การศึกษาพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจพร้อมด้วยภูมิหลัง
บทเรียนที่ 10—คัมภีร์ไบเบิล—เชื่อถือได้และเป็นความจริง
เนื้อเรื่องในคัมภีร์ไบเบิลครอบคลุมประวัติศาสตร์, ภูมิศาสตร์, และต้นกำเนิดของมนุษย์; ความถูกต้องแม่นยำทางวิทยาศาสตร์, วัฒนธรรม, และประเพณี; ความตรงไปตรงมา, ความสอดคล้องกัน, และความซื่อสัตย์มั่นคงของผู้เขียน; และคำพยากรณ์ต่าง ๆ ของคัมภีร์ไบเบิล.
1. (ก) คัมภีร์ไบเบิลเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่าเป็นอะไร? (ข) อะไรคือสาเหตุเบื้องหลังความโดดเด่นของคัมภีร์ไบเบิล?
คัมภีร์ไบเบิลเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่าเป็นผลงานประพันธ์ชิ้นเอกที่ยิ่งใหญ่แห่งความไพเราะของกวีนิพนธ์อันล้ำเลิศและเป็นความสำเร็จอันโดดเด่นสำหรับมนุษย์ซึ่งเป็นผู้เขียน. แต่มีมากยิ่งกว่านั้นอีก. บรรดาผู้เขียนเองยืนยันว่าสิ่งที่เขาเขียนนั้นเป็นมาจากพระยะโฮวา พระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ. นี่คือสาเหตุเบื้องหลังความไพเราะแห่งถ้อยคำในคัมภีร์ไบเบิล และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือคุณค่าอันเลิศล้ำในฐานะเป็นหนังสือแห่งความรู้และปัญญาที่ให้ชีวิต. พระเยซูพระบุตรของพระเจ้าทรงยืนยันว่าถ้อยคำที่พระองค์ตรัส “เป็นวิญญาณและเป็นชีวิต” และพระองค์ทรงยกถ้อยคำจากพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูโบราณมากล่าวมากมายหลายครั้ง. อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า “พระคัมภีร์ทุกตอนมีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า” และท่านกล่าวถึงพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูว่าเป็น “ถ้อยแถลงอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า.”—โย. 6:63, ล.ม.; 2 ติโม. 3:16, ล.ม.; โรม 3:1, 2, ล.ม.
2, 3. ผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลยืนยันอย่างไรในเรื่องที่คัมภีร์ไบเบิลมีขึ้นโดยการดลใจ?
2 อัครสาวกเปโตรยืนยันว่าเหล่าผู้พยากรณ์ของพระเจ้าถูกกระตุ้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์. กษัตริย์ดาวิดเขียนดังนี้: “พระวิญญาณของพระยะโฮวาทรงตรัสแก่ข้าพเจ้า, และพระดำรัสของพระองค์อยู่ที่ลิ้นของข้าพเจ้า.” (2 ซามู. 23:2) พวกผู้พยากรณ์ถือว่าถ้อยคำของพวกเขามาจากพระยะโฮวา. โมเซเตือนให้ระวังการเพิ่มเติมหรือตัดทอนถ้อยคำอันศักดิ์สิทธิ์ที่พระยะโฮวาได้ทรงประทานแก่ท่าน. เปโตรถือว่าจดหมายของเปาโลเป็นหนังสือที่มีขึ้นโดยการดลใจ และดูเหมือนยูดาก็ได้อ้างถึงคำกล่าวของเปโตรว่ามีขึ้นโดยการดลใจ. สุดท้าย โยฮันผู้เขียนพระธรรมวิวรณ์ได้เขียนว่าท่านได้รับการทรงนำโดยพระวิญญาณของพระเจ้าและเตือนว่าใครก็ตามที่เพิ่มเติมหรือตัดทอนการเปิดเผยคำพยากรณ์นี้จะต้องให้การ ไม่ใช่ต่อมนุษย์ แต่ต่อพระเจ้าโดยตรง.—1 เป. 1:10-12; 2 เป. 1:19-21; บัญ. 4:2; 2 เป. 3:15, 16; ยูดา 17, 18; วิ. 1:1, 10; 21:5; 22:18, 19.
3 ทาสที่เลื่อมใสเหล่านั้นของพระเจ้าล้วนแต่ยืนยันว่าคัมภีร์ไบเบิลมีขึ้นโดยการดลใจและเป็นความจริง. มีข้อพิสูจน์อื่น ๆ อีกมากมายเกี่ยวกับความเชื่อถือได้ของพระคัมภีร์บริสุทธิ์ ซึ่งเราจะพิจารณาบางส่วนภายใต้ 12 หัวข้อต่อไปนี้.
4. ชาวยิวมองดูพระธรรมต่าง ๆ ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูอย่างไรเสมอ?
4 (1) ความถูกต้องแม่นยำทางประวัติศาสตร์. ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที พระธรรมต่าง ๆ ที่อยู่ในสารบบของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเป็นที่ยอมรับโดยชาวยิวว่าเป็นเอกสารที่มีขึ้นโดยการดลใจและเชื่อถือได้ทั้งหมด. ด้วยเหตุนั้น ในสมัยดาวิด เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มีบันทึกไว้ตั้งแต่เยเนซิศถึงซามูเอลฉบับต้นจึงเป็นที่ยอมรับอย่างเต็มที่ว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องของชาตินี้และแสดงให้เห็นวิธีที่พระเจ้าปฏิบัติต่อพวกเขา และเรื่องนี้มีการแสดงให้เห็นโดยเพลงสรรเสริญบท 78 ซึ่งกล่าวถึงรายละเอียดเหล่านั้นมากกว่า 35 เรื่อง.
5. พวกนักเขียนสมัยโบราณยืนยันอย่างไรเกี่ยวกับโมเซและประมวลกฎหมายของชาวยิว?
5 พวกที่ต่อต้านคัมภีร์ไบเบิลโจมตีเพนทาทุกอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในเรื่องความเชื่อถือได้และเรื่องผู้เขียน. อย่างไรก็ตาม พยานหลักฐานของนักเขียนสมัยโบราณซึ่งบางคนเป็นศัตรูของพวกยิวก็อาจเพิ่มน้ำหนักแก่การที่ชาวยิวยอมรับว่าโมเซเป็นผู้เขียนเพนทาทุก. เฮคาแทอุสแห่งอับเดรา, มาเนโท นักประวัติศาสตร์ชาวอียิปต์, ลีซิมาคุสแห่งอะเล็กซานเดรีย, ยูโพเลมุส, ทาซิทุส, และยูเวนัล ทั้งหมดต่างถือว่าโมเซเป็นผู้บัญญัติประมวลกฎหมายซึ่งแยกชาติยิวออกจากชาติอื่น ๆ และพวกเขาส่วนใหญ่กล่าวอย่างชัดแจ้งว่าท่านเขียนข้อกฎหมายของท่านไว้. นูเมนิอุส นักปราชญ์ซึ่งเป็นศิษย์ของพีทากอรัส กระทั่งกล่าวถึงยานเนกับยามเบรว่าเป็นปุโรหิตชาวอียิปต์ซึ่งต่อต้านโมเซด้วย. (2 ติโม. 3:8) นักเขียนเหล่านี้อยู่ในช่วงเวลาตั้งแต่สมัยของอะเล็กซานเดอร์ (ศตวรรษที่สี่ ก.ส.ศ.) ตอนที่ชาวกรีกเริ่มสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยิวเป็นครั้งแรก จนถึงสมัยของจักรพรรดิเอาเรเลียน (ศตวรรษที่สาม ส.ศ.). นักเขียนสมัยโบราณคนอื่น ๆ อีกหลายคนกล่าวถึงโมเซว่าเป็นผู้นำ, ผู้ปกครอง, หรือผู้ให้กฎหมาย.a ดังที่เราเห็นแล้วจากบทเรียนก่อนหน้านี้ การค้นพบต่าง ๆ ทางโบราณคดีมักสนับสนุนความถูกต้องแม่นยำทางประวัติศาสตร์ของเหตุการณ์ที่มีบันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิลซึ่งไพร่พลของพระเจ้าเข้าไปเกี่ยวข้องกับชาติต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ.
6. พยานหลักฐานอะไรสนับสนุนความถูกต้องแม่นยำทางประวัติศาสตร์ของพระคัมภีร์ภาคภาษากรีก?
6 แต่จะว่าอย่างไรกับพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก? พระคัมภีร์นี้ไม่เพียงแต่พิสูจน์ยืนยันบันทึกในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเท่านั้น แต่พระคัมภีร์นี้เองยังได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้องแม่นยำทางประวัติศาสตร์ อีกทั้งเชื่อถือได้และมีขึ้นโดยการดลใจเหมือนกับพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู. ผู้เขียนพระคัมภีร์ต่างแถลงแก่เราถึงสิ่งที่พวกเขาได้ยินและได้เห็น เนื่องจากเขาได้เป็นประจักษ์พยานและบ่อยครั้งเป็นผู้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เขาบันทึกไว้นั้น. พวกเขาได้รับความเชื่อถือจากคนในสมัยเดียวกันนับเป็นพัน ๆ คน. คำพยานของเขาได้รับการยืนยันมากมายในข้ออ้างอิงโดยพวกนักเขียนสมัยโบราณ ซึ่งได้แก่ ยูเวนัล, ทาซิทุส, เซเนกา, ซูเอโทนิอุส, พลินี เดอะ ยังเกอร์, ลูเชียน, เซลซุส, และโยเซฟุสนักประวัติศาสตร์ชาวยิว.
7. (ก) เอส. เอ. อัลลิโบนให้เหตุผลอะไรในเรื่องความเชื่อถือได้ของคัมภีร์ไบเบิลซึ่งเหนือกว่า? (ข) เขากล่าวว่าคนที่ไม่ยอมรับหลักฐานนั้นมีอะไรผิดไป?
7 เมื่อเขียนในเดอะ ยูเนียน ไบเบิล คอมแพนเนียน เอส. ออสติน อัลลิโบนกล่าวว่า “เซอร์ไอแซ็ก นิวตัน . . . ก็มีชื่อเสียงในฐานะนักวิจารณ์หนังสือโบราณเช่นกัน และได้ตรวจสอบพระคัมภีร์บริสุทธิ์ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง. เขามีความคิดเห็นอย่างไรในจุดนี้? เขาบอกว่า ‘ข้าพเจ้าพบเห็นลักษณะต่าง ๆ ที่ทำให้แน่ใจในเรื่องความเชื่อถือได้ในพันธสัญญาใหม่มากกว่าในประวัติศาสตร์ทางโลกใด ๆ ไม่ว่าอะไรก็ตาม.’ ดร. จอห์นสันกล่าวว่า เรามีหลักฐานว่าพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์ ณ โกลโกทา ดังที่มีกล่าวไว้ในกิตติคุณ มากกว่าหลักฐานที่เรามีในเรื่องที่ว่าจูเลียส ซีซาร์ตายในรัฐสภาเสียอีก. อันที่จริง เรามีหลักฐานมากกว่าอย่างเทียบไม่ได้. ลองถามใครสักคนที่อ้างว่าสงสัยความจริงแห่งประวัติศาสตร์ในกิตติคุณว่า เขามีเหตุผลอะไรที่เชื่อว่าซีซาร์ตายในรัฐสภา หรือเชื่อว่าจักรพรรดิชาร์เลเมนถูกสันตะปาปาเลโอที่ 3 ตั้งเป็นจักรพรรดิแห่งตะวันตกในปี 800 . . . คุณทราบอย่างไรว่าคนอย่างชาลส์ที่ 1 เคยมีชีวิต และถูกตัดศีรษะ และโอลิเวอร์ ครอมเวลล์กลายเป็นผู้ครอบครองแทน? . . . เซอร์ไอแซ็ก นิวตันมีชื่อเสียงเนื่องด้วยการค้นพบกฎของความโน้มถ่วง . . . เราเชื่อข้อยืนยันทั้งหมดที่เพิ่งกล่าวไปเกี่ยวกับคนเหล่านั้น และนั่นเป็นเพราะเรามีหลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับความจริงของเขา. . . . หากมีการเสนอข้อพิสูจน์อย่างนี้แล้ว ยังมีใครไม่ยอมเชื่อ เราก็ปล่อยเขาให้ดันทุรังอย่างโง่เง่าหรือโฉดเฉาไม่มีทางแก้ไปเถิด. ถ้าเช่นนั้น เราจะกล่าวเช่นไรเกี่ยวกับคนที่ถึงจะมีการเสนอหลักฐานมากมายในขณะนี้เกี่ยวกับความเชื่อถือได้ของพระคัมภีร์บริสุทธิ์ ก็ยังแสดงตัวเป็นคนไม่ยอมรับ? . . . เราคงมีเหตุผลแน่นอนที่จะลงความเห็นว่านั่นเป็นเพราะหัวใจไม่ใช่หัวคิดซึ่งผิดไป—เขาไม่ต้องการเชื่อในสิ่งซึ่งทำให้เขาต้องลดความเย่อหยิ่ง และจะบังคับเขาให้ดำเนินชีวิตในแบบที่ต่างออกไป.”b
8. มีการแสดงให้เห็นอย่างไรว่าศาสนาคริสเตียนแห่งคัมภีร์ไบเบิลแตกต่างจากศาสนาอื่น ๆ ทั้งหมด?
8 ความเหนือกว่าของศาสนาคริสเตียนในฐานะเป็นศาสนาที่เหล่าผู้นับถือต่างนมัสการด้วยความจริงมีการเน้นโดยจอร์จ รอว์ลินสัน ซึ่งเขียนว่า “ศาสนาคริสเตียน—รวมทั้งพระบัญญัติและคำสัญญาในพันธสัญญาเดิมด้วย ซึ่งเป็นขั้นแรกของศาสนาคริสเตียนนั้น—แตกต่างจากศาสนาอื่น ๆ ของโลกในด้านลักษณะความเป็นจริงและความถูกต้องทางประวัติศาสตร์. ศาสนาต่าง ๆ ของกรีซและโรม, ของอียิปต์, อินเดีย, เปอร์เซีย, และของประเทศทางตะวันออกโดยทั่วไป เป็นระบบคาดเดา ซึ่งไม่ได้ถือเอาประวัติศาสตร์เป็นหลักด้วยซ้ำ. . . . แต่ศาสนาแห่งคัมภีร์ไบเบิลไม่เป็นอย่างนั้น. ในที่นั่น ไม่ว่าเราจะอาศัยพันธสัญญาเดิมหรือพันธสัญญาใหม่ จะอาศัยพระบัญญัติของชาวยิวหรือคริสเตียน เราจะพบแบบแผนหลักคำสอนซึ่งผูกพันกับข้อเท็จจริง; ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงทั้งสิ้น; ซึ่งจะเป็นโมฆะหากปราศจากข้อเท็จจริงเหล่านั้น; และซึ่งตามความเป็นจริงแล้วอาจถือว่าเชื่อถือได้แน่นอน ถ้ามีการแสดงให้เห็นว่าข้อเท็จจริงเหล่านั้นสมควรแก่การยอมรับ.”c
9. จงยกตัวอย่างความถูกต้องแม่นยำของข้ออ้างอิงทางภูมิศาสตร์ของคัมภีร์ไบเบิล.
9 (2) ความถูกต้องแม่นยำทางภูมิศาสตร์และทางธรณีวิทยา. นักเขียนหลายคนได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับความถูกต้องแม่นยำอันโดดเด่นของคำพรรณนาในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับแผ่นดินตามคำสัญญาและเขตแดนใกล้เคียง. ยกตัวอย่าง ดร. เอ. พี. สแตนลีย์ นักเดินทางที่มุ่งทางตะวันออกคนหนึ่งกล่าวเกี่ยวกับการเดินทางของชาวยิศราเอลในถิ่นทุรกันดารดังนี้: “ถึงแม้ไม่ทราบเส้นทางที่แน่ชัดของพวกเขา แต่ลักษณะเฉพาะตัวแบบต่าง ๆ ของประเทศนั้นเหมือนกันถึงขนาดที่ประวัติบันทึกนั้นคงยังมีตัวอย่างที่โดดเด่นให้เห็นมากมาย. . . . บ่อน้ำพุ, และบ่อน้ำ, และลำธารเล็ก ๆ ที่มีเป็นครั้งคราวสอดคล้องกับข้อความเกี่ยวกับ ‘น้ำ’ ที่มารา; ‘น้ำพุ’ ที่ . . . เอลิม; ‘ลำธาร’ ที่โฮเร็บ; ‘บ่อน้ำ’ ของบุตรีของยิธโร พร้อมด้วย ‘ราง’ หรือถัง ในมิดยาน. เรื่องของพืชผักก็ยังเป็นสิ่งซึ่งเราน่าจะอนุมานได้จากประวัติศาสตร์ของโมเซ.”d ในบันทึกเกี่ยวกับอียิปต์ ความถูกต้องแม่นยำเห็นได้ไม่เพียงในคำพรรณนาเกี่ยวกับเขตแดนเท่านั้น—เช่น แผ่นดินอันอุดมด้วยธัญชาติ, ริมแม่น้ำไนล์ที่มีกอปรือ (เย. 41:47-49; เอ็ก. 2:3), น้ำที่ได้จาก ‘แม่น้ำ, คลอง, บึงที่เต็มไปด้วยกอปรือ, และสระ’ (เอ็ก. 7:19, ฉบับแปลใหม่), ‘ต้นป่าน, ต้นบารลี, ข้าวสาลี, และข้าวสแปลต์’ (เอ็ก. 9:31, 32, ฉบับแปลใหม่)—แต่ในเรื่องชื่อและที่ตั้งของเมืองต่าง ๆ ด้วย.
10. นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้รับผลตอบแทนอย่างไรในการติดตามบันทึกของคัมภีร์ไบเบิล?
10 ความไว้วางใจที่นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่บางคนมีต่อบันทึกทางธรณีวิทยาและทางภูมิศาสตร์ในคัมภีร์ไบเบิลมีมากถึงขนาดที่พวกเขาติดตามคัมภีร์ไบเบิลโดยให้เป็นเครื่องชี้นำและได้รับผลตอบแทนเป็นอย่างดี. หลายปีมาแล้ว ดร. เบน ทอร์ นักธรณีวิทยาผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ทำตามข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า จะพาเจ้าทั้งหลายเข้ามาในประเทศที่ดี . . . แผ่นดินที่หินเป็นเหล็ก.” (บัญ. 8:7, 9) ไม่กี่กิโลเมตรจากเบเออร์เซบา (บะเอระซาบา) เขาพบหน้าผามหึมาที่เต็มไปด้วยแร่สีแดงปนดำ. ประมาณกันว่าที่นี่มีแร่เหล็กคุณภาพต่ำราว 13.6 ล้านตัน. ต่อมา วิศวกรได้ค้นพบสายแร่ดีเยี่ยมยาว 1.5 กิโลเมตร มีเหล็กบริสุทธิ์ 60 ถึง 65 เปอร์เซ็นต์. ดร. โจเซฟ ไวทซ์ เจ้าหน้าที่ผู้มีชื่อในด้านการปลูกป่าของยิศราเอลกล่าวว่า “ต้นไม้ต้นแรกที่อับราฮามปลูกลงในดินที่เบเออร์เซบาคือต้นทามาริสก์.” “โดยทำตามท่าน สี่ปีที่แล้วเราปลูกต้นไม้นี้ถึงสองล้านต้นในบริเวณเดียวกัน. อับราฮามเป็นฝ่ายถูก. ต้นทามาริสก์เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งในไม่กี่ชนิดที่เราพบว่างอกงามในภาคใต้ซึ่งปีหนึ่ง ๆ มีปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าหกนิ้ว.”e หนังสือไม้ยืนต้นและไม้พุ่มในมรดกทางคัมภีร์ไบเบิลของเรา (ภาษาอังกฤษ) โดยโนกาห์ ฮารูเวนี เสริมว่า “ดูเหมือนว่าท่านอับราฮามปฐมบรรพบุรุษไม่เพียงแต่ปลูกต้นไม้อะไรก็ได้เมื่อมาถึงเบเออร์เซบา. . . . ท่านเลือกต้นไม้ซึ่งร่มเงาของมันจะเย็นกว่าต้นไม้อื่น ๆ. ยิ่งกว่านั้น ต้น [ทามาริสก์] นี้สามารถทนความร้อนและความแห้งแล้งระยะยาวได้โดยงอกรากของมันลึกลงไปหาน้ำใต้ดิน. จึงไม่น่าประหลาดใจที่ต้น [ทามาริสก์] นี้คงอยู่จนถึงสมัยนี้ในบริเวณใกล้เคียงเบเออร์เซบา.”f—เย. 21:33.
11. ศาสตราจารย์วิลสันยืนยันความถูกต้องแม่นยำของคัมภีร์ไบเบิลอย่างไร?
11 เกี่ยวกับรายละเอียดต่าง ๆ เช่น คำชี้แจงเรื่องลำดับเวลาและภูมิศาสตร์ในคัมภีร์ไบเบิลนั้น ศาสตราจารย์ อาร์. ดี. วิลสัน เขียนในการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับพันธสัญญาเดิม (ภาษาอังกฤษ) หน้า 213-214 ดังนี้: “คำชี้แจงเรื่องลำดับเวลาและภูมิศาสตร์นั้นถูกต้องแม่นยำและเชื่อถือได้มากกว่าคำชี้แจงที่เอกสารโบราณอื่น ๆ มีให้เสียอีก; และคำบรรยายอื่น ๆ ในเรื่องชีวประวัติและประวัติศาสตร์ก็สอดคล้องกันอย่างน่าทึ่งกับหลักฐานที่เอกสารนอกคัมภีร์ไบเบิลให้ไว้.”
12. ข้อเท็จจริงต่าง ๆ สอดคล้องกับบันทึกในคัมภีร์ไบเบิลอย่างไรในเรื่องต้นกำเนิดของมนุษยชาติ?
12 (3) เผ่าพันธุ์และภาษาต่าง ๆ ของมนุษยชาติ. ไบรอน ซี. เนลสัน กล่าวในหนังสือตามชนิดของมัน (ภาษาอังกฤษ) ว่า “ที่ถูกสร้างขึ้นนั้นคือมนุษย์ ไม่ใช่คนนิโกร, คนจีน, คนยุโรป. มนุษย์สองคนซึ่งคัมภีร์ไบเบิลรู้จักว่าเป็นอาดามและฮาวานั้นได้ถูกสร้างขึ้น โดยการสืบเชื้อสายและความแตกต่างตามธรรมชาติ มนุษย์ทุกประเภทซึ่งอยู่บนพื้นแผ่นดินโลกจึงเกิดมาจากเขาทั้งสอง. มนุษย์ทุกเชื้อชาติไม่ว่าผิวสีอะไรหรือรูปร่างขนาดไหน ต่างก็เป็นชนิดเดียวตามธรรมชาติ. พวกเขาคิดเหมือนกัน, รู้สึกเหมือนกัน, โครงสร้างร่างกายเหมือนกัน, แต่งงานกันได้, และสามารถให้กำเนิดมนุษย์ลักษณะเดียวกัน. ทุกเชื้อชาติต่างสืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษคู่เดียวกันซึ่งเกิดมาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์จากพระหัตถ์ของพระผู้สร้าง.”g นี่คือพยานหลักฐานจากเยเนซิศ 1:27, 28; 2:7, 20-23; 3:20; กิจ. 17:26; และโรม 5:12.
13. นักโบราณคดีคนหนึ่งกล่าวอย่างไรในเรื่องจุดศูนย์กลางซึ่งภาษาโบราณต่าง ๆ กระจายออกมา?
13 เกี่ยวกับบันทึกในคัมภีร์ไบเบิลเรื่องจุดศูนย์กลางซึ่งการกระจายภาษาต่าง ๆ ในสมัยโบราณได้เริ่มขึ้นนั้น เซอร์เฮนรี รอว์ลินสัน นักโบราณคดีกล่าวว่า “หากเราจะต้องให้เรื่องชุมทางภาษาอย่างเดียวมาชี้นำ และไม่อาศัยข้ออ้างอิงใด ๆ ทั้งสิ้นจากบันทึกในพระคัมภีร์ เราก็จะยังคงถูกชี้นำให้ยึดเอาที่ราบไชนาร์ (ซีนาร) เป็นศูนย์รวมซึ่งภาษาต่าง ๆ ได้กระจายออกไปอยู่นั่นเอง.”h—เย. 11:1-9.
14. (ก) อะไรเพียงประการเดียวก็จัดคัมภีร์ไบเบิลไว้ต่างหากในฐานะที่มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า? (ข) ทัศนะที่สมเหตุสมผลอะไรที่มีแต่ในคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้น และลักษณะที่ใช้ได้ผลจริงของคัมภีร์ไบเบิลแผ่คลุมทุกด้านของชีวิตประจำวันอย่างไร?
14 (4) ใช้ได้ผลจริง. หากไม่มีข้อพิสูจน์อื่น ๆ อีกในเรื่องความเชื่อถือได้ หลักการอันชอบธรรมและมาตรฐานศีลธรรมในคัมภีร์ไบเบิลคงจัดคัมภีร์ไบเบิลไว้ต่างหากในฐานะเป็นผลิตผลแห่งความคิดของพระเจ้า. นอกจากนั้น ลักษณะที่ใช้ได้ผลจริงของคัมภีร์ไบเบิลยังแผ่คลุมทุกด้านของชีวิตประจำวัน. ไม่มีหนังสืออื่นใดที่ให้ทัศนะที่สมเหตุสมผลแก่เราในเรื่องต้นกำเนิดแห่งสรรพสิ่ง ซึ่งรวมถึงมนุษยชาติ และเรื่องพระประสงค์ที่พระผู้สร้างมีต่อแผ่นดินโลกและมนุษย์. (เย. บท 1; ยซา. 45:18) คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่าทำไมคนเราตายและทำไมจึงมีความชั่วช้า. (เย. บท 3; โรม 5:12; โยบ บท 1, 2; เอ็ก. 9:16) คัมภีร์ไบเบิลกำหนดมาตรฐานสูงสุดในเรื่องความยุติธรรม. (เอ็ก. 23:1, 2, 6, 7; บัญ. 19:15-21) คัมภีร์ไบเบิลให้คำแนะนำที่ถูกต้องในเรื่องวิธีดำเนินธุรกิจ (เลวี. 19:35, 36; สุภา. 20:10; 22:22, 23; มัด. 7:12); ความประพฤติที่สะอาดด้านศีลธรรม (เลวี. 20:10-16; ฆลา. 5:19-23; เฮ็บ. 13:4); ความสัมพันธ์กับคนอื่น (เลวี. 19:18; สุภา. 12:15; 15:1; 27:1, 2, 5, 6; 29:11; มัด. 7:12; 1 ติโม. 5:1, 2); การสมรส (เย. 2:22-24; มัด. 19:4, 5, 9; 1 โก. 7:2, 9, 10, 39); สัมพันธภาพในครอบครัวและหน้าที่ของสามี, ภรรยา, และบุตร (บัญ. 6:4-9; สุภา. 13:24; เอเฟ. 5:21-33; 6:1-4; โกโล. 3:18-21; 1 เป. 3:1-6); ทัศนะที่ถูกต้องต่อผู้ปกครองบ้านเมือง (โรม 13:1-10; ติโต 3:1; 1 ติโม. 2:1, 2; 1 เป. 2:13, 14); การทำงานด้วยความซื่อสัตย์และความสัมพันธ์ระหว่างนายกับทาสและนายจ้างกับลูกจ้าง (เอเฟ. 4:28; โกโล. 3:22-24; 4:1; 1 เป. 2:18-21); การคบหาสมาคมที่เหมาะสม (สุภา. 1:10-16; 5:3-11; 1 โก. 15:33; 2 ติโม. 2:22; เฮ็บ. 10:24, 25); การจัดการกับข้อขัดแย้ง (มัด. 18:15-17; เอเฟ. 4:26); และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งส่งผลกระทบอย่างสำคัญยิ่งต่อชีวิตประจำวันของเรา.
15. มีการแสดงให้เห็นอย่างไรว่าคำแนะนำของคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับสุขภาพทางจิตใจและร่างกายนั้นใช้การได้จริง?
15 นอกจากนี้ คัมภีร์ไบเบิลยังจัดให้มีเครื่องชี้นำอันมีคุณค่าเกี่ยวกับสุขภาพทางร่างกายและจิตใจด้วย. (สุภา. 15:17; 17:22) เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้ การค้นคว้าทางการแพทย์แสดงให้เห็นว่าสุขภาพร่างกายของคนเราได้รับผลกระทบจากเจตคติของเขาจริง ๆ. ตัวอย่างเช่น การศึกษาค้นคว้าต่าง ๆ แสดงว่าคนที่มีแนวโน้มจะโกรธง่ายมักมีระดับความดันโลหิตสูงที่สุด. การศึกษาค้นคว้าบางอย่างรายงานว่าความโกรธทำให้เกิดอาการทางหัวใจ, ปวดศีรษะ, เลือดกำเดาไหล, วิงเวียน, หรือเปล่งเสียงไม่ออก. แต่คัมภีร์ไบเบิลชี้แจงไว้นานแล้วดังนี้: “ใจที่สงบเป็นความจำเริญชีวิตฝ่ายกาย.”—สุภา. 14:30; เทียบกับมัดธาย 5:9.
16. คำกล่าวที่เป็นความจริงอะไรบ้างในคัมภีร์ไบเบิลที่มีอยู่ก่อนการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องนั้นนานมาก?
16 (5) ความถูกต้องแม่นยำทางวิทยาศาสตร์. แม้คัมภีร์ไบเบิลไม่ใช่ตำราวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อคัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงเรื่องทางวิทยาศาสตร์ ก็เห็นว่าคัมภีร์ไบเบิลถูกต้องแม่นยำและสอดคล้องกับการค้นพบและความรู้ที่แท้จริงทางวิทยาศาสตร์. เรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับลำดับการทรงสร้าง ซึ่งรวมถึงชีวิตสัตว์ (เย. บท 1); โลกกลมหรือมีสัณฐานทรงกลม (ยซา. 40:22); และการที่โลกห้อยอยู่ในอวกาศ “บนความว่างเปล่า” ต่างมีอยู่ก่อนการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องความจริงเหล่านี้. (โยบ 26:7, ล.ม.) สรีรวิทยาสมัยใหม่แสดงให้เห็นความจริงแห่งคำกล่าวในพระคัมภีร์ที่ว่า “ฝ่ายเนื้อนั้นไม่เหมือนกันหมด” โครงสร้างของเซลล์ของเนื้อชนิดหนึ่งย่อมต่างไปจากเนื้ออีกชนิดหนึ่ง มนุษย์มี “เนื้อ” ของตนเองที่ไม่มีเนื้อชนิดใดเหมือน. (1 โก. 15:39)i ในด้านสัตววิทยา เลวีติโก 11:6 จัดกระต่ายไว้ในจำพวกสัตว์ที่เคี้ยวเอื้อง. เรื่องนี้เคยถูกเยาะเย้ย แต่เดี๋ยวนี้วิทยาศาสตร์พบว่ากระต่ายสำรอกอาหารออกมาเคี้ยวอีก.j
17. มีการแสดงให้เห็นอย่างไรว่าคัมภีร์ไบเบิลถูกต้องในด้านการแพทย์?
17 คำกล่าวที่ว่า “ชีวิตของเนื้อหนังอยู่ในเลือด” มาเป็นที่ยอมรับกันในสมัยนี้ว่าเป็นความจริงพื้นฐานของวิทยาศาสตร์การแพทย์. (เลวี. 17:11-14, ฉบับแปลใหม่) พระบัญญัติของโมเซระบุว่า สัตว์, นก, และปลาชนิดใดที่ “สะอาด” สำหรับให้มนุษย์รับประทาน และพระบัญญัติห้ามอาหารที่มีอันตราย. (เลวี. บท 11) พระบัญญัติเรียกร้องว่า ที่ค่ายทหาร จะต้องกลบอุจจาระมนุษย์เสีย เมื่อทำเช่นนั้นจึงเป็นการป้องกันอย่างดีทีเดียวจากโรคติดเชื้อที่มีแมลงวันเป็นพาหะ เช่นบิดและไข้ไทฟอยด์. (บัญ. 23:9-14) กระทั่งทุกวันนี้ บางประเทศมีปัญหาร้ายแรงด้านสุขภาพก็เนื่องจากการกำจัดของเสียของมนุษย์อย่างไม่ถูกต้อง. ผู้คนในประเทศเหล่านั้นคงจะมีสุขภาพดีขึ้นมากหากเขาปฏิบัติตามคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลในเรื่องสุขอนามัย.
18. มีตัวอย่างอะไรอีกในเรื่องความถูกต้องแม่นยำทางวิทยาศาสตร์ของคัมภีร์ไบเบิล?
18 คัมภีร์ไบเบิลแนะให้ดื่มเหล้าองุ่นบ้างเพื่อ “ประโยชน์แก่กระเพาะอาหารของท่าน” และเพื่อ “บำบัดโรค.” (1 ติโม. 5:23) ดร. ซัลวาทอเร พี. ลูเซีย ศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์ประจำคณะแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เขียนว่า “เหล้าองุ่นเป็นเครื่องดื่มพร้อมอาหารที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นตัวยาสำคัญที่สุดที่ใช้ต่อเนื่องตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ.”k
19. อาจแสดงให้เห็นความถูกต้องแม่นยำของข้อเขียนของลูกาได้อย่างไร?
19 (6) วัฒนธรรมและประเพณี. ในหนังสือการค้นพบสมัยใหม่และคัมภีร์ไบเบิล (ภาษาอังกฤษ) เอ. เรนเดิล ชอร์ต เขียนถึงพระธรรมกิจการว่า “เป็นประเพณีของชาวโรมันที่จะปกครองแคว้นต่าง ๆ แห่งจักรวรรดิอันไพศาลของตนโดยระบบบริหารราชการส่วนท้องถิ่นต่อไปตราบที่พวกเขาทำได้อย่างปลอดภัย และดังนั้นผู้มีอำนาจในเขตการปกครองต่างกันจึงมีชื่อตำแหน่งต่างกันมากมาย. ไม่มีสักคนเดียวอาจบอกชื่อตำแหน่งที่ถูกต้องของพวกผู้ปกครองเหล่านั้นทั้งหมดได้ นอกจากเขาจะเป็นนักเดินทางที่ช่างสังเกตหรือเป็นนักศึกษาที่พากเพียรในเรื่องบันทึกต่าง ๆ. นี่เป็นการตรวจสอบที่ละเอียดที่สุดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับความสามารถในการวิเคราะห์ด้านประวัติศาสตร์ของท่านลูกาที่ว่า ท่านสามารถดำเนินการเพื่อบรรลุความถูกต้องแม่นยำโดยครบถ้วนเสมอ. ในหลายกรณี เป็นเพียงหลักฐานจากเหรียญหรือข้อความที่จารึกบนเหรียญซึ่งให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่เราเพื่อตรวจสอบท่าน; นักประวัติศาสตร์ชาวโรมันซึ่งเป็นที่ยอมรับไม่เอาตัวเข้าเสี่ยงในเรื่องที่ยากลำบากเช่นนั้น. ด้วยเหตุนั้น ลูกาจึงเรียกเฮโรดกับลีซาเนียสเป็นเจ้าผู้ครองแคว้น โยเซฟุสก็เรียกเช่นเดียวกัน. เฮโรด อะฆะริปาผู้ซึ่งฆ่ายาโกโบด้วยดาบและส่งเปโตรเข้าคุก ถูกเรียกว่ากษัตริย์; โยเซฟุสบอกเราว่าเขากลายเป็นมิตรกับไกอุสซีซาร์ (คาลิกูลา) ที่โรมได้อย่างไรและจึงได้รับผลตอบแทนด้วยตำแหน่งกษัตริย์เมื่อคาลิกูลาขึ้นเป็นจักรพรรดิ. เซอร์กิอุส เพาลุส (เซระเฆียว เปาโล) ผู้ว่าราชการแห่งไซปรัส (กุบโร) ถูกเรียกว่าผู้สำเร็จราชการ. . . . ก่อนนั้นไม่นาน ไซปรัสเคยเป็นแคว้นหนึ่งของจักรวรรดิ และปกครองโดยข้าหลวงใหญ่หรือเลกาทุส แต่ในสมัยเปาโล ตำแหน่งที่ถูกคือผู้สำเร็จราชการ ดังที่เงินเหรียญของไซปรัสแสดงให้เห็นทั้งในภาษากรีกและลาติน. คำจารึกภาษากรีกซึ่งพบที่โซลอยบนฝั่งทางเหนือของไซปรัสมีระบุวันเวลาว่า ‘ในสมัยที่เพาลุสเป็นผู้สำเร็จราชการ’ . . . ที่เมืองเธซะโลนิเก พวกผู้มีอำนาจปกครองเมืองได้รับตำแหน่งที่ค่อนข้างพิเศษคือเจ้าครองนคร [“เจ้าเมือง,” กิจการ 17:6, ล.ม. เชิงอรรถ] ชื่อซึ่งไม่เป็นที่รู้จักในวรรณคดีคลาสสิก. เราก็คงไม่ค่อยคุ้นเคยกับชื่อนี้ เว้นแต่จากที่ลูกาใช้ ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าชื่อนี้ปรากฏในคำจารึกต่าง ๆ. . . . อะคายะซึ่งในสมัยของเอากุสตุสเป็นแคว้นหนึ่งใต้อำนาจรัฐสภา ในสมัยทิเบริอุส แคว้นนี้อยู่ใต้จักรพรรดิโดยตรง แต่ในสมัยของเคลาดิอุส (เกลาดิโอ) นั้น ดังที่ทาซิทุสบอกเรา แคว้นนี้กลับไปอยู่ใต้อำนาจรัฐสภาดังเดิม และดังนั้น ตำแหน่งที่ถูกของกัลลิโอ (ฆาลิโอน) [กิจ. 18:12] คือผู้สำเร็จราชการ. . . . ลูการู้สึกยินดี และรู้สึกว่าท่านถูกต้องแม่นยำพอ ๆ กันในความรู้ด้านภูมิศาสตร์และในประสบการณ์ในการเดินทางของท่าน.”l
20. หนังสือของเปาโลแสดงให้เห็นอย่างถูกต้องแม่นยำอย่างไรเกี่ยวกับสมัยที่ท่านมีชีวิตและเขียนหนังสือ?
20 จดหมายต่าง ๆ ของเปาโลสะท้อนให้เห็นอย่างถูกต้องแม่นยำถึงภูมิหลังแห่งสมัยของท่านและบ่งว่าท่านเป็นประจักษ์พยานในเรื่องต่าง ๆ ที่เขียนไว้. ตัวอย่างเช่น ฟิลิปปี (ฟิลิปปอย) เป็นอาณานิคมทางทหารซึ่งพลเมืองที่นั่นภูมิใจเป็นพิเศษที่ตนเป็นพลเมืองโรมัน. เปาโลเตือนสติคริสเตียนที่นั่นว่าพวกเขามีฐานะพลเมืองในสวรรค์. (กิจ. 16:12, 21, 37; ฟิลิป. 3:20) เอเฟโซเป็นเมืองที่เลื่องชื่อด้านเวทมนตร์และกิจปฏิบัติเกี่ยวกับผีปิศาจ. เปาโลสั่งสอนคริสเตียนที่นั่นเกี่ยวกับวิธีสวมยุทธภัณฑ์เพื่อป้องกันตัวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อผีปิศาจ และในขณะเดียวกัน ท่านพรรณนาอย่างถูกต้องเกี่ยวกับยุทธภัณฑ์ของทหารโรมัน. (กิจ. 19:19; เอเฟ. 6:13-17) ธรรมเนียมที่ชาวโรมันผู้มีชัยนำขบวนแห่ฉลองชัยโดยมีขบวนเชลยมาด้วยซึ่งเชลยบางคนก็เปลือยนั้นมีการใช้ในการอธิบายให้เห็นภาพ. (2 โก. 2:14; โกโล. 2:15) ที่ 1 โกรินโธ 1:22 มีการชี้ให้เห็นทัศนะที่แตกต่างกันของชาวยิวกับชาวกรีก. ในเรื่องนั้น คริสเตียนผู้เขียนสะท้อนให้เห็นความถูกต้องแม่นยำของโมเซผู้เขียนเพนทาทุก ซึ่งจอร์จ รอว์ลินสันกล่าวว่า “ความถูกต้องแม่นยำทางพฤติกรรมวิทยา ในเพนทาทุกเกี่ยวกับมารยาทและประเพณีโดยทั่วไปของทางตะวันออกนั้น ไม่เคยมีข้อสงสัยเลย.”a
21. (ก) จงยกตัวอย่างความตรงไปตรงมาของผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิล. (ข) สิ่งนี้สร้างความมั่นใจอย่างไรว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นความจริง?
21 (7) ความตรงไปตรงมาของผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิล. ตลอดคัมภีร์ไบเบิล ความตรงไปตรงมาอย่างไม่มีความลังเลของผู้เขียนเป็นข้อพิสูจน์อันหนักแน่นเรื่องความน่าไว้วางใจของคัมภีร์ไบเบิล. ตัวอย่างเช่น โมเซบอกตรง ๆ ถึงความผิดของตนเองและการพิพากษาจากพระเจ้าที่ว่า ท่านกับอาโรนพี่ชายของท่านจะไม่ได้เข้าสู่แผ่นดินตามคำสัญญา. (อาฤ. 20:7-13; บัญ. 3:23-27) ความผิดของดาวิดสองครั้งรวมทั้งการออกหากของซะโลโมราชบุตรของท่านก็มีการเปิดเผยไว้ชัดแจ้ง. (2 ซามู. บท 11, 12, 24; 1 กษัต. 11:1-13) โยนาเขียนเรื่องการไม่เชื่อฟังของท่านเองและผลของการไม่เชื่อฟัง. ผู้เขียนพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเกือบทุกคนซึ่งล้วนเป็นชาวยิว ต่างตำหนิชนยิศราเอลทั้งชาติเนื่องจากการไม่เชื่อฟังพระเจ้า ในบันทึกนั้นที่ชาวยิวทะนุถนอมและยอมรับในฐานะเป็นถ้อยแถลงจากพระเจ้าและเป็นประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของชาติตน. ผู้เขียนคริสเตียนก็ตรงไปตรงมาไม่ด้อยกว่า. ผู้เขียนกิตติคุณทั้งสี่คนต่างก็เปิดเผยเรื่องที่เปโตรปฏิเสธพระคริสต์. และเปาโลชี้ให้สนใจความผิดพลาดร้ายแรงของเปโตรเรื่องความเชื่อ ในคราวที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกระหว่างชาวยิวกับชาวต่างชาติในประชาคมคริสเตียนที่อันทิโอก (อันติโอเกีย). เรื่องนี้สร้างความมั่นใจในคัมภีร์ไบเบิลว่าเป็นความจริงเมื่อเราตระหนักว่าผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้ละเว้นผู้ใด แม้กระทั่งตัวเอง เพื่อการทำบันทึกที่ซื่อตรง.—มัด. 26:69-75; มโก. 14:66-72; ลูกา 22:54-62; โย. 18:15-27; ฆลา. 2:11-14; โย. 17:17.
22. อะไรอีกที่พิสูจน์ว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นพระคำของพระเจ้าจริง ๆ และคัมภีร์ไบเบิลเขียนขึ้นด้วยวัตถุประสงค์อะไร?
22 (8) ความสอดคล้องกันของผู้เขียน. คัมภีร์ไบเบิลถูกเขียนในช่วงเวลากว่า 1,600 ปีโดยผู้เขียนประมาณ 40 คน โดยปราศจากความขัดแย้ง. คัมภีร์ไบเบิลถูกจำหน่ายจ่ายแจกออกไปอย่างกว้างขวางเป็นจำนวนมากมายทั้ง ๆ ที่มีการต่อต้านอย่างรุนแรงที่สุดและทั้งที่มีการพยายามอย่างแข็งขันที่สุดเพื่อจะทำลายคัมภีร์ไบเบิล. ข้อเท็จจริงเหล่านี้ช่วยพิสูจน์ว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นอย่างที่คัมภีร์ไบเบิลอ้างว่าเป็น คือเป็นพระคำของพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ และคัมภีร์ไบเบิล “เป็นประโยชน์เพื่อการสั่งสอน, เพื่อการว่ากล่าว, เพื่อจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อย, เพื่อตีสอนด้วยความชอบธรรม.”—2 ติโม. 3:16, ล.ม.b
23. สาระสำคัญอะไรซึ่งมีอยู่โดยตลอดที่พิสูจน์เช่นกันว่าคัมภีร์ไบเบิลมีขึ้นโดยการดลใจ? จงอธิบาย.
23 การที่คัมภีร์ไบเบิลมีขึ้นโดยการดลใจเห็นได้จากความสอดคล้องกันโดยตลอดในเรื่องที่คัมภีร์ไบเบิลเน้นสาระสำคัญเรื่องการทำให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์โดยราชอาณาจักรของพระองค์ภายใต้พระคริสต์. ตัวอย่างเด่น ๆ บางข้อคือ:
เย. 3:15 คำสัญญาเรื่องพงศ์พันธุ์ซึ่งจะทำลายงู
เย. 22:15-18 ชนทุกชาติจะทำให้ตนเองได้รับพระพร
โดยอาศัยพงศ์พันธุ์ของอับราฮาม
เอ็ก. 3:15; 6:3 พระเจ้าทรงเน้นเรื่องพระนามของพระองค์
ซึ่งควรจดจำไว้คือยะโฮวา
เอ็ก. 9:16; โรม 9:17 พระเจ้าทรงแถลงพระประสงค์ที่จะให้
มีการประกาศพระนามของพระองค์
เอ็ก. 18:11; พระยะโฮวาทรงยิ่งใหญ่กว่า
ยซา. 36:18-20; 37:20, พระอื่น ๆ ทั้งปวง
เอ็ก. 20:3-7 พระเจ้าทรงเอาพระทัยใส่เรื่องพระนาม
ทรงเรียกร้องความเลื่อมใสโดยเฉพาะ
โยบ บท 1, 2 พระบรมเดชานุภาพอันชอบธรรมของ
พระยะโฮวาและเจตคติกับความซื่อสัตย์
มั่นคงที่มนุษย์มีต่อพระบรมเดชานุภาพนั้น
ยซา. 9:7 พระเจ้าทรงสนับสนุนราชอาณาจักรถาวรแห่ง
พระบุตรของพระองค์ด้วยพระทัยแรงกล้า
ดานิ. 2:44; 4:17, 34; ความสำคัญแห่งราชอาณาจักร
ดานิ. 7:13, 14 ของพระเจ้าโดย “บุตรมนุษย์”
ยเอศ. 6:10; 38:23 ประชาชน “จะรู้ว่าเราคือยะโฮวา.”
คำกล่าวนี้ปรากฏมากกว่า
60 ครั้งในคำพยากรณ์ของ
ยะเอศเคล
มลคี. 1:11 พระนามของพระเจ้าจะยิ่งใหญ่
ท่ามกลางชนชาติทั้งปวง
มัด. 6:9, 10, 33 การทำให้พระนามของพระเจ้าเป็น
ที่นับถืออันบริสุทธิ์ โดยราชอาณาจักร
ของพระองค์เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก
โย. 17:6, 26 พระเยซูทรงประกาศพระนามของพระเจ้า
กิจ. 2:21; โรม 10:13 จะต้องร้องออกพระนามของ
พระยะโฮวาเพื่อความรอด
โรม 3:4 พระเจ้าทรงเป็นองค์สัตย์จริง
แม้ทุกคนจะมุสา
1 โก. 15:24-28 จะมีการมอบราชอาณาจักรคืนแด่พระเจ้า;
พระเจ้าจะทรงเป็นสารพัดแก่ทุกคน
เฮ็บ. 13:15 คริสเตียนต้องประกาศพระนามของ
พระยะโฮวาอย่างเปิดเผย
วิ. 15:4 ทุกชาติจะถวายพระเกียรติ
แด่พระนามของพระยะโฮวา
วิ. 19:6 พระนามของพระยะโฮวาได้รับการสรรเสริญ
หลังจากการกวาดล้างบาบูโลนใหญ่
24. (ก) เป็นไปอย่างไรที่ความซื่อสัตย์มั่นคงของชนคริสเตียนสมัยแรกทำให้ความจริงของ “เรื่องคริสเตียน” เชื่อถือได้? (ข) มีข้อพิสูจน์อะไรอื่นอีกว่าผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลบันทึกข้อเท็จจริง ไม่ใช่เทพนิยาย?
24 (9) ความซื่อสัตย์มั่นคงของเหล่าพยาน. เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของคำพยานของคริสเตียนสมัยแรก คือผู้เขียนพระคัมภีร์คริสเตียนและคนอื่น ๆ จอร์จ รอว์ลินสันกล่าวว่า “ผู้ที่เปลี่ยนเข้ามาเชื่อถือพวกแรก ๆ ทราบว่าพวกเขาอาจถูกเรียกไปรับความตายได้ทุกเมื่อเนื่องจากศาสนาของเขา. . . . เนื่องด้วยการสนับสนุนของพวกเขา ผู้เขียนในสมัยแรกทุกคนที่สนับสนุนศาสนาคริสเตียนต้องเผชิญอำนาจปกครอง และทำให้ตนเองอาจประสบชะตากรรมคล้ายกันได้ง่าย ๆ. เมื่อความเชื่อเป็นเรื่องความเป็นความตาย คนเราจะไม่รับเอาคำสอนแรก ๆ ซึ่งบังเอิญทำให้เขาชอบ และเขาจะไม่แสดงตัวอย่างเปิดเผยว่าอยู่ฝ่ายพวกที่ถูกข่มเหง นอกเสียจากว่าเขาได้ชั่งดูอย่างดีเกี่ยวกับข้ออ้างที่ศาสนานั้นประกาศ และทำให้ตนเองเชื่อมั่นว่านั่นเป็นความจริง. เห็นได้ชัดว่าผู้เข้ามาเชื่อถือในสมัยแรกนั้นมีวิธีการตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำทางประวัติศาสตร์ของเรื่องคริสเตียนที่เหนือกว่าของเรามากทีเดียว พวกเขาสามารถสอบถามและไล่เลียงกับพยาน—เปรียบเทียบบันทึกเรื่องราวมากมายของเขา—สอบถามว่าฝ่ายตรงข้ามมีปฏิกิริยาต่อคำชี้แจงของเขาอย่างไร—ค้นดูเอกสารของพวกที่ไม่ใช่คริสเตียนในสมัยนั้น—ตรวจดูหลักฐานอย่างละเอียดและครบถ้วน. . . . ทั้งหมดนี้รวมกัน—และพึงต้องจำไว้ว่าหลักฐานนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ—ประกอบกันเป็นข้อพิสูจน์อย่างที่ไม่ค่อยมีการให้กันเกี่ยวกับเหตุการณ์ใด ๆ ในสมัยก่อนโน้น; และจึงทำให้ความจริงเรื่องคริสเตียนอยู่พ้นข้อสงสัยที่สมเหตุสมผลทั้งมวล. ไม่มีสักด้านเดียว . . . ที่เรื่องนั้นมีลักษณะเทพนิยาย. เรื่องคริสเตียนเป็นเรื่องเดียวตลอดที่มีการบอกโดยไม่มีความคลาดเคลื่อน ขณะที่เรื่องเทพนิยายนั้นไม่แน่นอนและมีหลายรูปแบบ; เรื่องคริสเตียนถูกผสมผเสกับประวัติศาสตร์ของประชาชนในสมัยนั้นจนแยกไม่ออก ซึ่งเรื่องคริสเตียนนั้นเสนอประวัติศาสตร์สมัยนั้นด้วยความถูกต้องแม่นยำเป็นพิเศษในทุกที่ ในขณะที่เทพนิยายบิดเบือนหรือเข้ามาแทนประวัติศาสตร์ของประชาชน; เรื่องคริสเตียนเต็มไปด้วยรายละเอียดธรรมดา ๆ ซึ่งเทพนิยายจงใจหลีกเลี่ยง; เรื่องคริสเตียนอุดมไปด้วยคำสั่งสอนที่ใช้ได้จริงซึ่งตรงไปตรงมาที่สุดและเรียบง่ายที่สุด ในขณะที่เทพนิยายสอนโดยอุปมานิทัศน์. . . . ความจริงจัง, ความซื่อตรง, ความถูกต้องแม่นยำอย่างยิ่ง, ความรักแท้ต่อความจริง คือลักษณะเฉพาะที่เห็นชัดแจ้งที่สุดของผู้เขียนพันธสัญญาใหม่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าดำเนินการด้วยข้อเท็จจริงไม่ใช่ด้วยเรื่องเพ้อฝัน . . . พวกเขาเขียน ‘เพื่อเราจะรู้ถ้วนถี่ถึงความแน่นอนของเรื่องต่าง ๆ’ ซึ่งเป็นที่ ‘เชื่อแน่นอนยิ่ง’ ในสมัยของเขา.”c—เทียบกับลูกา 1:1, 4, ล.ม.
25. อะไรที่แสดงให้เห็นอย่างโดดเด่นถึงความเชื่อถือได้ของคัมภีร์ไบเบิล?
25 ด้านหนึ่งที่ดึงดูดใจซึ่งมีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลคือคำพยากรณ์ของพระเจ้า. ความเชื่อถือได้ของคัมภีร์ไบเบิลไม่มีทางแสดงให้เห็นด้วยวิธีอื่นใดที่น่าสนใจเท่ากับความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์มากมาย ซึ่งล้วนแต่แสดงถึงการมองเห็นล่วงหน้าอันโดดเด่นของพระยะโฮวาในการบอกอนาคตล่วงหน้า. พระคำเชิงพยากรณ์นี้เป็น “ตะเกียงส่องสว่างในที่มืด” อย่างแท้จริงและการเอาใจใส่ในเรื่องนี้จะเสริมความเข้มแข็งแก่ความเชื่อของคนที่ปรารถนาจะรอดอยู่จนกระทั่งคำพยากรณ์ทั้งสิ้นเกี่ยวกับราชอาณาจักรสำเร็จเป็นจริงในโลกใหม่แห่งความชอบธรรมชั่วนิรันดร์ของพระเจ้า. ตารางสามตารางต่อจากนี้เพิ่มข้อพิสูจน์มากขึ้นเกี่ยวกับความเชื่อถือได้ของคัมภีร์ไบเบิลด้วยการแสดงให้เห็นความสำเร็จหลายประการของคำพยากรณ์เหล่านี้ เช่นเดียวกับความสอดคล้องกันของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูและภาคภาษากรีกทั้งหมด. พร้อมกับเวลาที่ล่วงไป คัมภีร์ไบเบิลส่องสว่างเจิดจ้ายิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ในฐานะที่ “มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์” อย่างแท้จริง.—2 เป. 1:19, ล.ม.; 2 ติโม. 3:16, ล.ม.
[เชิงอรรถ]
a หลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับความจริงของบันทึกในพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) 1862 จอร์จ รอว์ลินสัน หน้า 54, 254-258.
b 1871 หน้า 29-31.
c หลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับความจริงของบันทึกในพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) หน้า 25-26.
d ซีนายและปาเลสไตน์ (ภาษาอังกฤษ) 1885 หน้า 82-83.
e รีดเดอร์ส ไดเจสท์ (ภาษาอังกฤษ) มีนาคม 1954 หน้า 27, 30.
f 1984 หน้า 24.
g 1968 หน้า 4-5
h วารสารของราชสมาคมเอเชียแห่งบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ (ภาษาอังกฤษ) ลอนดอน 1855 เล่ม 15 หน้า 232.
i การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 2 หน้า 246.
j การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 555-556, 1035.
k เหล้าองุ่นในฐานะเป็นอาหารและเป็นยา (ภาษาอังกฤษ) 1954 หน้า 5.
l 1955 หน้า 211-213.
a หลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับความจริงของบันทึกในพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) หน้า 290.
b คัมภีร์ไบเบิล—คำของพระเจ้าหรือของมนุษย์? (ภาษาอังกฤษ) หน้า 12-36.
c หลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับความจริงของบันทึกในพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) หน้า 225, 227-228.
(10) คำพยากรณ์เด่น ๆ เกี่ยวกับพระเยซูและความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์นั้น
คำพยากรณ์ เหตุการณ์ ความสำเร็จเป็นจริง
เพลง. 132:11; จากราชวงศ์ของ มัด. 1:1, 6-16; 9:27;
ยซา. 9:7; ดาวิดบุตรยิซัย 15:22; 20:30, 31;
ยซา. 11:1, 10 21:9, 15; 22:42;
มีคา 5:2 ประสูติที่เบธเลเฮม ลูกา 2:4-11; โย. 7:42
ยซา. 7:14 ประสูติจากหญิง มัด. 1:18-23;
พรหมจารี ลูกา 1:30-35
ยิระ. 31:15 ทารกถูกฆ่าหลังจาก มัด. 2:16-18
พระองค์ประสูติ
โฮ. 11:1 ถูกเรียกออกจากอียิปต์ มัด. 2:15
มลคี. 3:1; 4:5; มีการเตรียมทางไว้ก่อน มัด. 3:1-3; 11:10-14;
ดานิ. 9:25 ปรากฏตัวในฐานะ เสนอตัวรับบัพติสมา
พระมาซีฮา ณ ตอน และถูกเจิมตาม
สิ้นสุดของ 69 “สัปดาห์” เวลากำหนดใน
ปีส.ศ. 29
ยซา. 61:1, 2 ได้รับมอบหมายงาน ลูกา 4:18-21
เพลง. 78:2 ตรัสเป็นอุทาหรณ์ มัด. 13:11-13, 31-35
ยซา. 53:4 ทรงรับเอาความ มัด. 8:16, 17
เจ็บป่วยของเราไป
เพลง. 69:9 มีใจแรงกล้าเพื่อ มัด. 21:12, 13;
ราชนิเวศของ มโก. 11:15-18;
พระยะโฮวา ลูกา 19:45, 46;
ยซา. 53:1 ไม่ได้รับความเชื่อถือ โย. 12:37, 38;
ซคา. 9:9; ทรงลูกลาเข้าสู่กรุง มัด. 21:1-9;
เพลง. 118:26 ยะรูซาเลม; ได้รับการโห่ มโก. 11:7-11;
ร้องอวยชัยในฐานะ ลูกา 19:28-38;
กษัตริย์และผู้ซึ่งเสด็จมาใน โย. 12:12-15
พระนามของพระยะโฮวา
ยซา. 28:16; ถูกปฏิเสธ แต่กลายเป็น มัด. 21:42, 45, 46;
ยซา. 53:3; หินหัวมุม กิจ. 3:14; 4:11;
เพลง. 69:8; 118:22, 23 1 เป. 2:7
ยซา. 8:14, 15 กลายเป็นหินสะดุด ลูกา 20:17, 18;
เพลง. 41:9; อัครสาวกคนหนึ่ง มัด. 26:47-50;
เพลง. 109:8 ไม่ซื่อสัตย์; โย. 13:18, 26-30;
ทรยศพระเยซู โย. 17:12; 18:2-5;
ซคา. 11:12 ถูกทรยศเพื่อเงิน มัด. 26:15; 27:3-10;
30 แผ่น มโก. 14:10, 11
ซคา. 13:7 สาวกกระจัดกระจายไป มัด. 26:31, 56;
เพลง. 2:1, 2 ผู้มีอำนาจชาวโรมัน มัด. 27:1, 2;
กับผู้นำชาติยิศราเอล มโก. 15:1, 15;
ร่วมกันต่อต้านผู้ถูกเจิม ลูกา 23:10-12;
ของพระยะโฮวา กิจ. 4:25-28
ยซา. 53:8 ถูกสอบสวนและ มัด. 26:57-68;
ถูกตัดสินลงโทษ มัด. 27:1, 2, 11-26;
เพลง. 27:12 การใช้พยานเท็จ มัด. 26:59-61;
ยซา. 50:6; ถูกตี, ถูกถ่มน้ำลายรด มัด. 26:67; 27:26, 30;
เพลง. 22:18 การจับฉลากเพื่อ มัด. 27:35;
เอาฉลองพระองค์ โย. 19:23, 24
ยซา. 53:12 ถูกนับรวมกับคนบาป มัด. 26:55, 56; 27:38;
เพลง. 22:7, 8 ถูกด่าประจานขณะอยู่ มัด. 27:39-43;
บนเสาทรมาน มโก. 15:29-32
เพลง. 69:21 มีคนเอาน้ำส้มสายชู มัด. 27:34, 48;
กับดีสัตว์ให้ มโก. 15:23, 36
เพลง. 22:1 พระเจ้าทรงละไว้ใน มัด. 27:46;
มือศัตรู มโก. 15:34
เพลง. 34:20; ไม่มีกระดูกชิ้นใด โย. 19:33, 36
เอ็ก. 12:46 แตกหัก
ยซา. 53:5; ถูกแทง มัด. 27:49; โย. 19:34, 37;
ยซา. 53:5, สิ้นพระชนม์เป็นเครื่อง มัด. 20:28;
ยซา. 53:8, 11, 12 บูชาเพื่อนำเอาบาปไป โย. 1:29;
และเปิดทางให้มีฐานะ โรม 3:24; 4:25;
อันชอบธรรมกับพระเจ้า 1 โก. 15:3;
ยซา. 53:9 ถูกฝังไว้กับคนมั่งมี มัด. 27:57-60;
โยนา 1:17; อยู่ในที่ฝังศพในช่วง มัด. 12:39, 40;
โยนา 2:10 ของสามวันแล้วถูก มัด. 16:21; 17:23;
ปลุกให้คืนพระชนม์ มัด. 20:19; 27:64;
เพลง. 16:8-11, ถูกปลุกขึ้นก่อน กิจ. 2:25-31;
เชิงอรรถ จะเปื่อยเน่า กิจ. 13:34-37
เพลง. 2:7 พระยะโฮวาทรงประกาศว่า มัด. 3:16, 17;
พระเยซูเป็นพระบุตรของ มโก. 1:9-11;
พระองค์โดยการให้กำเนิด ลูกา 3:21, 22;
ด้วยพระวิญญาณและโดย กิจ. 13:33; โรม 1:4;
การปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย เฮ็บ. 1:5; 5:5
คำถามสำหรับแผนภูมิ “คำพยากรณ์เด่น ๆ เกี่ยวกับพระเยซูและความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์นั้น”:
(ก) คำพยากรณ์อะไรบ้างเกี่ยวกับการประสูติของพระเยซูที่ทำให้พระองค์อยู่ในฐานะที่จะเป็นพระมาซีฮา?
(ข) คำพยากรณ์อะไรบ้างที่สำเร็จเป็นจริงตอนพระเยซูเริ่มงานรับใช้?
(ค) พระเยซูทรงทำให้คำพยากรณ์สำเร็จอย่างไรโดยวิธีที่พระองค์ปฏิบัติงานรับใช้ของพระองค์?
(ง) คำพยากรณ์อะไรบ้างที่สำเร็จในช่วงไม่กี่วันสุดท้ายก่อนพระเยซูถูกพิจารณาคดี?
(จ) คำพยากรณ์สำเร็จอย่างไรในขณะที่พระองค์ถูกพิจารณาคดี?
(ฉ) คำพยากรณ์อะไรบ้างระบุว่าพระองค์ถูกตรึงจริง ๆ, การสิ้นพระชนม์ของพระองค์, และการคืนพระชนม์ของพระองค์?
[แผนภูมิหน้า 435-437]
(11) ตัวอย่างคำพยากรณ์อื่น ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลที่สำเร็จเป็นจริงแล้ว
คำพยากรณ์ เหตุการณ์ ความสำเร็จเป็นจริง
เย. 9:25 ชาวคะนาอันจะกลาย ยโฮ. 9:23, 27;
เป็นผู้รับใช้ชาติ วินิจ. 1:28;
ยิศราเอล 1 กษัต. 9:20, 21
เย. 15:13, 14; ยิศราเอลจะออกมาจากอียิปต์ เอ็ก. 12:35, 36;
เอ็ก. 3:21, 22 พร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ เพลง. 105:37
มากมายเมื่อพระเจ้าทรงพิพากษา
ชาติที่ทำให้เขาเป็นทาส
เย. 17:20; ยิศมาเอลจะให้กำเนิด เย. 25:13-16;
เย. 21:13, 18 หัวหน้า 12 คนและ 1 โคร. 1:29-31
จะกลายเป็นชาติใหญ่
เย. 25:23; ชาวอะโดมจะอาศัยห่าง เย. 36:8;
เย. 27:39, 40 ไกลจากที่ดินอันอุดม บัญ. 2:4, 5;
สมบูรณ์, จะรับใช้ 2 ซามู. 8:14;
ชาวยิศราเอล, และ 2 กษัต. 8:20;
บางครั้งจะกบฏ 1 โคร. 18:13;
เย. 48:19, 22 เอฟรายิมจะยิ่งใหญ่กว่า อาฤ. 1:33-35;
มะนาเซและแต่ละตระกูล บัญ. 33:17;
จะมีมรดก ยโฮ. 16:4-9;
เย. 49:10 การเป็นผู้นำในฐานะ 2 ซามู. 2:4;
กษัตริย์จะมาจาก 1 โคร. 5:2;
ตระกูลยูดา มัด. 1:1-16;
บัญ. 17:14 พวกยิศราเอลร้องขอ 1 ซามู. 8:4, 5, 19, 20
ระบอบราชาธิปไตย
บัญ. 28:52, ชาติยิศราเอลจะถูก สำเร็จกับซะมาเรีย
บัญ. 28:53, ลงโทษเนื่องจาก ในปี 740 ก.ส.ศ.
บัญ. 28:64-66, ความไม่ซื่อสัตย์; (2 กษัต. 17:5-23)
บัญ. 28:68 เมืองต่าง ๆ ถูกล้อม กับยะรูซาเลม
โจมตีถูกส่งไป ในปี 607 ก.ส.ศ.
เป็นทาส (ยิระ. 52:1-27)
และกับยะรูซาเลม
อีกครั้งในปี ส.ศ. 70
ยโฮ. 6:26 โทษสำหรับการสร้าง 1 กษัต. 16:34
เมืองยะริโฮขึ้นใหม่
1 ซามู. 2:31, เชื้อสายของเอลี 1 ซามู. 4:11, 17, 18;
1 ซามู. 2:34; ถูกแช่งสาป 1 กษัต. 2:26, 27, 35
1 กษัต. 9:7, 8; พระวิหารจะถูก 2 กษัต. 25:9;
2 โคร. 7:20, 21 ทำลายถ้าชาติ 2 โคร. 36:19;
ยิศราเอล ยิระ. 52:13;
ออกหาก ทุกข์. 2:6, 7
1 กษัต. 13:1-3 แท่นบูชาของยาระบะอาม 2 กษัต. 23:16-18
จะถูกทำให้เป็นมลทิน
ยซา. 13:17-22; พินาศกรรมของ ดานิ. 5:22-31;
ยซา. 45:1, 2; บาบูโลน; ประตู ประวัติศาสตร์ทางโลก
ยิระ. 50:35-46; เมืองบาบูโลนจะถูก ยืนยันแน่ชัด. ไซรัสยึด
ยิระ. 51:37-43 เปิดทิ้งไว้; ชาวมีเดีย บาบูโลนเมื่อประตู
และเปอร์เซียภายใต้ เมืองถูกเปิดทิ้งไว้d
ไซรัสจะมีชัย
ยซา. 23:1, 8, เมืองตุโรจะถูกทำลาย ประวัติศาสตร์ทางโลก
ยซา. 23:13, โดยชาวแคลเดีย บันทึกว่าตัวเมืองส่วนที่อยู่
ยซา. 23:14; ภายใต้นะบูคัดเนซัร บนแผ่นดินใหญ่ถูกทำลาย
ยเอศ. 26:4, และส่วนที่เป็นเกาะ
ยเอศ. 26:7-12 ยอมจำนนต่อนะบูคัดเนซัร
หลังจากล้อมอยู่ 13 ปีe
ยซา. 44:26-28 การสร้างกรุง 2 โคร. 36:22, 23;
ยะรูซาเลมและ เอษรา 1:1-4
พระวิหารขึ้นใหม่
โดยเชลยชาวยิวที่กลับไป;
ไซรัสมีส่วนในการนี้
ยิระ. 25:11; การนำชนที่เหลือ ดานิ. 9:1, 2;
ยิระ. 29:10 กลับสู่ถิ่นเดิมจะมี ซคา. 7:5;
ขึ้นหลังจาก 70 ปี 2 โคร. 36:21-23
แห่งการร้างเปล่า
ยิระ. 48:15-24; โมอาบจะถูกทำ เดี๋ยวนี้ชาติโมอาบ
ยเอศ. 25:8-11; ให้ร้างเปล่า สาบสูญไปแล้วf
ยิระ. 49:2; เมืองต่าง ๆ ของชาติ เดี๋ยวนี้ชาติอัมโมน
ยเอศ. 25:1-7; อัมโมนจะกลาย สาบสูญไปแล้วg
ซฟัน. 2:8, 9 เป็นที่ร้างเปล่า
ยิระ. 49:17, 18; ชาติอะโดมจะถูก ชาติอะโดมสาบสูญ
ยเอศ. 25:12-14; ตัดขาดราวกับ หลังจากพินาศกรรม
ยเอศ. 35:7, ไม่เคยมีอยู่เลย ของยะรูซาเลม
ยเอศ. 35:15; ในปี ส.ศ. 70h
ดานิ. 2:31-40; ให้ภาพสี่อาณาจักร: ประวัติศาสตร์ทางโลก
ดานิ. 7:2-7 บาบูโลน, เปอร์เซีย, ยืนยันความสำเร็จ
กรีซ, และโรม. เป็นจริงด้วยเรื่อง
มีรายละเอียดเชิง การเฟื่องฟูและการตกต่ำ
พยากรณ์มากมาย ของมหาอำนาจเหล่านี้i
บอกไว้ล่วงหน้า
ดานิ. 8:1-8, หลังจากอาณาจักร อะเล็กซานเดอร์มหาราช
ดานิ. 8:20-22; เปอร์เซีย อาณาจักร พิชิตจักรวรรดิเปอร์เซีย.
ดานิ. 11:1-19 ที่เข้มแข็งคือกรีซ หลังจากเขาสิ้นชีพ
จะปกครอง. นายพลสี่คนยึดอำนาจ.
อาณาจักรนี้จะถูกแบ่ง ในที่สุดอำนาจของ
เป็นสี่อาณาจักรซึ่ง เซเลอคิด
จะทำให้เกิดสอง และปโตเลมี
มหาอำนาจคือ ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
กษัตริย์ทิศอุดร และทำสงครามกัน
และกษัตริย์ ไม่ขาดj
ทิศทักษิณ
ดานิ. 11:20-24 ผู้ปกครองจะออก กฤษฎีกาให้จดทะเบียน
กฤษฎีกาให้จด สำมะโนครัวในปาเลสไตน์
ทะเบียนสำมะโนครัว. ระหว่างรัชกาลของ
ในสมัยของผู้สืบ เอากุสตุสซีซาร์; พระเยซู
ตำแหน่งของเขา ถูกประหารในระหว่างรัชกาล
“ผู้นำแห่งสัญญา ของผู้สืบตำแหน่งของเขา
ไมตรี” จะถูกทำลาย คือทิเบริอุสซีซาร์k
ซฟัน. 2:13-15; นีนะเวจะร้างเปล่า กลายเป็นกองขยะl
ซคา. 9:3, 4 เมืองตุโรที่อยู่บน สำเร็จโดยอะเล็กซานเดอร์
เกาะจะถูกทำลาย ในปี 332 ก.ส.ศ.a
มัด. 24:2, ยะรูซาเลมจะถูกล้อม สำเร็จโดยพวกโรมัน
มัด. 24:16-18; โดยการสร้างกำแพง ในปี ส.ศ. 70b
ลูกา 19:41-44 เสาและถูกทำลาย
มัด. 24:7-14; เวลาแห่งความทุกข์ เวลาแห่งความทุกข์ลำบาก
มโก. 13:8; ลำบากใหญ่ที่บอก อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ลูกา 21:10, 11; ไว้ล่วงหน้าก่อน บนแผ่นดินโลกตั้งแต่
2 ติโม. 3:1-5 อวสานแห่งระบบนี้; สงครามโลกครั้งที่ 1
จะรวมถึงสงคราม, ในปี 1914. การประกาศ
การกันดารอาหาร, เรื่องราชอาณาจักร
แผ่นดินไหว, บัดนี้กำลังทำอยู่ใน
โรคระบาด, 200 กว่าดินแดน
การละเลยกฎหมาย,
การประกาศข่าวดีเรื่อง
ราชอาณาจักรแก่คนทุกชาติ
[เชิงอรรถ]
d เฮโรโดทุส เล่ม 1 (ภาษาอังกฤษ) หน้า 191, 192; การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 567.
e สารานุกรม ของแมกคลินทอกและสตรอง ฉบับพิมพ์ใหม่ 1981 เล่ม 10 หน้า 617; การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 2 หน้า 531, 1136.
f การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 2 หน้า 421, 422.
g การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 95.
h การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 681-682.
j จงเอาใจใส่คำพยากรณ์ของดานิเอล หน้า 53-54, 134, 168-169, 213-247; การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 70-71.
k จงเอาใจใส่คำพยากรณ์ของดานิเอล หน้า 232-233, 236; การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 220.
l ดูหน้า 197, 198 วรรค 5, 6.
a สารานุกรม ของแมกคลินทอกและสตรอง ฉบับพิมพ์ใหม่ 1981 เล่ม 10 หน้า 618-619.
b ดูหน้า 235 วรรค 9.
(ก) เหตุการณ์อะไรบ้างซึ่งมีบอกไว้ล่วงหน้าที่เกิดขึ้นหลังจากชาติยิศราเอลเข้าสู่แผ่นดินคะนาอัน?
(ข) คำพยากรณ์อะไรบ้างซึ่งเกี่ยวกับการพิพากษาต่อยิศราเอลและยูดาได้มาสำเร็จ และสำเร็จเมื่อไร?
(ค) มีการบอกล่วงหน้าไว้เช่นไรเกี่ยวกับการฟื้นฟู? ข้อนี้สำเร็จไหม?
(ง) มีการให้รายชื่อชาติใดบ้างซึ่งข่าวสารเรื่องการพิพากษามาถึง และคำพิพากษาเชิงพยากรณ์เหล่านี้สำเร็จเป็นจริงอย่างไร?
(จ) เหตุการณ์เด่น ๆ อะไรบ้างในประวัติศาสตร์ที่บอกล่วงหน้าไว้โดยดานิเอล? โดยพระเยซู?
(12) บางส่วนของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูซึ่งมีการยกข้อความไปกล่าวและนำไปใช้โดยผู้เขียนพระคัมภีร์ภาคภาษากรีก
(ข้อสังเกต: รายการนี้ไม่รวมข้ออ้างอิงซึ่งลงไว้ใน “คำพยากรณ์เด่น ๆ เกี่ยวกับพระเยซู” ในหน้าก่อน.)
ข้อความยกจาก ข้อความ ที่ที่นำไปใช้
เย. 2:7 อาดามถูกสร้างเป็น 1 โก. 15:45
จิตวิญญาณมีชีวิต
เย. 2:24 ชายจะละบิดามารดา มัด. 19:5;
ของตนและติดสนิทกับ มโก. 10:7, 8;
ภรรยาของเขา; ทั้งสองจะ 1 โก. 6:16;
เป็นเนื้อหนังอันเดียวกัน เอเฟ. 5:31
เย. 18:10, 14 คำสัญญาว่าซาราจะมีบุตรชาย โรม 9:9
เย. 18:12 ซาราเรียกอับราฮามว่า “นาย” 1 เป. 3:6
เย. 21:10 เหตุการณ์ที่เป็นสัญลักษณ์ ฆลา. 4:30
ซึ่งเกี่ยวข้องกับนางซารา,
ฮาฆาร, ยิศฮาค, และยิศมาเอล
เย. 21:12 พงศ์พันธุ์ของอับราฮาม โรม 9:7;
จะมาทางยิศฮาค เฮ็บ. 11:18
เอ็ก. 3:6 พระเจ้าเป็นพระเจ้าของคน มัด. 22:32; มโก. 12:26;
เป็นไม่ใช่ของคนตาย ลูกา 20:37
เอ็ก. 13:2, ลูกหัวปีอุทิศ ลูกา 2:23
เอ็ก. 13:12 แด่พระยะโฮวา
เอ็ก. 19:5, 6 ชาติยิศราเอลมีโอกาส 1 เป. 2:9
จะเป็นอาณาจักรแห่งปุโรหิต
เอ็ก. 19:12, ความน่าเกรงขามของ เฮ็บ. 12:18-20
เอ็ก. 19:13 พระยะโฮวา ณ ภูเขาซีนาย
เอ็ก. 20:12-17 พระบัญญัติประการ มัด. 5:21, 27; 15:4;
ที่ห้า, หก, เจ็ด, มัด. 19:18, 19; มโก. 10:19;
แปด, เก้า, และสิบ ลูกา 18:20; โรม 13:9;
เอ็ก. 21:17 โทษสำหรับการละเมิด มัด. 15:4;
พระบัญญัติประการที่ห้า มโก. 7:10
เอ็ก. 21:24 ตาแทนตาและฟันแทนฟัน มัด. 5:38
เอ็ก. 22:28 “อย่าพูดหยาบช้า กิจ. 23:5
ต่อผู้ปกครองพลเมือง”
เอ็ก. 24:8 การทำสัญญาไมตรีโดย เฮ็บ. 9:20; มัด. 26:28;
พระบัญญัติ—“โลหิต มโก. 14:24
แห่งสัญญาไมตรี”
เอ็ก. 33:19 พระเจ้าทรงเมตตาผู้ที่ โรม 9:15
พระองค์โปรดปราน
เลวี. 11:44 “ท่านทั้งหลายต้องเป็นคน 1 เป. 1:16, ล.ม.
บริสุทธิ์เพราะเราเป็นผู้บริสุทธิ์”
เลวี. 12:8 การถวายเครื่องบูชาโดยคนจน ลูกา 2:24
หลังจากให้กำเนิดบุตร
เลวี. 19:18 จงรักเพื่อนบ้าน มัด. 19:19; 22:39;
เหมือนรักตนเอง มโก. 12:31; โรม 13:9;
เลวี. 26:12 พระยะโฮวาทรงเป็น 2 โก. 6:16
พระเจ้าของชาติยิศราเอล
อาฤ. 16:5 พระยะโฮวาทรงรู้จักผู้ 2 ติโม. 2:19
ที่อยู่ฝ่ายพระองค์
บัญ. 6:4, 5 จงรักพระยะโฮวา มัด. 22:37;
ด้วยสุดหัวใจและ มโก. 12: 29, 30;
สุดจิตวิญญาณ ลูกา 10:27
บัญ. 6:13 “พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า มัด. 4:10, ล.ม.;
นั่นแหละที่เจ้าต้องนมัสการ” ลูกา 4:8, ล.ม.
บัญ. 18:15-19 พระเจ้าจะให้ผู้พยากรณ์ กิจ. 3:22, 23
อย่างโมเซบังเกิดขึ้น
บัญ. 19:15 ทุกเรื่องต้องมีการยืนยัน โย. 8:17;
โดยพยานสองหรือสามปาก 2 โก. 13:1
บัญ. 23:21 “เจ้าต้องทำตามที่เจ้าบน มัด. 5:33, ล.ม.
ไว้ต่อพระยะโฮวา”
บัญ. 25:4 “เจ้าต้องไม่เอา 1 โก. 9:9;
ตะกร้อสวมปากโค 1 ติโม. 5:18, ล.ม.
เมื่อมันนวดข้าวอยู่”
บัญ. 31:6, 8 พระเจ้าจะไม่ทิ้ง เฮ็บ. 13:5
ไพร่พลของพระองค์เลย
บัญ. 32:17, พระเจ้าทรงทำให้ชาวยิว โรม 10:19;
บัญ. 32:21 อิจฉาด้วยการเชิญคน 1 โก. 10: 20-22
ต่างประเทศ. ชาวยิศราเอล
ทำให้พระยะโฮวาอิจฉา
โดยการไหว้รูปเคารพ
บัญ. 32:35, 36 การแก้แค้นเป็นของ เฮ็บ. 10:30
พระยะโฮวา
1 ซามู. 13:14; ดาวิด บุรุษผู้เป็นที่ กิจ. 13:22
1 ซามู. 16:1 พอพระทัยของพระเจ้า
1 ซามู. 21:6 ดาวิดกับคนของท่าน มัด. 12:3, 4; มโก. 2:25, 26;
กินขนมปังที่ตั้งถวาย ลูกา 6:3, 4
1 กษัต. 19:14, เฉพาะชาวยิวที่เหลือ โรม 11:3, 4
1 กษัต. 19:18 อยู่ที่ยังคงซื่อสัตย์
ต่อพระเจ้า
เพลง. 8:2 พระเจ้าทรงให้คำสรรเสริญ มัด. 21:16
“ออกจากปากเด็กอ่อน”
เพลง. 8:4-6 “มนุษย์เป็นอะไรพระองค์ เฮ็บ. 2:6, 7, ล.ม.;
จึงทรงคำนึงถึงเขา?” 1 โก. 15:27
พระเจ้าทรงทำให้สารพัด
สิ่งอยู่ใต้พระบาท
ของพระคริสต์
เพลง. 10:7 “ปากของเขาเต็ม โรม 3:14
ด้วยคำแช่งด่า”
เพลง. 14:1-3 “ไม่มีคนชอบธรรม โรม 3:10-12
สักคนหนึ่ง”
เพลง. 18:49 ผู้คนจากนานาชาติจะถวาย โรม 15:9
พระเกียรติแด่พระเจ้า
เพลง. 19:4, ไม่ขาดโอกาสที่จะได้ยิน โรม 10:18
เชิงอรรถ ความจริงเกี่ยวกับการดำรง
อยู่ของพระเจ้าดังที่ยืนยัน
โดยสรรพสิ่งทรงสร้าง
เพลง. 24:1 แผ่นดินโลกเป็น 1 โก. 10:26
ของพระยะโฮวา
เพลง. 36:1 “ในแววตาของเขาไม่มี โรม 3:18
ความเกรงกลัวพระเจ้า”
เพลง. 40:6-8 พระเจ้าไม่พอพระทัย เฮ็บ. 10:6-10, ล.ม.
เครื่องบูชาที่ถวายตาม
พระบัญญัติอีกต่อไป;
การถวายพระกายของพระเยซู
ครั้งเดียวตามพระทัยประสงค์
ของพระเจ้า ทำให้บริสุทธิ์
เพลง. 44:22 “เขาถือว่าเราเหมือน โรม 8:36
ฝูงแกะสำหรับจะเอาไว้ฆ่า”
เพลง. 45:6, 7 “พระเจ้าเป็นราชบัลลังก์ เฮ็บ. 1:8, 9, ล.ม.
[ของพระคริสต์] ตลอดกาล”
เพลง. 68:18 เมื่อพระคริสต์เสด็จสู่เบื้องสูง เอเฟ. 4:8
พระองค์ทรงประทานของ
ประทานในลักษณะมนุษย์
เพลง. 69:22, โต๊ะที่สงบสุขของชาว โรม 11:9, 10
เพลง. 69:23 ยิศราเอลกลายเป็นกับดัก
เพลง. 78:24 อาหารจากสวรรค์ โย. 6:31-33
เพลง. 82:6 “ท่านทั้งหลายเป็นพระ” โย. 10:34
เพลง. 94:11 “พระยะโฮวาทรงทราบว่า 1 โก. 3:20, ล.ม.
การหาเหตุผลของคนมี
ปัญญานั้นไร้ประโยชน์”
เพลง. 95:7-11 ชาวยิศราเอลที่ไม่เชื่อฟัง เฮ็บ. 3:7-11; 4:3, 5, 7
ไม่ได้เข้าสู่ที่หยุดพัก
ของพระเจ้า
เพลง. 102:25-27 “องค์พระผู้เป็นเจ้า เฮ็บ. 1:10-12
เจ้าข้า, . . . พระองค์ได้
วางรากแผ่นดินโลก”
เพลง. 104:4 “พระองค์จะทรงบันดาลพวกทูต เฮ็บ. 1:7
ของพระองค์ให้เป็นประดุจลม”
เพลง. 110:1 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรง มัด. 22:43-45;
ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ มโก. 12:36, 37;
ของพระยะโฮวา ลูกา 20:42-44;
เพลง. 116:10 “ข้าพเจ้าเชื่อ, เหตุฉะนั้น 2 โก. 4:13
ข้าพเจ้าจึงได้บอกเล่า”
เพลง. 117:1 “ชาติทั้งหลาย จงสรรเสริญ โรม 15:11, ล.ม.
พระยะโฮวา”
เพลง. 118:6 “พระยะโฮวาเป็นผู้ช่วย เฮ็บ. 13:6, ล.ม.
ข้าพเจ้า; ข้าพเจ้าจะไม่กลัว”
เพลง. 140:3 “พิษงูร้ายอยู่ใต้ โรม 3:13, ฉบับแปลใหม่
ริมฝีปากของเขา”
สุภา. 26:11 “สุนัขได้กลับกินของ 2 เป. 2:22, ล.ม.
ซึ่งมันได้สำรอกออกมา”
ยซา. 6:9, 10 ชาวยิศราเอลไม่ มัด. 13:13-15; มโก. 4:12;
สนใจข่าวดี ลูกา 8:10; กิจ. 28:25-27
ยซา. 8:17, 18 “นี่แน่ะ ตัวเรากับบุตร เฮ็บ. 2:13
ทั้งหลายที่พระเจ้าได้ทรง
ประทานแก่เราแล้วนั้น”
ยซา. 10:22, 23 เฉพาะแต่ชนที่เหลือ โรม 9:27, 28
แห่งชาติยิศราเอลเท่านั้น
จะได้รับการช่วยให้รอด
ยซา. 22:13 “ให้เรากินและดื่มเถิด, 1 โก. 15:32
เพราะว่าพรุ่งนี้เราก็จะตาย”
ยซา. 25:8 “ความตายถูกผลาญ 1 โก. 15:54, ล.ม.
ให้สิ้นตลอดไป”
ยซา. 28:16 ไม่มีความผิดหวังสำหรับ 1 เป. 2:6;
ผู้ที่เชื่อในพระคริสต์ โรม 10:11
รากในเมืองซีโอน
ยซา. 29:14 พระเจ้าทรงทำให้สติปัญญา 1 โก. 1:19
ของคนมีปัญญาสูญสิ้นไป
ยซา. 40:6-8 ถ้อยคำที่พระยะโฮวา 1 เป. 1:24, 25
ตรัสดำรงอยู่เป็นนิตย์
ยซา. 40:13 ‘ใครเล่าเป็นที่ปรึกษา โรม 11:34
ของพระยะโฮวา’
ยซา. 42:6; “เราได้ตั้งเจ้าไว้เป็น กิจ. 13:47, ล.ม.
ยซา. 49:6 ดวงสว่างของนานาชาติ”
ยซา. 45:23 ทุกหัวเข่าจะคุกลงต่อ โรม 14:11
พระยะโฮวา
ยซา. 52:15 มีการประกาศข่าวดี โรม 15:21
แก่คนต่างชาติ
ยซา. 56:7 ราชสำนักของพระยะโฮวา มัด. 21:13;
จะเป็นราชสำนักแห่งการ มโก. 11:17;
อธิษฐานสำหรับชาติทั้งปวง ลูกา 19:46
ยซา. 59:7, 8 การพรรณนาถึงคนชั่ว โรม 3:15-17
ยซา. 65:1, 2 พระยะโฮวาจะปรากฏแก่ โรม 10:20, 21
คนต่างประเทศ
ยซา. 66:1, 2 “สวรรค์เป็นบัลลังก์ของเรา กิจ. 7:49, 50, ฉบับแปลใหม่
และแผ่นดินโลกเป็น
แท่นรองเท้าของเรา”
ยิระ. 5:21 มีตา แต่ไม่เห็น มโก. 8:18
ยิระ. 9:24 “ผู้ที่อวดนั้น ให้เขาอวด 1 โก. 1:31, ล.ม.;
ในพระยะโฮวาเถิด” 2 โก. 10:17
ยิระ. 31:31-34 พระเจ้าจะทรงทำ เฮ็บ. 8:8-12;
สัญญาไมตรีใหม่ เฮ็บ. 10:16, 17
ดานิ. 9:27; “สิ่งอันน่าเกลียด มัด. 24:15
ดานิ. 11:31 ซึ่งจะทำให้เกิดวิบัติ”
โฮ. 1:10; คนต่างชาติก็จะมาเป็น โรม 9:24-26
โฮ. 2:23 ไพร่พลของพระเจ้าเช่นกัน
โฮ. 6:6 “เราประสงค์ความเมตตา, มัด. 9:13; 12:7
และเครื่องบูชาเราไม่ประสงค์”
โฮ. 13:14 “ความตาย, เหล็กใน 1 โก. 15:54, 55
ของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
โยเอล 2:28-32 “ทุกคนที่ร้องเรียก กิจ. 2:17-21, ล.ม.;
พระนามของ โรม 10:13, ล.ม.
พระยะโฮวาจะรอด”
อาโมศ 9:11, พระเจ้าจะทรงสร้างกระท่อม กิจ. 15:16-18
อาโมศ 9:12 ของดาวิดขึ้นใหม่
ฮบา. 2:4 “ผู้ชอบธรรมของเรานั้นจะ เฮ็บ. 10:38;
ดำรงชีวิตอยู่โดยความเชื่อ” โรม 1:17
ฮาฆี 2:6 สวรรค์และแผ่นดินโลก เฮ็บ. 12:26, 27
จะถูกทำให้หวั่นไหว
มลคี. 1:2, 3 ยาโคบเป็นที่รัก โรม 9:13
เอซาวเป็นที่ชัง
คำถามสำหรับแผนภูมิ “บางส่วนของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูซึ่งมีการยกข้อความไปกล่าวและนำไปใช้โดยผู้เขียนพระคัมภีร์ภาคภาษากรีก”:
(ก) การอ้างถึงพระธรรมเยเนซิศในพระคัมภีร์ภาคภาษากรีกสนับสนุนบันทึกเรื่องการทรงสร้างในเยเนซิศอย่างไร?
(ข) มีการนำข้ออ้างอิงในเยเนซิศเรื่องอับราฮามและพงศ์พันธุ์ของอับราฮามมาใช้อย่างไร?
(ค) มีการยกข้อความอะไรไปกล่าวจากพระธรรมเอ็กโซโดซึ่งเกี่ยวกับพระบัญญัติสิบประการและแง่มุมอื่น ๆ ของพระบัญญัติ?
(ง) ที่ไหนที่เราจะพบการแถลงครั้งแรกเกี่ยวกับพระบัญญัติสองข้อหลักที่ให้รักพระยะโฮวาด้วยสิ้นสุดหัวใจและสุดจิตวิญญาณและให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง?
(จ) จงกล่าวถึงหลักการพื้นฐานบางข้อที่มีกล่าวไว้ในเพนทาทุกซึ่งมีการยกไปกล่าวในพระคัมภีร์ภาคภาษากรีก. มีการใช้หลักการเหล่านั้นอย่างไร?
(ฉ) ข้อความใดบ้างในบทเพลงสรรเสริญที่มีการอ้างถึงในพระคัมภีร์ภาคภาษากรีก ซึ่งยกย่องพระยะโฮวา (1) ในฐานะพระผู้สร้างและเจ้าของแผ่นดินโลก? (2) ในฐานะผู้แสดงความสนพระทัยในคนชอบธรรมและใฝ่พระทัยในพวกเขา?
(ช) พระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกนำข้อความต่าง ๆ จากยะซายาและผู้พยากรณ์คนอื่น ๆ มาใช้อย่างไรกับ (1) การประกาศข่าวดี? (2) การที่บางคนปฏิเสธข่าวดี? (3) การที่ผู้คนจากชาติต่าง ๆ นอกจากชนที่เหลือแห่งชาติยิศราเอล เข้ามาเป็นผู้เชื่อถือ? (4) ผลประโยชน์จากการสำแดงความเชื่อในข่าวดี?