจำเข้าไว้เป็นส่วนหนึ่งในเพลงของมัน”; นกหางพิณที่เหนือชั้นของออสเตรเลีย ซึ่งมี “บทเพลงที่มีการพัฒนาอย่างสูง ซึ่งมีส่วนประกอบที่แสดงถึงการเลียนเสียงได้เก่งอย่างน่าพิศวง.”—หนังสือนกของโลก (ภาษาอังกฤษ).
นอกจากนี้ การออกแบบสีสัน ปีก และขนอย่างสมบูรณ์ไม่มีที่ติของนกมากมายหลายชนิด ทำให้เราอ้าปากค้างด้วยความพรึงเพริด. มันยังชำนาญในการสานสร้างรัง ไม่ว่าบนดิน, บนหน้าผาสูงชัน, หรือบนต้นไม้. เชาวน์ปัญญาที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดนี้คงต้องทำให้ผู้อ่อนน้อมถ่อมตนประทับใจ. ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นมาอย่างไร? โดยความบังเอิญหรือได้รับการออกแบบ?
สมองของมนุษย์ “อาจมีจำนวนตั้งแต่สิบล้านล้านถึงหนึ่งร้อยล้านล้านซินแนปส์ในสมอง และแต่ละซินแนปส์ทำงานเสมือนเครื่องคิดเลขขนาดจิ๋ว ซึ่งจะบันทึกสัญญาณที่มาถึงในรูปของสัญญาณไฟฟ้า.” (หนังสือเดอะ เบรน) เรามักจะมองข้ามความอัศจรรย์ของสมอง กระนั้น มันเป็นเสมือนเอกภพอันประณีตซับซ้อนที่ถูกบรรจุและปกป้องไว้ในกะโหลกศีรษะ. เราได้อวัยวะนี้มาอย่างไร ซึ่งทำให้มนุษย์สามารถคิด, หาเหตุผล, และพูด นับพัน ๆ ภาษา? โดยความประจวบเหมาะแบบโชคดี? หรือโดยการออกแบบอันชาญฉลาด?
[แผนภูมิหน้า 16, 17]
แผนภาพแบบง่าย ๆ ของสมองส่วนภายนอก
เซนซอรี คอร์เทกซ์
วิเคราะห์สัญญาณจากประสาทสัมผัสทั่วร่างกาย
ออกซิพิตัล โลบ
ทำหน้าที่ประมวลผลสัญญาณต่าง ๆ เกี่ยวกับการมองเห็น
ซีรีเบลลัม
ควบคุมการทรงตัวและการประสานงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย
พรีมอเตอร์ คอร์เทกซ์
ควบคุมการประสานงานของกล้ามเนื้อ
มอเตอร์ คอร์เทกซ์
ช่วยควบคุมความเคลื่อนไหวโดยจงใจ
ฟรอนตัล โลบ
ช่วยควบคุมการหาเหตุผล, อารมณ์, การพูด, การเคลื่อนไหว
เทมโพรัล โลบ
ทำการประมวลผลเสียง; ควบคุมด้านต่าง ๆ ของการเรียนรู้, ความจำ, ภาษา, อารมณ์
[แผนภูมิหน้า 16]
ปลายเส้นใยประสาทส่งสัญญาณออก
เซลล์ประสาทถ่ายทอดสัญญาณ
เดนไดรต์
ซินแนปส์
[แผนภูมิหน้า 16, 17]
นิวรอน
เดนไดรต์
แอกซอน
เดนไดรต์
ซินแนปส์
นิวรอน
แอกซอน
“อาจมีจำนวนตั้งแต่สิบล้านล้านถึงหนึ่งร้อยล้านล้านซินแนปส์ในสมอง และแต่ละซินแนปส์ทำงานเสมือนเครื่องคิดเลขขนาดจิ๋ว ซึ่งจะจดจำสัญญาณที่มาถึงในรูปของสัญญาณไฟฟ้า.”—หนังสือเดอะ เบรน
[ที่มาของภาพหน้า 13]
Moon and planets: NASA photo