การเพ่งดูโลก
ร้อนเป็นประวัติการณ์
ผู้เชี่ยวชาญทางดินฟ้าอากาศ เจมส์ ฮันเซน มีความมั่นใจว่าปรากฏการณ์เรือนกระจกได้เริ่มทำให้อากาศของโลกร้อนขึ้นแล้ว จนเขาพนันกับเพื่อนนักอุตุนิยมวิทยาว่า อย่างน้อยช่วงหนึ่งปีในสามปีแรกแห่งทศวรรษปี 1990 จะทำลายสถิติอากาศร้อน. เขาไม่อาจชนะพนันเร็วกว่านั้นได้. ตามระบบวัดอุณหภูมิสามระบบที่เป็นอิสระปี 1990 เป็นปีที่ร้อนที่สุด เท่าที่มีการบันทึกมา. อย่างไรก็ตาม นักอุตุนิยมวิทยาส่วนใหญ่รู้สึกว่ามันยังเร็วไป ที่จะระบุว่าปรากฏการณ์เรือนกระจก เป็นสาเหตุทำให้อุณหภูมิสูงเป็นประวัติการณ์. เขาบอกว่าหนึ่งปีไม่พอที่จะพิสูจน์อะไรได้. ฮันเซน เห็นด้วยแต่ยืนกรานว่าแนวโน้มมูลฐานจะทำให้การพนันของเขาชนะแน่นอน. ตามวารสาร ไซเยนส์ เขาบอกว่า เป็นไปยากที่อากาศจะเย็นลง “เพราะได้รับความกดดันมากพอสมควรจากก๊าซหลายชนิดซึ่งก่อปรากฏการณ์เรือนกระจก ที่ทำให้ดินฟ้าอากาศร้อนขึ้น.”
การโจมตีเปาโล
บิชอพชาวอเมริกันแห่งนิกายเอพิสโคพัล จอห์น เอส. สปอง เพิ่งจัดพิมพ์หนังสือซึ่งอ้างว่าอัครสาวกเปาโลเป็นคนรักร่วมเพศ. สปองเป็นคนที่ก่อให้เกิดความโต้แย้งเป็นเวลานานมาแล้ว. ในทศวรรษปี 1970 เขารณรงค์เพื่อการแต่งตั้งผู้หญิงเป็นนักเทศน์. ในทศวรรษปี 1980 เขารบเร้าให้นักเทศน์นักบวชอวยพรความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศ และแต่งตั้งคนที่ปฏิบัติกิจรักร่วมเพศเป็นนักเทศน์. เดี๋ยวนี้ตามที่ลงในเดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ โดยการที่เขาสอนว่าเปาโลเป็นคนรักร่วมเพศ สปอง “หวังจะทำให้คนรักร่วมเพศสบายใจขึ้นในคริสต์จักรเอพิสโคพัล และดึงดูดผู้คนซึ่งออกจากคริสต์จักร เพราะรู้สึกว่าเป็นสถาบันที่จะไปไม่รอด ซึ่งผูกพันกับแนวความคิดแบบโบราณ.” อย่างไรก็ตาม ไทมส์ ให้ข้อสังเกตว่า “การวิพากษ์วิจารณ์ข้อสรุปของเขาเกี่ยวกับเปาโลก็มาจากทั่วทุกหัวระแหง เพื่อนและศัตรู นักเสรีนิยมและนักอนุรักษ์นิยม โปรเตสแตนต์และคาทอลิก.” สิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งอาจเป็นการบิดเบือนเรื่องก็คือ สปองยืนกรานว่าข้อสรุปของเขาอาศัย “การศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอย่างจริงจัง.”
รูปแบบชีวิตที่ทำให้ตาย
ดร. อีวาน เกียร์ฟาส์ หัวหน้าหน่วยโรคเส้นเลือดหัวใจขององค์การอนามัยโลกอ้างว่า สามารถป้องกันความตายครึ่งหนึ่งโดยเปลี่ยนรูปแบบชีวิต. มะเร็งปอด ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจวาย และโรคเส้นโลหิตในสมองแตก เป็นเหตุของความตายในประเทศอุตสาหกรรมร้อยละ 70 ถึง 80. โรคเหล่านี้มักพัวพันกับนิสัยที่อันตรายต่อสุขภาพเช่น สูบบุหรี่ การทานอาหารไม่เลือก ขาดการออกกำลังกาย—รูปแบบชีวิตของคนที่ถือกันว่าร่ำรวย. แต่ อินเตอร์เนชันแนล เฮรัลด์ ทริบูน แห่งปารีสรายงานว่า “โรครูปแบบชีวิต” เหล่านี้ เดี๋ยวนี้เป็นเหตุแห่งความตายร้อยละ 40 ถึง 50 ในประเทศที่กำลังพัฒนาด้วย. สิ่งที่สวนทางกันคือ ดูเหมือนว่ารูปแบบชีวิตซึ่งตามปกติถือกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญทางเศรษฐกิจ เป็นสิ่งที่พัวพันโดยตรงกับสาเหตุแห่งความตายทั่วโลก.
เพศและเด็กสาว
ความกลัวโรคเอดส์อาจเป็นเหตุให้ชาวอเมริกันบางคนเปลี่ยนพฤติกรรมทางเพศ แต่ไม่เป็นเช่นนั้นสำหรับเด็กสาว ตามการศึกษาค้นคว้าโดย ซีดีซี (ศูนย์ควบคุมโรค) แห่งแอตแลนตา จอร์เจีย สหรัฐ. ในปี 1970 ขณะที่ “การปฏิวัติทางเพศ” กำลังเฟื่องฟูสุดขีด ร้อยละ 28.6 ของเด็กสาววัย 15 ถึง 19 ปีในสหรัฐรายงานว่าได้มีเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรส. เมื่อถึงปี 1988 ซึ่งตอนนั้นโรคเอดส์แพร่หลายอย่างกว้างขวางแล้ว ตัวเลขกลับถีบตัวสูงถึงร้อยละ 51.5 การเพิ่มขึ้นมากที่สุดอยู่ในกลุ่มผู้ที่อายุน้อยที่สุด เด็กสาววัย 15 ปี: เพิ่มจากร้อยละ 4.6 ในปี 1970 เป็นร้อยละ 25.6 ในปี1988. การสำรวจโดยซีดีซีพบด้วยว่ายิ่งเด็กสาวอายุน้อยเท่าไรตอนที่มีเพศสัมพันธ์ ก็ยิ่งมีทางเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้นที่เธอจะมีคู่นอนหลายคน. ไม่น่าแปลก ที่ได้มีการพบว่าเด็กสาวมีปัญหาเกี่ยวกับโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ค่อนข้างสูงมากด้วย.
การปกป้องยักษ์แห่งแอฟริกา
คณะผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมันได้แจ้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า จำนวนช้างในแอฟริกาได้เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงสิบปี ตามรายงานของเดอะ สตาร์ หนังสือรายวันฉบับหนึ่งแห่งแอฟริกาใต้. คณะสำรวจนี้กะว่าปัจจุบันมีช้าง 609,000 เชือกในแอฟริกา. นั่นเป็นจำนวนไม่ถึง ครึ่งของช้างที่มีชีวิตอยู่ในปี 1979 แต่พวกเขาเชื่อว่าอย่างน้อยแนวโน้มแห่งการลดลงได้หยุดชะงัก. เขายกความดีนี้ให้แก่การห้ามอย่างกว้างขวางไม่ให้ค้าขายงาช้าง อันยังผลให้ราคาตกฮวบฮาบและการค้าทรุดลง. ในขณะเดียวกันความพยายามอย่างเร่งด่วนกำลังดำเนินอยู่ เพื่อปกป้องแรดของแอฟริกา. ในนามิเบีย ผู้อนุรักษ์กำลังถอนนอแรดเพื่อนักลักลอบล่าสัตว์จะไม่มีเหตุผลในการฆ่าสัตว์เหล่านั้น. อย่างไรก็ดี ตามเดอะ สตาร์ เทค ไรลีย์ นักอนุรักษ์นิยมแห่งสวาซิแลนด์ ทำนายว่ามาตรการฉุกเฉินนี้จะไม่ได้ผล. เขาเคยเห็นนักลักลอบฆ่าสัตว์สังหารแม้กระทั่งแรดตัวอ่อน ๆ เพื่อได้ตออันกระจิดริดของนอแรด
การเป็นมารดาซึ่งมีอันตราย
ทุก ๆ ปีผู้หญิงห้าแสนคนตายเนื่องด้วยปัญหายุ่งยากในการตั้งครรภ์ และการคลอดบุตร ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก. อย่างไรก็ตาม วารสารเวิลด์ วอทช์ ให้ข้อสังเกตว่าผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า ตัวเลขจริงคงจะสูงกว่าอย่างน้อยสองเท่า. ภัยพิบัตินี้คุกคามที่สุดในประเทศที่ด้อยพัฒนา. ปีนี้จะคร่าชีวิต 1 ในหญิงที่มีครรภ์ 73 คนในอเมริกาใต้, 1 ใน 38 คนในเอเชียใต้ และ 1 ใน 21 คนในแอฟริกา เทียบกับ 1 ใน 10,000 คนในยุโรปตอนเหนือ. เวิลด์ วอทช์ โทษปัจจัยต่าง ๆ เช่นการบำรุงร่างกายไม่ดี และอุปกรณ์อำนวยประโยชน์ทางสุขอนามัยที่ล้าสมัยเป็นเหตุทำให้การเป็นแม่ต้องเสี่ยงอันตรายถึงขนาดนั้น. การทำแท้งอย่างเดียวทำให้มารดา 200,000 คนเสียชีวิตแต่ละปี. การศึกษาค้นคว้าแสดงว่า ลูกที่กำพร้าแม่ยิ่งตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นจากการขาดอาหารและความตาย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เด็กจำนวนมหาศาล 15,000,000 คนซึ่งอายุต่ำกว่าห้าขวบตายทุก ๆ ปีในประเทศที่กำลังพัฒนา.
กองเรือที่รุนแรง
การลุกฮือขั้นรุนแรงบนเรือประมงของไต้หวัน ได้เปิดเผยถึงแนวโน้มแห่งความขมขื่นในกองเรือประมงไต้หวัน ดังรายงานในเอเชียวีค. ตามรายงาน การลุกฮือเกิดขึ้นหลังจากลูกเรือสองคนเกิดเสียสติเนื่องด้วยการปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณของกัปตันเรือ ลูกเรือได้พยายามฆ่าตัวตายโดยกระโดดออกจากเรือ—เมื่อนั้นกัปตันได้ลากเขาขึ้นจากทะเล แล้วทำทารุณกรรมเพิ่มขึ้นอีก. การลุกฮือที่เกิดขึ้นต่อมา ยังผลให้ลูกเรืออย่างน้อยแปดคนต้องตาย ดูเหมือนว่าไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงหนเดียว. เอเชียวีคได้รายงานซึ่งสอดคล้องกับของกรมประมงไต้หวันดังนี้ “ชาวประมงอย่างน้อย 3,000 คนจากเรือไต้หวันมีรายงานว่าได้ตายหรือสูญหายในช่วงสิบปีที่ผ่านไป.” มีผู้ที่ทำงานทางสังคมคนหนึ่งบอกกับวารสารนี้ว่า “จำนวนคนที่ถูกฆ่าหรือถูกบังคับให้เดินบนไม้กระดานมรณะ แล้วตกทะเลตายของเรือประมงเหล่านี้เป็นที่น่าตระหนก.”
ทำให้ชีววิทยาน่าเบื่อหน่าย
คณะหนึ่งประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์และนักการศึกษา ได้แจ้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ชีววิทยาสอนกันอย่างเหลวแหลกในสหรัฐ ถึงขนาดที่หลักสูตรดูเหมือนได้ออกแบบเพื่อทำลายความสนใจของพวกเด็ก ๆ ในวิทยาศาสตร์. ในรายงานที่เปิดเผยอย่างไม่เคยมีมาก่อน กลุ่มนั้นอ้างว่าครูสอนได้รับการฝึกอบรมไม่ดีและใช้คู่มือซึ่งบ่อยครั้ง ไม่น่าสนใจ ผิวเผิน ล้าสมัย และแม้แต่ไม่แม่นยำ. คณะนั้นกล่าวว่า นักศึกษาผละหนีจากหลักสูตรชีววิทยาเช่นนั้น “พร้อมด้วยความมั่นใจว่าการไปคลุกคลีกับวิทยาศาสตร์ต่อไป เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงถ้ามีทางเป็นไปได้.” ดร. ทิโมธี เอช. โกลด์สมิธ ประธานคณะวิจารณ์ทุกแง่ทุกมุมของระบบการศึกษา.
คนไร้บ้านในเยอรมนี
มากกว่าหนึ่งล้านคนในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีไม่มีบ้านอยู่ ตามรายงานของสมาคมเพื่อคนเร่ร่อนแห่งเยอรมนี. ไฮน์ริช ฮอลต์มันน์ สปอตเตร์ เลขานุการของสมาคมให้ข้อสังเกตว่า ประมาณ 130,000 คนของพวกเร่ร่อนเหล่านี้ไม่มีรายได้ที่แน่นอน. ส่วนที่เหลือของคนไร้บ้าน เป็นคนอพยพจากประเทศอื่น หรือคนที่ขอลี้ภัยในเยอรมนี. แต่ในกรณีส่วนใหญ่ ฮอลต์มันน์สปอตเตร์อ้างว่า เหตุผลสำหรับการไร้ที่อยู่อาศัยคือ “ไม่มีที่อาศัยราคาถูก.” หนังสือรายวันของเยอรมันฟรังก์ฟูรเตอร์ อัลเกไมน์ ไซตุง รายงานว่าจำนวนคนไม่มีบ้านอยู่ได้เพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกตในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านไป และคนจรจัดเดี๋ยวนี้เป็น “ลักษณะธรรมดาในแทบทุกเมืองของเยอรมนี.”
อันตรายในการเล่นคลื่นตัวเปล่า
กีฬาทางน้ำ เล่นคลื่นทะเลตัวเปล่าไม่ง่ายเสมอไปดังที่คิดกัน เป็นคำเตือนจากวารสารอิน เฮลธ์ แห่งอเมริกา. เดบบี เกอเบิร์ต ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อ ณ ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมเพื่อฟื้นฟูการทำงานของอวัยวะที่เสียไป แห่งห้วงสมุทรแปซิฟิก ได้ตรวจดูบันทึกโรงพยาบาลในฮาวายสำหรับช่วงปี 1985 ถึง 1988. เธอพบว่าใน 500 คนที่ส่งเข้าโรงพยาบาลเพราะการบาดเจ็บจากทะเล ส่วนใหญ่เป็นพวกเล่นคลื่นตัวเปล่าซึ่งได้รับความเสียหายระยะยาว. การบาดเจ็บของเขามีตั้งแต่กระดูกหักและหลังเสียหายถึงขนาดเป็นอัมพาต และมีบางรายถึงกับสมองกระทบกระเทือน. คนส่วนใหญ่ที่บาดเจ็บ เป็นนักทัศนาจรที่ขาดประสบการณ์. อิน เฮลธ์ เตือนว่า “ไม่ว่าคุณไปพักร้อนชายฝั่งฮาวาย, แคลิฟอร์เนีย, แมรีแลนด์, หรือออสเตรเลีย ควรถามเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตว่าคลื่นทะเลแรงแค่ไหน และชายฝั่งเป็นอย่างไรก่อนที่จะกระโดดเข้าไป.”
“ความรุนแรงอันไร้เหตุผล”
เพราะสะดุ้งตกใจเนื่องด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตจากการขับรถอย่างประมาทในบราซิลแต่ละปี บทบรรณาธิการในหนังสือพิมพ์รายวัน โอ เอสตาโด เดอ เอส. เปาโล กล่าวว่า “เป็นปัญหาหนึ่งของความรุนแรงอันไร้เหตุผล, การฆ่าอย่างเสรี, เป็นพยานหลักฐานอีกด้านหนึ่งของความไม่รับผิดชอบ และอีกประการหนึ่งเกี่ยวกับการดูถูกชีวิตของมนุษย์อย่างน่าตระหนก.” บราซิลทำอะไรบ้างเพื่อให้คนขับรถที่เลินเล่อได้สติขึ้นมา? ผู้พิพากษาคนหนึ่งได้ตัดสินชายวัย 23 ปีผู้ซึ่งทำให้เพื่อนสองคนเสียชีวิตในการประลองความเร็วตามถนนให้ใช้เวลาสองปีเฝ้าสังเกตการผ่าศพชันสูตรผู้เคราะห์ร้ายจากอุบัติเหตุบนท้องถนน. คนขับรถซึ่งคร่าชีวิตเด็กหญิงวัย 15 ปี และทำให้อีกห้าคนบาดเจ็บถูกลงโทษ “ให้ทำงานสามปีในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่รับเคราะห์จากอุบัติเหตุ.”