ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ต90 8/12 น. 27-29
  • ดิฉันเคยตกเป็นตัวประกัน

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • ดิฉันเคยตกเป็นตัวประกัน
  • ตื่นเถิด! 1990
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • การ​แสดง​ตัว
  • ไม่​ได้​เป็น​ผู้​สม​รู้​ร่วม​คิด
  • ใน​ที่​สุด​ก็​เป็น​อิสระ
  • “อย่าทำอะไรโง่ ๆ ไม่งั้นผมจะฆ่าคุณ”
    ตื่นเถิด! 1991
  • การต่อสู้อันยาวนานอย่างทรหดเพื่อพบความเชื่อแท้
    ตื่นเถิด! 1995
  • การเข้าใกล้พระเจ้าช่วยดิฉันให้รับมือได้
    ตื่นเถิด! 1993
  • ครอบครัวที่รักผมอย่างแท้จริง
    ตื่นเถิด! 1995
ดูเพิ่มเติม
ตื่นเถิด! 1990
ต90 8/12 น. 27-29

ดิฉัน​เคย​ตก​เป็น​ตัว​ประกัน

“จง​อธิษฐาน​ขอ​จาก​พระเจ้า​ของ​คุณ เพื่อ​ให้​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​เป็น​ไป​ด้วย​ดี!” นั่น​เป็น​คำ​พูด​ที่​มา​จาก​คน​แปลก​หน้า ซึ่ง​เมื่อ​ไม่​กี่​ชั่วโมง​ก่อน​หน้า​นั้น​ได้​จับ​ดิฉัน—ผู้​หญิง​ที่​ไม่​มี​ทาง​สู้—โดย​รัด​คอ​จน​แน่น พร้อม​กับ​ขู่​ดิฉัน​ด้วย​ระเบิด​มือ​ลูก​หนึ่ง. ส่วน​ที่​ข้าง​นอก​นั้น บรรดา​ตำรวจ​นัก​แม่น​ปืน​ก็​กำลัง​เล็ง​ปืน​มา​ยัง​ที่​ที่​ดิฉัน​ถูก​จับ​อยู่. ดิฉัน​เป็น​ตัว​ประกัน​ใน​ธนาคาร​แห่ง​หนึ่ง​ที่​กัวเตมาลา ซิตี!

ชาย​คน​นั้น​ร้อง​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง​ว่า “อย่า​ขยับ! นี่​เป็น​การ​ปล้น! ผม​ต้องการ​เงิน​ทั้ง​หมด!” เขา​ตะโกน​ใส่​ตำรวจ​ว่า “อย่า​ยิง. ที่​ผม​ถือ​อยู่​นี้​ไม่​ใช่​ของ​เด็ก​เล่น. ถ้า​ยิง ผม​ไม่​ได้​ตาย​คน​เดียว. พวก​เรา​ทุก​คน​จะ​ต้อง​แหลก​ไม่​มี​ชิ้น​ดี!”

ดิฉัน​อธิษฐาน​ถึง​พระ​ยะโฮวา​เจ้า ขอ​ให้​พระองค์​ทรง​ช่วย​ดิฉัน เนื่อง​จาก​ดิฉัน​รู้สึก​ว่า​กำลัง​สูญ​เสีย​ความ​สงบ​เยือกเย็น. ดิฉัน​ขอ​พระองค์​โปรด​ช่วย​ให้​สงบ​อารมณ์​และ​ทน​การ​ทดลอง​ที่​ร้ายแรง​ครั้ง​นี้​ได้. ดิฉัน​จำ​ได้​ว่า​พระองค์​ทรง​เป็น​ป้อม​เข้มแข็ง ที่​คน​ชอบธรรม​วิ่ง​เข้า​ไป​ก็​พ้น​ภัย.—สุภาษิต 18:10.

เมื่อ​ได้​ความ​สงบ​เยือกเย็น​กลับ​คืน​มา ดิฉัน​สังเกต​ว่า​พนักงาน​ใน​ธนาคาร​พร้อม​ด้วย​ลูก​ค้า ออก​ไป​จาก​ธนาคาร​ได้​สำเร็จ. มี​ก็​เพียง​แต่​เจ้าหน้าที่​รักษา​ความ​ปลอด​ภัย ชาย​ที่​มา​ปล้น แล้ว​ตัว​ดิฉัน​เท่า​นั้น​ที่​ยัง​อยู่. จาก​นั้น พนักงาน​รักษา​ความ​ปลอด​ภัย ก็​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​ออก​ไป​ได้.

หลัง​จาก​นั้น​ครู่​ใหญ่ ชาย​ไม่​พก​อาวุธ​สี่​คน​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​เข้า​มา​ได้ หนึ่ง​ใน​จำนวน​นั้น​เป็น​นัก​จิตวิทยา (ซึ่ง​ดิฉัน​ได้​ทราบ​ใน​ภาย​หลัง) ส่วน​อีก​คน​หนึ่ง​เป็น​นัก​ข่าว. ทั้ง​สอง​ถาม​ผู้​ชาย​คน​นั้น​ด้วย​คำ​ถาม​ต่าง ๆ เช่น ทำไม​เขา​จึง​ทำ​เช่น​นี้. เขา​ตอบ​ว่า​ทำ​เพื่อ​แก้แค้น​ให้​สา​สม​กับ​ที่​หน่วย​งาน​บาง​แห่ง​ปฏิบัติ​กับ​เขา​อย่าง​เลว​ร้าย.

การ​แสดง​ตัว

ใน​ตอน​นั้น ดิฉัน​ดู​สงบ​เยือกเย็น นัก​จิตวิทยา​คน​นั้น​จึง​เริ่ม​ถาม​คำ​ถาม​ดิฉัน​บ้าง. เขา​ถาม​ถึง​ชื่อ​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่ แล้ว​ก็​พี่ ๆ น้อง ๆ. ดิฉัน​ได้​แสดง​ตน​เอง​ว่า​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​และ​เป็น​ลูก​คน​โต​ใน​จำนวน​พี่​น้อง​ห้า​คน คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​เป็น​คริสเตียน จึง​ได้​อบรม​สั่ง​สอน​หลักการ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​แก่​ลูก ๆ.

พอ​ตก​ค่ำ ผู้​ชาย​สี่​คน​นั้น​ก็​ทะยอย​กัน​ออก​ไป​ที​ละ​คน. ดิฉัน​ขอร้อง​ให้​ชาย​ที่​จับ​ตัว​ดิฉัน​ไว้​ปล่อย​ตัว​ดิฉัน​ออก​ไป​ด้วย. เขา​กลับ​ตอบ​ปฏิเสธ. ซ้ำ​ยัง​บอก​ว่า “ไม่​ต้อง​ห่วง. ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​จะ​เรียบร้อย​เอง. พวก​เขา​จะ​ให้​ใน​สิ่ง​ที่​ผม​ต้องการ แล้ว​คุณ​ก็​จะ​ได้​กลับ​บ้าน.” ดิฉัน​ตอบ​ว่า “พวก​เขา​ไม่​ให้​อะไร​คุณ​หรอก. พวก​เขา​จะ​ฆ่า​เรา​สอง​คน. ได้​โปรด​เถิด ออก​ไป​ข้าง​นอก​กัน.” แต่​เขา​บอก​ว่า “ผม​ยอม​ตาย และ​ถ้า​จำเป็น เรา​จะ​ตาย​ทั้ง​คู่.”

ดิฉัน​จำ​ได้​ว่า​เขา​พูด​อะไร​ไว้​ก่อน​หน้า​นี้ จึง​พยายาม​จะ​หา​เหตุ​ผล​กับ​เขา​ว่า “มี​ฉัน​อยู่​ด้วย​หรือ​เปล่า ตอน​ที่​พวก​เขา​ทำ​ร้าย​จิตใจ​คุณ?” “เปล่า” เขา​บอก. “แล้ว​ทำไม​ฉัน​จึง​ต้อง​รับ​โทษ​ใน​สิ่ง​ที่​ตัว​เอง​ไม่​ได้​ทำ​ด้วย​เล่า?” ดิฉัน​ถาม. เขา​ตอบ​ว่า “มัน​เป็น​เรื่อง​ของ​เคราะห์​กรรม. ถ้า​เรา​ต้อง​ตาย​ที่​นี่ เรา​ก็​จะ​ต้อง​ตาย.” แต่​ดิฉัน​ตอบ​ไป​ว่า “มัน​ไม่​ได้​เป็น​เคราะห์​กรรม​หรอก. คุณ​ต่าง​หาก​ล่ะ​ที่​มี​ความ​คิด​อยู่​ใน​หัว​ว่า​คุณ​จะ​ต้อง​ตาย. พระ​ยะโฮวา​เป็น​พระเจ้า​แห่ง​ความ​รัก พระองค์​จะ​ทรง​ให้​อภัย​เรา. พระองค์​กำลัง​ให้​โอกาส​เรา​เพื่อ​ได้​ชีวิต​รอด เพราะ​พระ​ประสงค์​ของ​พระองค์​ไม่​เคย​เปลี่ยน​แปลง. พระองค์​จะ​ทรง​ทำ​ให้​โลก​นี้​เป็น​อุทยาน​อีก​ครั้ง​หนึ่ง.”

ใน​ช่วง​เวลา​นั้น​เอง ก็​มี​ใคร​คน​หนึ่ง​เข้า​มา​ใน​ธนาคาร แล้ว​เร่งเร้า​ให้​ผู้​ร้าย​นี้​ยอม​มอบ​ตัว โดย​บอก​ว่า “มา​ตก​ลง​กัน​ดี​กว่า. ปล่อย​ซิ​โอ​มารา​ไป​เสีย. ส่วน​แก​ก็​ไป​เอา​เงิน​ที่​เคาน์เตอร์​แล้ว​ก็​ที่​ตู้​เซฟ แล้ว​ออก​ไป​ด้วย​กัน พวก​นั้น​จะ​ได้​ไม่​ทำ​อันตราย​แก​ไง​ล่ะ” แต่​ผู้​ที่​จับ​กุม​ดิฉัน​ไว้​กลับ​ตอบ​ปฏิเสธ.

ไม่​ได้​เป็น​ผู้​สม​รู้​ร่วม​คิด

หลาย​ชั่วโมง​ผ่าน​ไป. จู่ ๆ ดิฉัน​ก็​ได้​ยิน​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​พูด​ผ่าน​โทรโข่ง​เข้า​มา​ว่า “ยอม​แพ้​ดี​กว่า! พวก​คุณ​ไม่​มี​วัน​ชนะ​หรอก. เดิน​ออก​มา​พร้อม​กับ​ชู​มือ​ขึ้น. บอก​ผู้​ชาย​คน​นั้น​ให้​ยอม​มอบ​ตัว​ดี​กว่า. คุณ​ไม่​ใช่​ตัว​ประกัน​หรอก. คุณ​ก็​เป็น​พวก​มัน​นั่น​แหละ! ไม่​ต้อง​มา​ตบตา​อีก​ต่อ​ไป!” ดิฉัน​รู้สึก​ตกใจ​มาก จึง​ร้อง​ออก​ไป​ว่า “พวก​คุณ​มี​สิทธิ​อะไร​มา​กล่าวหา​ฉัน?” เสียง​นั้น​ก็​ตอบ​กลับ​มา​ว่า “เรา​จับตา​ดู​คุณ​อยู่ คุณ​มี​อาการ​สงบ​เยือกเย็น​มาก. ใคร ๆ ที่​ตก​อยู่​ใน​ฐานะ​อย่าง​คุณ​คง​ทำ​เช่น​นั้น​ไม่​ได้​แน่ ๆ.”

เมื่อ​ได้​ยิน​เช่น​นี้ ดิฉัน​จึง​เอ่ย​พระ​นาม​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง แล้ว​อธิษฐาน. จาก​นั้น ดิฉัน​ก็​บอก​กับ​ผู้​ที่​พูด​ผ่าน​โทรโข่ง​กล่าวหา​ดิฉัน​ว่า “สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​จะ​ต้อง​ทิ่ม​แทง​คุณ​ไป​ชั่ว​ชีวิต ที่​มา​กล่าวหา​ฉัน​โดย​ไม่​มี​หลักฐาน.” ดิฉัน​ได้​ทราบ​ใน​ภาย​หลัง​ว่า​หนังสือ​พิมพ์​ฉบับ​หนึ่ง​และ​สถานี​โทรทัศน์​แห่ง​หนึ่ง​ใน​กัวเตมาลา​ได้​รายงาน​ว่า​ดิฉัน​เป็น​ผู้​สม​รู้​ร่วม​คิด​อย่าง​เห็น​ได้​ชัด.

ใน​ขณะ​นั้น​เอง ผู้​ชาย​ที่​จับ​กุม​ดิฉัน​ไว้​ก็​พูด​แทรก​ขึ้น​ว่า “เลิก​ยุ่ง​กับ​เธอ​เสีย​ที! เธอ​ไม่​ได้​มี​ส่วน​รู้​เห็น​กับ​ผม​หรอก! ผม​เพิ่ง​พบ​เธอ​ที่​นี่ และ​เธอ​ก็​เพียง​แต่​ทำ​ตาม​ที่​ผม​สั่ง​เท่า​นั้น.”

ดิฉัน​นึก​ถึง​ข้อ​ความ​ที่​พระ​ยะโฮวา​ไม่​ได้​ทรง​ประทาน​ให้​เรา​มี​ใจ​ขลาด​กลัว แต่​ทรง​ประทาน​ให้​เรา​มี​ใจ​ประกอบ​ด้วย​พลัง​และ​สติ​มั่นคง. (2 ติโมเธียว 1:7, ล.ม.) สิ่ง​นี้​ทำ​ให้​ดิฉัน​มี​ความ​กล้า​หาญ เช่น​เดียว​กับ​ที่​ทราบ​ว่า​ดิฉัน​ไม่​ได้​อยู่​เพียง​ลำพัง. ใน​ส่วน​ลึก​แล้ว ดิฉัน​รู้สึก​โล่ง​ใจ และ​คิด​ว่า ‘ถ้า​เรา​มี​ชีวิต​อยู่ ก็​อยู่​เพื่อ​พระ​ยะโฮวา และ​ถ้า​เรา​ตาย ก็​ตาย​เพื่อ​พระองค์.’—โรม 14:8.

หลัง​เที่ยง​คืน ดิฉัน​ก็​ถาม​ชาย​นั้น​อีก​ว่า​เขา​ได้​เปลี่ยน​ใจ​แล้ว​ไหม. เมื่อ​เขา​ตอบ​ว่า ไม่ ดิฉัน​จึง​เอ่ย​ถึง​ครอบครัว​ดิฉัน. ดิฉัน​บอก​เขา​ว่า​ดิฉัน​รัก​พวก​เขา ไม่​อยาก​จากพวก​เขา​ไป แม้​จะ​ทราบ​ว่า​หาก​เป็น​พระ​ประสงค์​ของ​พระ​ยะโฮวา ดิฉัน​จะ​ได้​พบ​เขา​อีก​ใน​โลก​ใหม่. ตอน​นี้​เอง ชาย​คน​ร้าย​จึง​บอก​ดิฉัน​ให้​อธิษฐาน​ถึง​พระเจ้า แล้ว​ขอ​ให้​พระองค์​ทรง​บันดาล​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​เป็น​ไป​ด้วย​ดี.

จาก​ด้าน​นอก​ของ​ธนาคาร ดู​เหมือน​ว่า​ตำรวจ​บาง​คน​กำลัง​พยายาม​จะ​บอก​อะไร​ให้​ดิฉัน. ต่อ​มา จึง​ได้​ทราบ​ว่า​พวก​เขา​พยายาม​จะ​ให้​ดิฉัน​มา​ใกล้​ประตู เพื่อ​พวก​เขา​จะ​ได้​ช่วย​ออก​ไป​ได้. แล้ว​ดิฉัน​ก็​ได้​ยิน​พวก​เขา​พูด​กับ​ผู้​ร้าย​ว่า “หยิบ​เงิน​ที่​อยู่​ตรง​นั้น แล้ว​ปล่อย​เธอ​ออก​มา​เสีย. เรา​รู้​แล้ว​ซิ​โอ​มารา​ไม่​ได้​มี​ส่วน​อะไร​ใน​เหตุ​การณ์​นี้.”

ดิฉัน​ไม่​ทราบ​หรอก​ว่า​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​พร้อม​กับ​เพื่อน​คริสเตียน​บาง​คน​อยู่​ข้าง​นอก​นั้น​ด้วย. พวก​เขา​ช่วย​อธิบาย​ให้​ทราบ​ว่า​ดิฉัน​ไม่​ได้​มี​ส่วน​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ผู้​ชาย​ที่​เข้า​ปล้น​ธนาคาร​นั้น​เลย.

จาก​นั้น ก็​มี​ข้อ​ต่อ​รอง​ใหม่​จาก​คน​ร้าย​ว่า “ผม​ต้องการ​รถ​ตำรวจ​ที่​มี​วิทยุ พร้อม​ด้วย​คน​ขับ​ที่​ไม่​มี​อาวุธ เพื่อ​พา​ผม​ไป​ยัง​ที่​ที่​ผม​ต้องการ และ​เมื่อ​เรา​อยู่​ใน​ที่​ปลอด​ภัย​แล้ว ผม​จะ​ปล่อย​เธอ​ไป. ถ้า​พวก​คุณ​พยายาม​จะ​ยิง​ผม​ละ​ก้อ ทั้ง​ผม​และ​เธอ​จะ​แหลก​ไม่​มี​ชิ้น​ดี.” แต่​ดิฉัน​ก็​ยัง​คง​ยืนกราน​ว่า “เลิก​คิด​อย่าง​นี้​เสีย​ที. คุณ​คิด​แต่​ว่า​จะ​ตาย ๆ. แต่​ร่าง​กาย​ของ​เรา​เป็น​ของ​พระ​ยะโฮวา​นะ.”

ใน​ที่​สุด​ก็​เป็น​อิสระ

ประมาณ​ตี​สี่ ดิฉัน​เริ่ม​รู้สึก​ไม่​สบาย. เวลา​นาน​กว่า 16 ชั่วโมง​ได้​ผ่าน​ไป นับ​แต่​ที่​ดิฉัน​เข้า​มา​ใน​ธนาคาร. ดิฉัน​ไม่​ได้​นอน ไม่​ได้​รับประทาน​อะไร​เลย แล้ว​เสียง​คน​ที่​พูด​ผ่าน​โทรโข่ง​ทำ​ให้​เรา​ทั้ง​สอง​ประสาท​เสีย.

ใน​ตอน​รุ่ง​เช้า ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​ที่​จริง​เป็น​แพทย์​ได้​พูด​กับ​ดิฉัน. เธอ​บอก​ว่า​แต่​ละ​ขณะ​ที่​ผ่าน​ไป​ก็​ยิ่ง​ทำ​ให้​อาการ​ของ​ดิฉัน​แย่​ลง ๆ. ชาย​คน​ร้าย​ได้​บอก​กับ​ดิฉัน​ว่า “กรุณา​แข็ง​ใจ​ทน​อีก​หน่อย.” และ​แล้ว​เขา​ก็​ยอม​ให้​มี​คน​เข้า​มา​ดู​แล​ดิฉัน​ได้. แต่​คน​ที่​อยู่​ข้าง​นอก​ซึ่ง​จะ​เข้า​มา​ดู​แล​ดิฉัน​กลับ​กลัว และ​ไม่​ยอม​เข้า​มา.

ประมาณ 7:45 น. ดิฉัน​รู้สึก​หนาว​สะท้าน​ไป​ทั่ว​ทั้ง​ตัว. จาก​นั้น ก็​รู้สึก​วิง​เวียน​แล้ว​ล้ม​ลง​บน​พื้น​โดย​ไม่​รู้สึก​ตัว. เมื่อ​ฟื้น​ขึ้น ปรากฏ​ว่า​ดิฉัน​มา​อยู่​นอก​ธนาคาร​เสีย​แล้ว! เจ้าหน้าที่​ตำรวจ​คน​หนึ่ง​ช่วย​พยุง​ตัว​ดิฉัน​ขึ้น โดย​มี​อีก​สอง​คน​เข้า​มา​ช่วย ดิฉัน​วิ่ง​ไป​ที่​รถ​ตำรวจ​และ​ถูก​นำ​ตัว​ส่ง​โรง​พยาบาล. ขณะ​ที่​ออก​จาก​รถ ดิฉัน​เป็น​ลม​อีก แล้ว​ก็​ไม่​ฟื้น​จน​กระทั่ง​ได้​รับ​การ​รักษา​พยาบาล. จาก​นั้น ก็​มี​คน​บอก​ว่า “คุณ​ปลอด​ภัย​แล้ว​ตอน​นี้. ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​เป็น​ไป​ด้วย​ดี. พักผ่อน​เถอะ.” ดิฉัน​คิด​ถึง​พระ​ยะโฮวา​เจ้า. ขอบพระคุณ​พระองค์​ที่​ทรง​ช่วย​ดิฉัน​ให้​อด​ทน​ต่อ​การ​ทดลอง​อัน​หนัก​หน่วง​นี้.

ภาย​หลัง คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​จึง​เล่า​ว่า​ดิฉัน​ออก​มา​จาก​ธนาคาร​ได้​อย่าง​ไร. ชาย​คน​ร้าย​พา​ดิฉัน​ออก​มา แล้ว​พยายาม​จะ​ทำ​ให้​ดิฉัน​ฟื้น. แต่​ชั่ว​ขณะ​หนึ่ง เขา​ปล่อยมือ​จาก​ตัว​ดิฉัน แล้ว​หัน​มอง​ไป​ทาง​ธนาคาร. และ​เป็น​ช่วง​เวลา​นั้น​เอง​ที่​ตำรวจ​เข้า​ไป​จับ​เขา​และ​ช่วย​ดิฉัน​ไว้. พวก​ตำรวจ​ไม่​ทราบ​ว่า​มี​อะไร​มา​ดล​ใจ​ให้​ชาย​ที่​จับ​ตัว​ดิฉัน​ไว้​ปล่อยมือ​ออก​ไป แล้ว​มอง​ไป​ทาง​ธนาคาร ทั้ง ๆ ที่​เขา​รู้​ว่า​ไม่​มี​ใคร​อยู่​ที่​นั่น.

หลัง​จาก​อยู่​ใน​โรง​พยาบาล​สี่​วัน ดิฉัน​ก็​กลับ​บ้าน​ได้. ดิฉัน​รู้สึก​ซาบซึ้ง​ใน​การ​แสดง​ความ​รัก​ของ​พี่​น้อง​คริสเตียน​ชาย​หญิง. มี​ประมาณ 60 คน​ด้วย​กัน​มา​ที่​บ้าน​ของ​ดิฉัน. ช่าง​เป็น​ความ​รู้สึก​ปีติ​ยินดี​ที่​ได้​ทราบ​ว่า​ดิฉัน​และ​ครอบครัว​ไม่​ได้​อยู่​เพียง​ลำพัง! ดิฉัน​คิด​ถึง​เป้าหมาย​ใน​ชีวิต ซึ่ง​ก็​คือ​การ​รับใช้​พระเจ้า และ​ความ​จริง​ของ​คำ​กล่าว​ที่​ว่า “เมื่อ​ข้าพเจ้า​ได้​แสวง​หา​พระ​ยะโฮวา, พระองค์​ได้​ทรง​ตอบ​ข้าพเจ้า, และ​ได้​ทรง​ช่วย​ข้าพเจ้า​ให้​พ้น​จาก​ความ​หวาด​กลัว​ทั้ง​ปวง.” (บทเพลง​สรรเสริญ 34:4)—เล่า​โดย ซิโอมารา เวลาส์เควซ โลเปซ.

[รูป​ภาพ​หน้า​28]

ซิโอมารา เวลาส์เควซ โลเปซ

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์